วันที่ 25 ตุลาคม 2565 เดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานเมื่อวานนี้ (24 ตุลาคม) ตามเวลาท้องถิ่นว่า อัยการกลางสหรัฐฯ ได้ทำการตั้งข้อหาพร้อมออกหมายจับ เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองจีน 2 คน จากความพยายามติดสินบนเจ้าหน้าที่ทางกฎหมาย ในการจะเข้าถึงข้อมูลวงในเกี่ยวกับคดีอาญากับหัวเว่ย บริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของจีน
เมอร์ริค การ์แลนด์ อัยการสูงสุดสหรัฐฯ เปิดเผยถึงการตั้งข้อหา 2 เจ้าหน้าที่จีนว่า พวกเขายังได้คุกคามผู้เห็นต่างในสหรัฐฯ และกดดันให้นักวิชาการของสหรัฐฯ ทำงานให้กับพวกเขาแสดงให้เห็นว่า จีน “พยายามแทรกแซงสิทธิและเสรีภาพของบุคคลในสหรัฐอเมริกาและบ่อนทำลายระบบตุลาการของเราที่ปกป้องสิทธิ์เหล่านั้น
“กระทรวงยุติธรรมจะไม่ยอมให้อำนาจต่างชาติพยายามบ่อนทำลายหลักนิติธรรมซึ่งเป็นรากฐานของระบอบประชาธิปไตยของเรา” อัยการสูงสุด กล่าว
ตามเอกสารคำฟ้อง เจ้าหน้าที่ข่าวกรองจีน 2 คนที่ถูกตั้งข้อหาคือ เห่อ กัวชุน และเฉิง หวัง พยายามเตรียมแผนเพื่อขโมยบันทึกกลยุทธ์การดำเนินคดี รายชื่อพยาน และหลักฐานที่เป็นความลับอื่นๆ จากสำนักงานอัยการสหรัฐฯ ในเขตตะวันออกของนิวยอร์ก
“นี่เป็นความพยายามอย่างมหันต์โดยเจ้าหน้าที่ข่าวกรองของสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อปกป้องบริษัทที่ตั้งอยู่ในสาธารณรัฐประชาชนจีนจากความรับผิดชอบและบ่อนทำลายความสมบูรณ์ของระบบตุลาการของเรา” อัยการสูงสุด กล่าว
ด้านแหล่งข่าวที่ติดตามเรื่องดังกล่าวระบุว่า เอกสารคำฟ้องต่อนายเห่อและหวังนั้น ได้อ้างถึงเฉพาะบริษัทโทรคมนาคมที่ไม่มีชื่อซึ่งอยู่ในประเทศจีน แต่หน่วยงานที่เป็นปัญหานั้นเข้าใจว่าเป็นหัวเว่ย
นอกจากนั้น ตามเอกสารฟ้อง เจ้าหน้าที่จีน 2 คน จะจ่ายเงินสินบนเป็นบิตคอยน์ มูลค่า 61,000 ดอลลาร์ให้กับเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งพวกเขาเชื่อว่าได้รับคัดเลือกให้ทำงานให้กับรัฐบาลจีน แต่จริง ๆ แล้วทำงานเป็นสายลับสองหน้าให้กับเอฟบีไอ
โดยสายลับของเอฟบีไอนี้ ได้จัดเตรียมเอกสารบางส่วนให้กับสายลับจีนที่ดูเหมือนจะนำเสนอข้อมูลที่พวกเขาค้นหา แม้ว่าเอกสารดังกล่าวจะจัดทำขึ้นโดยกระทรวงยุติธรรมจริง ๆ และไม่ได้เปิดเผยการประชุมจริงหรือกลยุทธ์การพิจารณาคดี
คำฟ้องดังกล่าวเริ่มต้นในเดือนกันยายน 2564 โดยนายเห่อและหวังได้สอบถามเจ้าหน้าที่เอฟบีไอ 2 รายเกี่ยวกับสิ่งที่เขาเรียนรู้จากสำนักงานอัยการสหรัฐฯ ในนิวยอร์ก และพนักงานของหัวเว่ย คนใดที่ได้รับการสัมภาษณ์โดยอัยการของรัฐบาลกลางเพื่อเป็นแนวทางในการทำความเข้าใจคดีนี้
เดือนถัดมา สายลับคู่หูของเอฟบีไอ ได้ส่งเอกสารที่ดูเหมือนบันทึกกลยุทธ์ภายในที่แปะป้ายกำกับ “ลับ” และหารือถึงแผนการตั้งข้อหาและจับกุมพนักงานหัวเว่ย สองคนที่อาศัยอยู่ในจีน ซึ่งเขาถูกกล่าวหาว่าจ่ายเงิน 41,000 ดอลลาร์ เป็นการติดสินบนด้วยบิตคอยน์
คำฟ้องระบุด้วยว่า ต่อมาในเดือนกันยายน 2565 การให้สินบนเบื้องต้น ตามมาด้วยการจ่ายเงินครั้งที่สองจำนวน 20,000 ดอลลาร์รูปของบิตคอยน์ จากเขาเพื่อเป็น “รางวัล”
เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายของสหรัฐฯ ได้เตือนมานานแล้วเกี่ยวกับภัยคุกคามด้านความมั่นคงของชาติของจีน รวมถึงการจารกรรมของมนุษย์และในโลกไซเบอร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะขโมยทรัพย์สินทางปัญญาขององค์กร ความลับทางการค้า และอิทธิพลต่อนโยบายของสหรัฐฯ
ด้านลิซ่า โมนาโก รองอัยการสูงสุดกล่าวว่า คดีที่เปิดเผยในวันนี้เกิดขึ้นกับฉากหลังของกิจกรรมที่มุ่งร้ายโดยสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งรวมถึงหน่วยสืบราชการลับ การล่วงละเมิด การขัดขวางระบบยุติธรรมของเรา และความพยายามอย่างไม่หยุดยั้งในการขโมยเทคโนโลยีของสหรัฐฯ
“จีนพยายามที่จะเป็นมหาอำนาจในเวทีโลกและท้าทายสหรัฐอเมริกาในหลาย ๆ ด้าน กรณีของวันนี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่าตัวแทนจีนจะไม่ลังเลใจที่จะฝ่าฝืนกฎหมายและละเมิดบรรทัดฐานระหว่างประเทศในกระบวนการนี้” โมนาโกกล่าว
มีการออกหมายจับสำหรับชายสองคน แต่ไม่น่าเป็นไปได้ที่พวกเขาจะถูกควบคุมตัว
นอกจากนี้ อัยการสูงสุดการ์แลนด์ ยังได้ประกาศคำฟ้องครั้งที่ 2 ตั้งข้อหาเจ้าหน้าที่ข่าวกรองของจีน 3 คน ที่สมคบคิดเพื่อทำหน้าที่เป็นสายลับอย่างผิดกฎหมายระหว่างปี 2008-2018 โดยอาศัยสถาบันการศึกษาเป็นฉากหน้า โดยทั้ง 3 กระทำการพยายาม พยายามส่งเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ไปยังจีนอย่างผิดกฎหมาย
ทั้งนี้ เอฟบีไอเปิดเผยว่า มีความเคลื่อนไหวที่เจ้าหน้าที่ของจีนถูกส่งออกไปเพื่อติดตามชาวจีนหลายร้อยคนที่อาศัยอยู่ในสหรัฐฯและพยายามบังคับพวกเขาเหล่านั้นกลับจีน อันเป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการระดับโลกที่ไล่ล่าชาวจีนพลัดถิ่น ที่รู้จักกันในชื่อ “ปฏิบัติล่าจิ้งจอก”
—————————————————————————————————————————————————–
ที่มา : มติชนสุดสัปดาห์ / วันที่เผยแพร่ 25 ต.ค.65
Link : https://www.matichonweekly.com/hot-news/article_620044