ขบวนรถไฟโดยสารซึ่งกลับมาให้บริการอีกครั้ง แล่นอยู่บนสะพานเคิร์ช ที่เชื่อมระหว่างแหลมไครเมียกับแผ่นดินใหญ่รัสเซีย เมื่อวันอาทิตย์ (9 ต.ค.) ขณะวิ่งเข้าไปใกล้ๆ ขบวนรถไฟบรรทุกเชื้อเพลิงที่ถูกพระเพลิงเผาผลาญ จอดแน่นิ่งอยู่ที่ทางรถไฟอีกรางหนึ่ง เนื่องจากแรงระเบิดซึ่งเกิดขึ้นในวันเสาร์ (8) โดยที่ด้านล่างลงมา สามารถมองเห็นส่วนที่เป็นถนนของสะพานนี้ซึ่งขาดและหล่นลงไปในทะเล
ปูตินออกคำสั่งคุมเข้มรักษาความปลอดภัย ขณะรัสเซียเร่งดำเนินการสอบสวนในวันอาทิตย์ (9 ต.ค.) พร้อมกับรีบฟื้นการเดินทางด้วยรถไฟและการสัญจรทางถนนบางส่วนบนสะพานใหญ่ซึ่งเป็นเส้นทางติดต่อสายสำคัญมากระหว่างแผ่นดินใหญ่รัสเซียกับแหลมไครเมีย หลังจากเมื่อวันเสาร์ (8) เกิดเหตุวินาศกรรมคนร้ายใช้ “ระเบิดรถบรรทุก” ทำลายตัวสะพานได้รับความเสียหายไปบางส่วน ขณะที่ในอีกด้านหนึ่งยูเครนระบุว่า รัสเซียยิงขีปนาวุธโจมตีเมืองซาโปริซเซีย ซึ่งยังอยู่ในความควบคุมของเคียฟในตอนเช้ามืดวันอาทิตย์ ทำให้กลุ่มอาคารที่พักอาศัยได้รับความเสียหาย มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 13 คน บาดเจ็บ 87 คน
หลังเหตุระเบิด “สะพานไครเมีย” หรือ “สะพานเคิร์ช” ความยาว 19 กิโลเมตร ที่ทอดยาวข้ามเหนือช่องแคบเคิร์ชเมื่อวันเสาร์ (8) บรรดาเจ้าหน้าที่ยูเครนต่างออกมาแสดงความคิดเห็นอย่างยินดีแต่ไม่มีการประกาศความรับผิดชอบ ขณะที่รัสเซียยังไม่ได้ชี้นิ้วกล่าวหาใครทันทีเช่นเดียวกัน
ด้านรองนายกรัฐมนตรีมารัต คุสนุลลิน ของรัสเซีย แถลงในวันอาทิตย์ว่า นักประดาน้ำแดนหมีขาวเริ่มสำรวจความเสียหายส่วนใต้น้ำของสะพานตั้งแต่เช้าวันอาทิตย์ และคาดว่า การสำรวจเหนือเส้นระดับน้ำข้างเรือ ซึ่งจะทำกันอย่างละเอียดจะลุล่วงในช่วงเย็นวันเดียวกัน
ขณะที่ เซียร์เก แอคซิโอนอฟ ผู้ว่าการแคว้นไครเมีย ยืนยันว่า สถานการณ์อยู่ในระดับที่ควบคุมได้ และสำทับว่า ไครเมียมีเชื้อเพลิงและอาหารอย่างเพียงพอสำหรับระยะเวลา 1 เดือนและ 2 เดือนตามลำดับ พร้อมกันนั้นเขาบอกว่า แน่นอนอยู่แล้วที่มีเสียงเรียกร้องให้ทำการตอบโต้แก้เผ็ด
ส่วนกระทรวงกลาโหมรัสเซียก็แถลงว่า กองกำลังที่กำลังสู้รบอยู่ทางภาคใต้ของยูเครน ซึ่งคืออยู่เหนือแหลมไครเมียขึ้นไป ยังคงได้รับอาวุธยุทธสัมภาระอย่างเต็มที่ โดยผ่านเส้นทางทางบกและทางทะเลที่มีอยู่
ทั้งนี้ รัสเซียซึ่งเข้ายึดแหลมไครเมียจากยูเครนและประกาศผนวกเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของตนในปี 2014 ได้ดำเนินการสร้างสะพานที่ยาวที่สุดในยุโรปแห่งนี้ และเปิดใช้งานอย่างเอิกเกริกเมื่อ 4 ปีที่แล้ว โดยมีประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เป็นผู้เปิดงาน สะพานแห่งนี้ประกอบด้วยถนนขนาด 4 เลน และทางรถไฟรางคู่ แรงระเบิดจาก “ทรัคบอมบ์” เมื่อวันเสาร์ ทำให้ถนนบางส่วนของสะพานขาดตกลงไปในทะเลเบื้องล่าง ขณะที่ขบวนรถไฟบรรทุกเชื้อเพลิงก็เกิดไฟไหม้ไป 7 โบกี้จากแรงระเบิดคราวนี้
ตั้งแต่วันเสาร์แล้ว หลังเหตุร้ายผ่านไปหลายชั่วโมง ทางการรัสเซียประกาศว่าสามารถให้รถราสัญจรบนถนนของสะพานเคิร์ชได้แล้ว โดยให้วิ่งไปกลับใน 2 เลนที่ยังใช้การได้ ส่วนทางรถไฟนั้นเริ่มกลับใช้งานได้ในช่วงกลางคืน โดยใช้รางรถไฟอีกรางหนึ่งซึ่งไม่ได้รับความเสียหาย
ขบวนรถไฟโดยสารซึ่งกลับมาให้บริการอีกครั้ง แล่นอยู่บนสะพานเคิร์ช ที่เชื่อมระหว่างแหลมไครเมียกับแผ่นดินใหญ่รัสเซีย เมื่อวันอาทิตย์ (9 ต.ค.) ขณะวิ่งผ่านขบวนรถไฟบรรทุกเชื้อเพลิงที่ถูกพระเพลิงเผาผลาญ จอดแน่นิ่งอยู่ที่ทางรถไฟอีกรางหนึ่ง
ทางการรัสเซียระบุว่า เหตุระเบิดคราวนี้เป็นการก่อวินาศกรรม และการก่อการร้าย ทั้งนี้จากการที่โครงสร้างพื้นฐานสำคัญมากเช่นนี้ได้รับความเสียหาย ขณะที่มอสโกกำลังเพลี่ยงพล้ำในสมรภูมิหลายแห่งในยูเครน ทำให้สร้างความเสียหายแก่ชื่อเสียงเกียรติภูมิของประเทศรัสเซียและกองทหารรัสเซีย
เหตุระเบิดนี้ยังเกิดขึ้นหลังวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 70 ปี ของปูตินเพียงวันเดียว
ชาวยูเครนจำนวนมากพากันฉลองข่าวสะพานข้ามไครเมียระเบิดอย่างเริงร่า และมีการแชร์ภาพสะพานส่วนที่เป็นถนนจมน้ำบนโซเชียลมีเดีย
กระนั้น ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ไม่ได้กล่าวถึงเรื่องนี้โดยตรงระหว่างปราศรัยเมื่อคืนวันเสาร์ ขณะที่พวกเจ้าหน้าที่ยูเครนแม้แสดงอาการดีอกดีใจแต่ก็ไม่ได้ออกมาอ้างความรับผิดชอบในการก่อเหตุครั้งนี้เช่นเดียวกัน
มอสโกแถลงว่า เหตุร้ายคราวนี้มีผู้เสียชีวิต 3 คน โดยที่พบศพชายหญิงคู่หนึ่งในน้ำซึ่งสันนิษฐานกันว่าทั้ง 2 คนนั่งอยู่ในรถที่ขับอยู่ใกล้รถบรรทุกที่ระเบิด ส่วนรถบรรทุกคันดังกล่าว เจ้าหน้าที่ระบุว่า เจ้าของรถอาศัยอยู่ในเขตครอสโนดาร์ และได้เข้าค้นบ้านของชายผู้นี้แล้ว
ขณะเดียวกัน แม้บางคนในมอสโกบอกเป็นนัยว่า เป็นฝีมือการก่อการร้ายของยูเครน แต่ทางการรัสเซียยังไม่ได้ออกมาระบุอย่างเป็นทางการใดๆ
ตั้งแต่คืนวันเสาร์ ปูตินได้ลงนามกฤษฎีกาเพื่อให้ยกระดับการรักษาความปลอดภัยสะพานแห่งนี้ รวมทั้งพวกโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานระหว่างไครเมียกับรัสเซีย โดยมอบหมายให้หน่วยงานความมั่นคง “เอฟเอสบี” รับผิดชอบเรื่องนี้
นอกจากนั้นไม่กี่ชั่วโมงหลังเหตุระเบิดครั้งนี้ กระทรวงกลาโหมรัสเซียประกาศว่า ผู้บัญชาการทหารอากาศ พลเอกเซียร์เก ซูโรวิคิน จะได้รับหน้าที่เป็นผู้บัญชาการกองทหารรัสเซียทั้งหมดที่กำลังสู้รบอยู่ในยูเครน ถือเป็นครั้งแรกที่มอสโกประกาศตั้งผู้บังคับบัญชาเช่นนี้อย่างเป็นทางการ
ซูโรวิคิน ซึ่งช่วงฤดูร้อนต้นปีนี้ได้เข้าทำหน้าที่รับผิดชอบกองทหารรัสเซียในภาคใต้ยูเครนนั้น มีประสบการณ์การสู้รบในสงครามช่วงทศวรรษ 1990 หลายครั้ง ทั้งในทาจิกิสถาน และเชชเนีย เขายังเคยเป็นผู้นำกองทหารรัสเซียในซีเรียด้วย และถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ควบคุมดูแลการทิ้งระเบิดอย่างสุดโหดซึ่งได้ทำลายเมืองอาเลปโป ในซีเรียจนแหลกราญไปเป็นอันมาก
อาคารที่พักอาศัยซึ่งได้รับความเสียหายหนักจากการโจมตีด้วยขีปนาวุธของฝ่ายรัสเซีย ในเมืองซาโปริซเซีย ทางภาคใต้ของยูเครน เมื่อวันอาทิตย์ (9 ต.ค.)
ในอีกด้านหนึ่ง พวกเจ้าหน้าที่ยูเครนแถลงในวันอาทิตย์ว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 13 คน และบาดเจ็บ 87 คนจากการโจมตีด้วยขีปนาวุธ 12 ลูกของรัสเซียในเมืองซาโปริซเซียทางภาคใต้ของยูเครน ทั้งนี้ ซาโปริซเซียเป็น 1 ใน 4 แคว้นที่ถูกรัสเซียเข้าผนวกล่าสุด แต่ตัวเมืองนี้ยังคงอยู่ในความควบคุมของเคียฟ
อนาโตลี เคอร์เทฟ เลขาธิการสภาเมืองซาโปริซเซีย เผยว่า ขีปนาวุธรัสเซียทำให้บ้านเรือนอย่างน้อย 20 หลัง และอาคารอพาร์ตเมนต์ 50 แห่งเสียหาย
(ที่มา : รอยเตอร์, เอพี, เอเอฟพี)
———————————————————————————————————————–
ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์ / วันที่เผยแพร่ 9 ต.ค.65
Link : https://mgronline.com/around/detail/9650000096977