ศาลฮ่องกงตัดสินให้จำเลย 5 คน ซึ่งล้วนเป็นผู้เยาว์ รับโทษในสถานพินิจ ฐานละเมิดกฎหมายความมั่นคง ด้วยการเคลื่อนไหวเรียกร้อง การโค่นอำนาจรัฐบาลกลาง ในกรุงปักกิ่ง
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 8 ต.ค. ว่า ศาลฮ่องกงมีคำพิพากษา เมื่อวันเสาร์ ให้จำเลย 5 คน ในจำนวนนี้ รวมถึงผู้เยาว์อายุระหว่าง 15-18 ปี รับโทษในสถานพินิจเป็นเวลานานสูงสุด 3 ปี ฐานกระทำผิดกฎหมายความมั่นคง ด้วยการเคลื่อนไหวปลุกระดมให้มีการโค่นล้มอำนาจรัฐ ผ่านการรวมกลุ่มซึ่งเรียกตัวเองว่า “Returning Valiant”
ขณะที่จำเลยอีกสองคนในคดีเดียวกัน ซึ่งมีอายุ 21 ปี และ 26 ปี ได้รับการพิพากษาให้มีความผิดเช่นกัน และศาลจะประกาศบทลงโทษอีกครั้ง ทั้งนี้ ผู้พิพากษากล่าวว่า ความพยายามของจำเลยกลุ่มนี้ ในการเคลื่อนไหวเรียกร้อง “การปฏิวัติอันนองเลือด” เพื่อหวังโค่นล้มอำนาจของรัฐบาลกลางในกรุงปักกิ่ง ถือเป็น “การกระทำผิดทางอาญาอย่างร้ายแรง”
Five teenagers with a HK group advocating independence from Chinese rule were ordered by a judge on Saturday to serve up to three years in detention at a correctional facility, for urging an "armed revolution" in a national security case. w/@jamespomfret
https://t.co/gdlxNNVSgi— Jessie Pang (@JessiePang0125) October 8, 2022
อย่างไรก็ตาม ศาลยังคงมีความปรานี ด้วยการให้กลุ่มจำเลยซึ่งเป็นผู้เยาว์ รับโทษในสถานกักกัน แทนการส่งตัวเข้าสู่เรือนจำ เพื่อรับโทษรวมกับผู้ใหญ่ กระนั้น จำเลย 4 จาก 5 คน อยู่ภายใต้การควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่มานานกว่า 1 ปีแล้ว มีเพียงคนเดียวที่ได้รับการประกันตัวภายใต้เงื่อนไขเคร่งครัด และถือเป็นครั้งแรก ที่ศาลฮ่องกงพิพากษาลงโทษผู้เยาว์ โดยอาศัยอำนาจตามความในกฎหมายความมั่นคง
"Purpose of law is to change Hong Kong from rule of law to rule of fear.”
Protests break out in Hong Kong during its first day under China’s controversial new security law.
Read more: https://t.co/0cwO8E7a4f pic.twitter.com/KjuGhDTTzx
— Al Jazeera English (@AJEnglish) July 1, 2020
อนึ่ง สภาประชาชนแห่งชาติ (เอ็นพีซี) ในกรุงปักกิ่ง มีมติเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2563 อนุมัติ “การจัดตั้งและปฏิรูปกรอบกฎหมาย และการบังคับใช้กลไกเพื่อพิทักษ์ความมั่นคงแห่งชาติ “ภายในเขตบริหารพิเศษฮ่องกง” หรือ “กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ” สำหรับฮ่องกง มีเนื้อหาสำคัญ คือ การห้ามมิให้บุคคลหรือกลุ่มบุคคลใดจัดกิจกรรมที่ถือเป็น “การท้าทายอย่างร้ายแรง” ต่อหลักการหนึ่งประเทศ สองระบบ และรัฐบาลกลางในกรุงปักกิ่ง ไม่ว่าจะเป็นการปลุกระดมให้เกิดการเคลื่อนไหวทางการเมือง หรือจนถึงขั้นก่อการกบฏ และการสมคบคิดกับ “กองกำลังต่างชาติ” โดยบทลงโทษขั้นสูงสุด อาจเป็นการรับโทษจำคุกตลอดชีวิต
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES
————————————————————————————————————————-
ที่มา : เดลินิวส์ออนไลน์ / วันที่เผยแพร่ 8 ต.ค. 65
Link : https://www.dailynews.co.th/news/1558556/