ยูเครนเผย รัสเซียเริ่มโจมตีด้วยขีปนาวุธนิวเคลียร์ แบบไม่ติดหัวรบระเบิด

Loading

  กองทัพยูเครนเผย รัสเซียเริ่มใช้ขีปนาวุธนิวเคลียร์โจมตีแบบไม่ติดหัวรบ ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญคาดว่า มิสไซล์ในคลังแสงของรัสเซียอาจใกล้หมดหลังระดมโจมตีอย่างหนัก   สำนักข่าว บีบีซี รายงานว่า นายมีโคลา ดานีลีอุค เจ้าหน้าที่กองทัพยูเครนกล่าวในงานแถลงข่าวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 1 ธ.ค. 2565 ว่า รัสเซียเริ่มใช้ขีปนาวุธร่อน X-55 หรือที่นาโตเรียกว่า AS-15 ซึ่งมีขีดความสามารถในการติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ได้ใส่พวกเขาแล้ว แต่ไม่ติดตั้งหัวรบระเบิด   ในงานแถลงข่าว เจ้าหน้าที่ยังจัดแสดงเศษชิ้นส่วนที่พวกเขาบอกว่ามาจากขีปนาวุธ X-55 ที่พบในแคว้นลวิฟ และ คเมลนิตสกี ทางตะวันตกของประเทศ โดยยืนยันว่า พวกเขาไม่พบระดับกัมมันภาพรังสีที่ผิดปกติจากชิ้นส่วนดังกล่าวแต่อย่างใด ทำให้เชื่อว่า กองทัพรัสเซียใช้หัวรบด้านที่ไม่ระเบิดแทน เพื่อตัดกำลังระบบป้องกันทางอาการของยูเครน   นายดานีลีอุคย้ำว่า แม้ขีปนาวุธจะติดหัวรบที่ไม่ระเบิด มันก็ยังมีความอันตรายอย่างมีนัยสำคัญ เพราะพลังงานจลน์ที่มันปล่อยออกมาและเชื้อเพลิงที่หลงเหลือ โดยมีหลักฐานปรากฏให้เป็นที่การโจมตีล่าสุดของรัสเซีย หลังจากมิสไซล์ X-55 ตกใส่อาคารที่อยู่อาศัย   ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญในกองทัพยูเครนคาดว่า รัสเซียอาจเหลือขีปนาวุธในคลังแสงน้อยมากแล้ว หลังจากระดมโจมตีโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของยูเครนหลายระลอกตลอดช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ต้องหันมาใช้จรวดด้านในการโจมตี ซึ่งยังสามารถสร้างความเสียหายได้มาก     ———————————————————————————————————————————- ที่มา…

“จีน” ใช้โปรแกรมสแกนใบหน้า จดจำ-ตามรอยผู้ประท้วงต้านมาตรการโควิด

Loading

  “ตำรวจ” จีนติดตั้งเครื่องมือสอดแนม ด้วยการใช้โปรแกรมสแกนใบหน้า เพื่อจดจำและติดตามรอยกลุ่มผู้ประท้วง หวังควบคุมความไม่สงบทั่วประเทศ   ความไม่พอใจต่อมาตรการควบคุมโควิด-19 ปะทุขึ้น ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงเรียกร้องให้ยุติมาตรการล็อกดาวน์ และให้เสรีภาพทางการเมืองแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน   หวัง เซิ่งเซิง นักกฎหมายด้านสิทธิมนุษยชนเปิดเผยว่า ปักกิ่งประกาศปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุม โดยส่งเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงลงพื้นที่เข้าจัดการ อีกทั้งยังใช้ซอฟต์แวร์แกะรอยที่ซ้อนตัวของผู้ประท้วงอีกด้วย   “ในปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และกวางโจว ดูเหมือนเจ้าหน้าตำรวจได้ใช้อาวุธไฮเทคเพื่อจัดการผู้ชุมนุม” นักกฎหมายด้านสิทธิมนุษยชนกล่าวกับเอเอฟพีและเสริมว่า ต่างจากเมืองอื่น ๆ ที่ต้องพึ่งภาพในกล้องวงจรปิดที่จดจำใบหน้า   ตำรวจปักกิ่งอาจใช้ตำแหน่งทางโทรศัพท์มือถือที่บันทึกจากการแสกนใบหน้าหรือโคดข้อมูลทางสุขภาพช่วงโควิด-19 เพื่อติดตามรอยหลังกลับจากการประท้วงแล้ว   อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้โทรศัพท์หลายต่อหลายคนแปลกใจที่ได้รับสายจากเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มอบตัว ทั้งที่พวกเขาเดินผ่านกลุ่มผู้ประท้วงเท่านั้น       ———————————————————————————————————————————- ที่มา :                               …

ข้อมูลผู้อพยพ 6,000 รายหลุดบนเว็บไซต์หน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองของสหรัฐฯ

Loading

  สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรของสหรัฐอเมริกา (ICE) เผยแพร่ชื่อ สถานะการอพยพ วันเกิด สัญชาติ และสถานที่ตั้งของศูนย์กักของผู้อพยพมากกว่า 6,000 รายโดยไม่ได้ตั้งใจระหว่างการอัปเดตเว็บไซต์ ผู้อพยพเหล่านี้อ้างว่าหนีจากการทรมานและการดำเนินคดีจากประเทศต้นทาง   กลุ่มส่งเสริมสิทธิผู้อพยพ Human Rights First เป็นผู้แจ้งเตือน ICE ต่อกรณีที่เกิดขึ้น ทำให้ทางหน่วยงานรีบลบข้อมูลออกจากเว็บไซต์ทันที หลังจากที่ข้อมูลอยู่บนหน้าเว็บไซต์เป็นเวลา 5 ชั่วโมง   ICE อยู่ระหว่างการสืบสวนความผิดพลาดที่เกิดขึ้นและจะมีการแจ้งผู้อพยพที่ได้รับผลกระทบ โดยให้คำมั่นว่าจะไม่ส่งผู้อพยพที่อยู่ในรายชื่อกลับประเทศจนกว่าจะพิสูจน์ทราบผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อบุคคลเหล่านี้ได้ รวมถึงจะแจ้งไปยังประชาชนที่ดาวน์โหลดข้อมูลเหล่านี้ให้ลบออกไปด้วย   โฆษกของ ICE ชี้ว่าการเผยแพร่ข้อมูลโดยไม่ได้ตั้งใจในครั้งนี้ถือว่าละเมิดนโยบายของหน่วยงาน ในขณะที่เจ้าหน้าที่ของกระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิ (DHS) ชี้ว่าการหลุดของข้อมูลเป็นเรื่องที่น่าอายและอันตรายต่อเจ้าของข้อมูล   ไฮดี อัลต์แมน (Heidi Altman) ผู้อำนวยการนโยบายแห่ง National Immigrant Justice Center องค์กรส่งเสริมสิทธิผู้อพยพอีกแห่งให้ความเห็นว่าข้อมูลที่หลุดออกมาจะทำให้ชีวิตของผู้อพยพตกอยู่ในอันตราย   ด้าน เบลน บุกกี (Blaine Bookey) ผู้อำนวยการกฎหมายจากศูนย์เพศสภาวะและผู้ลี้ภัยศึกษา แห่งมหาวิทยาลัยยูซี เฮสติงส์…

แฮ็กเกอร์ใช้ ‘Invisible Challenge’ บน TikTok หลอกผู้ใช้ให้ดาวน์โหลดมัลแวร์

Loading

  Checkmarx บริษัทด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์เผยว่าอาชญากรหันมาใช้กิจกรรม Challenge หลอกผู้ใช้ TikTok ให้ดาวน์โหลดมัลแวร์   TikTok Challenge ที่ว่านี้คือ Invisible Challenge หรือ ‘การท้าล่องหน’ เป็นกิจกรรมที่ท้าผู้ใช้ TikTok ถ่ายตัวเองแบบเปลือยโดยใช้ฟิลเตอร์ที่ชื่อว่า Invisible Body ที่ทำให้ร่างกายดูล่องหน ขณะนี้ แฮชแท็ก #invisiblefilter มีผู้เข้าชมมากกว่า 25 ล้านครั้งแล้ว   ผู้ใช้ TikTok 2 ราย ชื่อว่า @learncyber และ @kodibtc ใช้กิจกรรมนี้ในการเผยแพร่วิดีโอที่แปะลิงก์เข้าร่วมเซิร์ฟเวอร์ Discord ซ่อนซอฟต์แวร์ปลอมที่อ้างสรรพคุณว่าจะสามารถลบฟิลเตอร์ออกไปได้ (เพื่อให้เห็นร่างกายที่เปลือยเปล่าของผู้ทำกิจกรรมนี้) ในลิงก์จะมีภาพลามกที่อ้างว่าเป็นผลลัพธ์ของการใช้ซอฟต์แวร์ที่ว่านี้ แต่ในลิงก์จะเป็นมัลแวร์ขโมยข้อมูลที่ชื่อ WASP ซ่อนอยู่ภายในไฟล์ที่เขียนด้วยโค้ดในภาษา Python   นอกจากนี้ บัญชีบอตของช่องยังส่งข้อความส่วนตัวไปหาผู้ใช้ มีเนื้อหาเพื่อขอคะแนนในหน้า GitHub ของซอฟต์แวร์นี้ ซึ่งใช้ชื่อว่า 420World69/Tiktok-Unfilter-Api จนได้รับความนิยม  …

แกะรหัสจดหมายลับ ‘จักรพรรดิโรมัน’ อายุเฉียด 500 ปี ระบุ ทรงกังวลเรื่องลอบสังหาร!

Loading

  หอสมุดแห่งนองซีประกาศ ทีมนักวิทยาศาสตร์ฝรั่งเศส ถอดรหัสลับในจดหมายของประมุขแห่งรัฐในยุคกลางผู้ดำรงตำแหน่ง ‘จักพรรดิแห่งจักวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์’ ได้สำเร็จ หลังจากถูกทิ้งไว้เกือบ 5 ศตวรรษ   ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางหอสมุดแห่งนองซี ประเทศฝรั่งเศส ได้ประกาศถึงความสำเร็จของทีมนักวิทยาศาสตร์ชาวฝรั่งเศส ที่สามารถถอดรหัสลับบางส่วนของจดหมายจากปี ค.ศ. 1547 ซึ่งลงพระนามโดยพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 5 ซึ่งทรงดำรงตำแหน่งทั้งในฐานะของกษัตริย์แห่งสเปน (ในนามพระเจ้าการ์ลอสที่ 1), อาร์ชดยุคแห่งออสเตรียและจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ระหว่าง ค.ศ. 1500-1558   การถอดรหัสลับในจดหมายดังกล่าว ได้เปิดเผยเนื้อหาสำคัญซึ่งระบุถึงความกังวลของกษัตริย์ผู้ทรงอิทธิพลที่สุดพระองค์หนึ่งในยุโรปยุคเรอเนสซองส์ ซึ่งเต็มไปด้วยความขัดแย้งระหว่างศาสนาและราชบัลลังก์ โดยพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 5 ทรงกล่าวถึงความกังวลพระทัยว่า อาจมีการว่าจ้างคนให้มาลอบสังหารพระองค์ รวมถึงพระประสงค์ที่จะให้ความสำคัญอันดับแรกแก่ความสัมพันธ์ระหว่างพระองค์และพระเจ้าฟรองซัวส์ที่ 1 แห่งฝรั่งเศส   จดหมายฉบับดังกล่าวมีความยาว 3 หน้ากระดาษ บางตอนเขียนเป็นข้อความตามปกติทั่วไป และบางช่วงเขียนด้วยรหัสลับ และจากการถอดหรัสก็พบความลับจากยุคคริสศตวรรษที่ 16 ซึ่งรวมทั้งข่าวลือว่า ปิแอร์ สโตรซซี ผู้นำทางทหารชาวอิตาลี ซึ่งอยู่ใต้อำนาจของพระเจ้าฟรองซัวส์ที่ 1 กำลังวางแผนลอบปลงพระชนม์พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 5   จดหมายฉบับนี้ถูกทิ้งจนลืมไว้ในห้องสมุดสตานิสลาสในเมืองนองซีเป็นเวลาเกือบ…

แนะนำวิธีดูเว็บปลอมหน่วยงานรัฐ มิจฉาชีพใช้หลอกติดตั้งแอปมัลแวร์ พร้อมยกตัวอย่างเทียบของจริง

Loading

  ช่วงนี้มีข่าวมิจฉาชีพทำโจรกรรมผ่านช่องทางออนไลน์เยอะ และในทริกกลลวงก็มักจะใช้การแอบอ้างชื่อหน่วยงานทางการ เช่น DSI หรือกรมสรรพากร ขึ้นมาพร้อมมีการปลอมหน้าเว็บและแอปพลิเคชันให้เหยื่อตายใจ หลงดาวน์โหลดมาติดตั้งกันอยู่บ่อย ๆ คราวนี้เราเลยอยากเตือนภัย โดยรวบรวมหน้าเว็บปลอมที่มิจฉาชีพใช้เป็นช่องทางหลอกให้เหยื่อเข้าไปกรอกข้อมูล หรือกดดาวน์โหลดแอปมาใช้พร้อมอธิบายวิธีสังเกตง่าย ๆ ครับ   วิธีดูเว็บไซต์หน่วยงานรัฐปลอม URL น่าสงสัย นามสกุลลงท้ายไม่ใช่ .GO.TH หรือสกุลอื่นที่เป็นทางการ ประการแรกก่อนเข้าเว็บเลยคือการดู URL หรือ ลิงก์ของเว็บ ที่ขึ้นเป็นตัวสีฟ้า ๆ ให้เรากดเข้าไปในหน้าเว็บไซต์ หากเห็นว่าคนส่งมาอ้างเป็นเว็บหน่วยงานรัฐ แต่ลิงก์ลงท้ายด้วยชื่อโดเมนพวก .com, .xyz, .net และอย่างอื่น ให้ตีไว้ก่อนเลยว่าเป็นเว็บปลอม เพราะหน่วยงานรัฐของประเทศไทยจริง ส่วนใหญ่จะมีท้ายลิงก์ว่า .go.th และ .or.th เช่น www.dsi.go.th, www.set.or.th   แต่นอกจาก .go.th แล้ว ก็ยังมีนามสกุลอื่น ๆ ที่ต้องไปจดทะเบียนอย่างเป็นทางการในไทย ซึ่งจะเป็นเว็บที่มีความปลอดภัย มีข้อมูลตามนี้ครับ –   .go.th :…