ผบ.ตร.โชว์ความพร้อมด้านความปลอดภัยประชุม APEC 2022 ระดมกวาดล้างอาชญากรรมทั่วประเทศครั้งใหญ่ จับผู้ต้องหาคดียาเสพติด และอาวุธปืน หมายจับค้างเก่า กว่า 60,000 ราย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นานาชาติ
วันที่ 8 พฤศจิกายน 2565 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) พร้อมด้วยพล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผบ.ตร. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผบ.ตร. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. และตำรวจที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงผลระดมกวาดล้างอาชญากรรม ระหว่างวันที่ 10 ต.ค.- 8 พ.ย.65 เพื่อสร้างความเชื่อมั่นกับนานาชาติและประชาชนก่อนการประชุมเอเปค 2022
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีระดมกวาดล้างปราบปรามผู้กระทำความผิดที่ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนเถื่อน อาวุธปืนสงคราม ยาเสพติด และหมายจับค้างเก่า ก่อนที่จะมีการจัดการประชุมผู้นำ APEC ปลายเดือนนี้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน โดยมีการระดมกวาดล้างในห้วงระหว่างวันที่ 10 ต.ค. – 8 พ.ย. 65 ผลการดำเนินการ ดังนี้
1.ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน วัตถุระเบิด และเครื่องกระสุน ทั้งสิ้น 11,811 คดี ผู้ต้องหา 10,450 คน ของกลางอาวุธปืนสงคราม 36 กระบอก ปืนไม่มีทะเบียน 5,345 กระบอก มีทะเบียน 936 กระบอก วัตถุระเบิด 4,342 รายการ และเครื่องกระสุน 37,045 นัด
2.ผู้ต้องหาคดียาเสพติด 41,803 คดี ผู้ต้องหา 43,027 คน ของกลางยาบ้า 49,580,083 เม็ด
3.จับบุคคลตามหมายจับคดีอาญาได้ 9,465 หมายจับ ผู้ต้องหา 9,255 คน
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า คดีที่น่าสนใจ ภ.5 สามารถจับกุมนายวีรยุทธ (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาจำหน่ายอุปกรณ์ปืน บีปีกัน แบลงค์กัน และได้ผลิตแปลงอาวุธปืนแบลงค์กัน ใส่ลำกล้องปืน 9 มม. ให้เป็นอาวุธปืนที่สามารถยิงกระสุนจริงได้ โดยเปิดร้านชื่อ CHAROEN AIRSOFT 4289 ผ่านแพลตฟอร์มหนึ่ง โดยมีช่องทางติดต่อผ่านไลน์ Line Official “@612mrgnd” และในเพจเฟซบุ๊กของ CHAROEN AIRSOFT 4289 โดยผู้ต้องหาเริ่มทำลำกล้องปืนด้วยตนเองและจำหน่ายทางออนไลน์ให้กับผู้สนใจ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหา “ทำและจำหน่ายอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ” ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย
ก่อนมอบหมายให้ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้ช่วย ผบ.ตร. /รอง ผอ.ศปอส. นำกำลังตำรวจ บช.สอท.,ภ.1, ภ.8 ขยายผลไปถึงผู้ซื้อและตัวแทนจำหน่าย 209 แห่ง ทั่วประเทศ สามารถจับกุมผู้ต้องเพิ่มอีก 54 ราย ยึดของกลางอาวุธปืนเถื่อน 110 กระบอก เครื่องกระสุนปืน 13,320 นัด และวัตถุระเบิดอีก 11 ลูก
ผบ.ตร. กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยในการแก้ไขปัญหาอาวุธปืนและยาเสพติดที่เป็นรูปธรรม โดย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ บูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วนร่วมแก้ปัญหา อย่างจริงจังและต่อเนื่องเพื่อให้การปฏิบัติเป็นรูปธรรมชัดเจน สร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน จึงได้กำหนดให้มีการระดมกวาดล้างอาชญากรรมทั่วประเทศ ซึ่งมีผลการปฏิบัติเป็นที่น่าพอใจ ทั้งนี้ขอความร่วมมือประชาชนในการแจ้งข้อมูล เบาะแส แจ้งข่าวอาชญากรรม ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตลอดเวลา ทางหมายเลขโทรศัพท์ 191 หรือ 1599 โดยทุกข้อมูลจะดำเนินการตรวจสอบอย่างจริงจัง
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ด้านการสืบสวนสอบสวนทั่วประเทศได้ระดมเร่งรัดหมายจับค้างเก่า สถิติหมายจับเดิมมีอยู่ประมาณ 12,000 กว่าหมายจับ ซึ่งได้จับกุมตามหมายจับไปแล้วกว่า 4,000 หมายจับ คิดเป็น 47-48 เปอร์เซ็น ในเวลา 9 เดือนสามารถจับกุมตามหมายจับค้างเก่าได้ประมาณ 50 เปอร์เซ็น สำหรับมาตรการเตรียมความพร้อมการประชุมเอเปค ทางผบ.ตร. ได้เน้นย้ำให้ฝ่ายสืบสวน ปิดล้อมตรวจค้น หอพัก บ้านเช่า อพาร์ตเม้นต์ โรงแรม เพื่อทำพื้นที่ปลอดภัยให้มากขึ้น ทุกครั้งที่มีการปิดล้อมตรวจค้นจะมีการตรวจเก็บดีเอ็นเอของบุคคลต้องโทษ และเก็บหัวกระสุนปลอกกระสุน โดยใช้หลักนิติวิทยาศาสตร์เข้ามาช่วย ซึ่งฐานข้อมูลจะทำการเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลของสามจังหวัดชายแดนใต้ เพื่อเป็นมาตรการความปลอดภัยในช่วงการเตรียมความพร้อมก่อนการประชุมเอเปค
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนด้านการป้องกันปราบปราม มีการระดมจับกุมผู้ต้องหาเกี่ยวกับอาวุธปืนและยาเสพติด ขณะนี้มีการขยายผลต่อเนื่องไปถึงต้นทางการผลิต โดยจะได้ปราบปรามอย่างครบถ้วนทุกมิติ ในการสืบสวนหาข่าวได้ร่วมกับทางพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งทางทหารและหน่วยงานต่างประเทศ CIA, FBI ได้ข้อมูลข่าวสารมาทำการพิสูจน์ทราบโดยได้ประสานกับทางพล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผบ.ตร. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ขณะนี้ได้เฝ้าระวังอยู่เพื่อความมั่นใจเรื่องการประชุมเอเปคได้ทำงานกันในทุกมิติ
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ทั้งนี้ได้เตรียมความพร้อมมาอย่างต่อเนื่อง และได้มีการเปิดศูนย์อย่างไม่เป็นทางการที่ห้องศรียานนท์ ตร. ตั้งแต่เมื่อวานนี้ โดยให้ระดับเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานทั้งของตำรวจและหน่วยงานที่มีส่วนร่วมในคณะอนุกรรมการรักษาความปลอดภัยและการจราจร โดยในวันที่ 12 พ.ย.นี้ จะมีการซักซ้อมกันรอบสุดท้าย ส่วนวันที่ 14 พ.ย. พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีจะมาเปิดศูนย์อย่างเป็นทางการ โดยวันเดียวกันจะมีการประชุมของเจ้าหน้าที่อาวุโสของประเทศเอเปคต่างๆ เป็นวันแรก ช่วงบ่ายนายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
ส่วนด้านการข่าวตำรวจไม่ได้ทำเพียงคนเดียวได้มีคณะอนุกรรมการรักษาความปลอดภัยและการจราจร จะมีรัฐมนตรีช่วยกลาโหมเป็นหัวหน้าดูแลเรื่องการข่าวทั้งหมด ร่วมกับภาคีเครือข่ายของฝ่ายทหาร ความมั่นคง สำนักข่างกรอง โดยจะมีการประชุมทุกวัน จะนำข้อมูลต่างๆ มาทำงานร่วมกัน เป็นไปตามแผนต่างๆ ที่วางไว้หมด ขณะนี้ยังไม่มีความผิดปกติอะไร ส่วนภัยคุกคามอื่นไม่ได้ประมาทจะพยายามติดตามตลอด และจะปิดล้อมตรวจค้นจุดที่เชื่อว่าอาจจะมี เคยมีหรือใช้เป็นแหล่งพักพิง เรื่องการตั้งจุดตรวจเข้มแข็งทั่วทุกภาค รวมถึงแนวพรมแดนต่างๆ ช่องทางธรรมชาติ และที่จะเข้ามาในเขตกรุงเทพฯ โดยตั้งแต่วันที่ 7 พ.ย. ได้มีการตั้งด่านในพื้นที่กรุงเทพฯ เรียบร้อยแล้ว ส่วนการซักซ้อมต่างๆ ได้ดำเนินการไปเกือบครบถ้วนเหลือการซักซ้อมวันที่ 10 และ 12 พฤศจิกายนนี้จะมีการซักซ้อมใหญ่ ส่วน 11 พ.ย.ทางพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ไปดูการซักซ้อมการต่อต้านก่อการร้ายที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ในช่วงเช้าด้วย
ถามถึงผู้ชุมนุมที่จะอาจจะมีการชุมนุมในช่วงนี้ ทางพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้สรุปชัดเจน ได้ติดตามความคืบหน้าอยู่ตลอดและเตรียมความพร้อมใช้กำลังกองร้อยควบคุมฝูงชน บริเวณพื้นที่ศูนย์ประชุม โรงแรมที่พัก เส้นทางต่างๆ จะมีการประกาศให้เป็นพื้นที่ห้ามไม่ให้มีการกีดขวางเส้นทางจราจรต่างๆ โดยวันที่ 16-18 พ.ย.นี้ จะเป็นวันหยุดราชการ ซึ่งเป็นวันหยุดต่อเนื่อง 5 วัน ส่วนในพื้นที่ต่างจังหวัดยังไม่มีความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุม แต่ได้ติดตามโดยตลอด ทั้งนี้ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้บังคับการจังหวัดพูดคุยทำความเข้าใจอะไรต่างๆ ที่คุยกันได้ภายในก็อยากให้คุยกันไม่อยากให้มาทำให้เกิดบรรยากาศของความตึงเครียด อยากให้เกิดความอบอุ่นประทับใจกับประเทศที่มาร่วมประชุมในครั้งนี้
เมื่อถามถึงกรณีการปิดล้อมมีการปะทะและวิสามัญมือลอบวางเพลิงและวางระเบิด ในพื้นที่จ.ปัตตานี ทำให้มีตำรวจได้รับบาดเจ็บ 2 นาย ผู้ใหญ่บ้านเสียชีวิต 1 ราย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า เป็นการทำงานของตำรวจภูธรภาค 9 เป็นเรื่องของมีหมายจับต่างๆ ซึ่งเป็นเป้าหมายที่เราต้องทำอย่างต่อเนื่อง เป็นแผนของการทำงานร่วมกัน ทราบว่ามีตำรวจได้รับบาดเจ็บ 2 นาย ซึ่งวันนี้ทางผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 จะไปเยี่ยมตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บ ส่วนผมจะหาโอกาสไปหลังจากการประชุมเอเปคเสร็จสิ้น
ถามต่อว่ามีความเชื่อมโยงกับเอเปคหรือไม่ เพราะมีประวัติเคยก่อเหตุป่วนเมื่อปี 2559 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า เป็นเป้าหมายที่ติดตามมาอย่างต่อเนื่อง แต่จะเชื่อมโยงหรือไม่ เราไม่ได้ไปคิดขนาดนั้น เป็นเป้าหมายที่มีโอกาส หรือที่อาจจะเกี่ยวข้องก็จะทำงานให้เต็มที่
เมื่อถามถึงการโจมตีทางไซเบอร์ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ทางรัฐบาลได้ยกระดับให้ข้าราชการไซเบอร์แห่งชาติมาเป็นผู้ควบคุมกำกับดูแลให้ทุกหน่วยงานเข้ามาร่วมปฏิบัติการร่วมกัน เชื่อว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ทั้งนี้ตำรวจได้เตรียมความพร้อมสำหรับการดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกด้านการจราจร 80-90 เปอร์เซ็นแล้ว
—————————————————————————————————————————————-
ที่มา : Nation Online / วันที่เผยแพร่ 8 พ.ย.65
Link : https://www.nationtv.tv/news/crime/378892174