รอง ผบ.ตร.เตรียมปัดฝุ่นระเบียบปืนสวัสดิการ ขยายเวลาครอบครองปืนจาก 5 ปี เป็น 10-15 ปี หลังพบช่องโหว่ข้าราชการบางหน่วยใช้สิทธินำใบ ป.3 วนซื้อปืนมาจำหน่ายนอกระบบ นำเทคโนโลยี ติด QR Code มาใช้เพื่อตรวจสอบและติดตามปืนหลวง
30 ต.ค.2565 – พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีที่ก่อนหน้านี้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติเตรียมพิจารณาระงับ “โครงการปืนสวัสดิการตำรวจ” อย่างไม่มีกำหนด หลังพบข้าราชการบางหน่วยนำใบ ป.3 ไปวนซื้อปืนมาจำหน่ายนอกระบบ และทางออนไลน์ จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในกลุ่มตำรวจชั้นผู้น้อย ว่า ทางพล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้แต่งตั้งตนเป็นหัวหน้าคณะทำงานแก้ไขเรื่องอาวุธปืนของหลวงเนื่องจากพบปัญหามีอาวุธปืนถูกขโมยไปและนำไปจำหน่าย โดยแนวทางเบื้องต้นได้นำต้นแบบการตรวจเช็กสต็อกหรือของหน่วยปฏิบัติการพิเศษหรือคอมมานโดมาใช้ ซึ่งใช้คิวอาร์โค๊ดหรือบาร์โค๊ดที่ติดไว้ที่อาวุธปืนมาใช้ในการนับจำนวน
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า เพราะจะง่ายต่อการตรวจสอบ และง่ายต่อเจ้าหน้าที่งานธุรการถึงเวลาก็นำอุปกรณ์หรือมือถือมาสแกนก็จะเข้าไปที่แอพพลิเคชั่นที่ได้จัดทำไว้ โดยตรงนี้จะเป็นหน้าที่ของทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ จะต้องเร่งดำเนินการ อย่างไรก็ตามระบบนี้ในกองทัพสหรัฐอเมริกาก็ได้มีการนำมาใช้เรียกว่าสติกเกอร์มิลิเทอรรี่เกรด หรือแม้แต่การเช็กสต็อกอะไหล่เครื่องบินก็ใช้ระบบนี้
“โดยในคิวอาร์โค๊ดดังกล่าว จะระบุรุ่น,ซีรีย์อะไร เข้ามาประจำการณ์ในสารระบบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเมื่อไหร่ ใครเบิกใช้-คืนเมื่อไหร่ ซึ่งในส่วนนี้จะมีระบุง่ายต่อการติดตาม อย่างไรก็ตามสิ่งหนึ่งจากการที่ไปตรวจราชการในพื้นที่ต่างๆและพบคืออาวุธปืนค่อนข้างเก่า และเป็นภาระให้จ่ากองที่คุมอาวุธเต็มคลังไปหมด ขณะเดียวกันอาวุธปืนใหม่ก็ไม่ได้เบิก อาทิ ปืนเอ็มโฟร์ยังอยู่ในถุงในกล่องอยู่ อย่างไรก็ดีอยากให้เข้าใจว่าการจัดทำโครงการปืนสวัสดิการตำรวจ เพราะตอนนั้นเราไม่มีปืนให้ตำรวจชั้นผู้น้อยได้ใช้ ไม่สามารถที่จะแจกจ่าย ให้กับตำรวจมาที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ แต่จากดำเนินโครงการมา 2-3 ปี มีการจัดหาปืนมาให้ตำรวจมาใช้ในการปฎิบัติงาน” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ระบุ
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวอีกว่า สิ่งสำคัญ จะทำอย่างไรให้ข้าราชการตำรวจชั้นผู้น้อยเบิกปืนหลวงมาใช้ในการปฏิบัติงาน ส่วนตัวตนเองนั้นใช้ปืนหลวงในการปฏิบัติงาน ทั้งการซ้อมการยิง ตลอดจนการถวายอารักขา ถวายความปลอดภัย โดยเหตุที่ปืนผ่านการทดสอบมาทดสอบมาแล้ว ก่อนที่จะมีการจัดซื้อ ซึ่งปัจจุบันมีสองยี่ห้อขนาด 9 มม.เหมือนกัน ถามว่าทำไมต้องเป็นขนาด 9มม. เพราะในต่างประเทศมีการทำวิจัยเวลาสายตรวจออกปฏิบัติหน้าที่หากประสบเหตุแล้วกระสุนหมดสามารถที่จะหยิบยืมจากคู่บัดดี้ได้ ง่ายต่อการช่วยเหลือกัน ซึ่งในสหรัฐอเมริกาใช้ปินชนิดเดียวกันยี่ห้อเดียวกัน ผ่านการคัดเลือกโดยคณะกรรมการระดับชาติและส่งผ่านมายังกองทัพหรือหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ระบุว่า อย่างไรก็ตามส่วนตัวเข้าใจว่าสิ่งที่ตำรวจไม่อยากเบิกปืนหลวงมาใช้เพราะระเบียบต่างๆค่อนข้างยุ่งยาก ทำให้ตัวตำรวจก็ไม่อยากนำมาใช้ เกิดช่องว่างปืนอยู่ในคลังถูกนำไปขายแปรสภาพ ซึ่งเรื่องนี้ทาง ผบ.ตร.ตั้งตนเองขึ้นมาเพื่อที่แก้ปัญหาตั้งแต่ต้นทาง รวมทั้งระเบียบต่าง ๆ เพื่อที่ให้เด็กกล้าใช้ปืนหลวงมากขึ้น
“ แนวทางใหม่ในอนาคตตำรวจชั้นผู้น้อยสามารถเบิกปืนจากคลังได้เลย โดยที่ระเบียบไม่ยุ่งยาก แค่สแกนคิวอาร์โค๊ดลงในระบบ จากนั้นก็นำมาคืนตามกรอบเวลาอาจจะ 15 วันหรือ30 วัน แต่อาวุธปืนคุณต้องอยู่ นอกจากนี้ในรูปแบบของการให้ยืม อาวุธปืนแต่ละประเภทมีอายุการใช้งาน แต่ละปีมีรุ่นใหม่ๆเข้ามา โดยในกรณีที่ปืนหลวงหมดสภาพตามเวลาทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็จะทำจำหน่ายในราคาที่ถูก ตามค่าเสื่อมสภาพ ตามความเหมาะสม และเอารุ่นใหม่เข้ามา ซึ่งใครจะมีสิทธิซื้อก็ตำรวจได้มีโอกาสซื้อในราคาสวัสดิการ แต่ไม่ทำโครงการปืนสวัสดิการ เพราะปัญหาที่ผ่านมาคือข้าราชการบางหน่วยนำใบ ป.3 ไปวนซื้อปืนมาจำหน่ายนอกระบบ และทางออนไลน์ โดยไม่ไปออกใบป.4 ซึ่งตรงนี้เรากำลังตรวจสอบ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ระบุ
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ระบุว่า โดยข้อมูลตรงนี้ต้องขอบคุณทาง พล.ต.อ.สุชาติ ธีรสวัสดิ์ อดีตรองผบ.ตร. ได้ให้ข้อมูลไว้ถึงทราบแผนประทุษกรรมนี้ โดยหลังจากนี้ทางคณะกรรมการจะต้องมาพิจารณาและปิดช่องโหว่ของปืนสวัสดิการทั้งหมด โดยอาจจะขยายเวลาการครอบครองจาก 5 ปีโอนได้ เป็น 15 ปีโอนได้ หรืออาจจะไม่ให้โอนตลอดชีวิต เพื่อที่กันเอาปืนสวัสดิการไปขาย ทำนองซื้อถูกขายแพง รวมทั้งเรื่องของการปรับระเบียบการเบิกอาวุธปืน,การชดใช้สิ่งของหลวง,การตั้งกรรมการเวลาปืนชำรุดเสียหาย ทั้งหมดนี้เพื่อให้ข้าราชการตำรวจชั้นผู้น้อยมีโอกาสและได้ใช้ปืนที่ดี เพราะปืนในคลังของเราดีมีคุณภาพไม่อยากให้ปืนคงคลัง รวมทั้งมีการสร้างเครื่องโหลดกระสุนไว้ อีกหน่อยตำรวจทุกคนสามารถซ้อมปืนได้เพื่อให้เกิดความคุ้นชิน
“ในส่วนกรณีที่หลายคนเป็นห่วงว่าหากยกเลิกโครงการปืนสวัสดิการตำรวจ จะกระทบกับตำรวจที่จบใหม่ ในการจัดหาอาวุธปืน ต้องซื้อปืนในราคาแพงขึ้น ในส่วนนี้ชี้แจงตั้งคำถามว่า ตำรวจชั้นผู้น้อยจะเอาเงินที่ไหนมาซื้อปืนในราคาที่แพง ปืนสวัสดิการที่จัดเตรียมมาให้ถือเป็นสิ่งดีที่ไม่ผลักภาระ ซึ่งการจัดระบบครั้งนี้ไม่เป็นการสร้างภาระให้ตำรวจชั้นผู้น้อย เวลาปฏิบัติหน้าที่ก็มาเบิกปืนหลวงไปใช้ก็เหมือนเบิกไปประจำกาย เพราะตำรวจบ้านเราทำงาน 24 ชม. แต่ทุกๆ15 วันเวลานับจำนวนต้องมีมาแสดง อย่างไรก็ตามหากโครงการนี้เป็นรูปร่างอนาคตหากมีการจัดซื้อปืนจะมีการยิงเลเซอร์ในตัวปืนจากโรงงานเลยเพื่อป้องกันการขูดลบ และเวลาปืนตกไปอยู่นอกระบบก็จะได้ทราบ และผู้ที่ได้ครอบครองก็อาจจะเข้าข่ายรับของโจรทำให้ไม่มีใครอยากได้” รอง ผบ.ตร.กล่าว
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เผยอีกว่า จากนี้การครอบครองปืนที่เป็นปืนส่วนตัวในโครงการปืนสวัสดิการต้องทำให้รัดกุม ปัญหาตอนนี้ที่พบคือการเวียนใบป3 และการครอบครองอาวุธปืน 5 ปีแล้วขายเลย เช่นซื้อปืนสวัสดิการ 2 หมื่น แต่ปืนอยู่กับบุคคลอื่นแต่คุณสลักหลังทิ้งไว้พอ5 ปีถึงโอน ซึ่งตรงนี้ต้องมา กำหนดแนวทางการครอบครอง อย่างไรก็ตามขอยืนยันว่าแนวทางนี้จะไม่กระทบในส่วนขวัญกำลังใจของผู้ใต้บังคับบัญชารวมถึงผู้ปฏิบัติงาน ที่ผ่านมา ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีการจัดหาอาวุธปืนยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมาให้กับกำลังพล ซึ่งแนวทางนี้จะเป็นการป้องปรามตัดช่องโอกาสไม่ให้มีผู้แสวงหาประโยชน์จากปืนสวัสดิการ และตัดช่องโอกาสไม่ให้เกิดปัญหาปืนหลวงหาย.
————————————————————————————————————
ที่มา : ไทยโพสต์ / วันที่เผยแพร่ 30 ต.ค.65
Link : https://www.thaipost.net/criminality-news/252810/