วิธีการสังเกตอีเมล Phishing 7 สัญญาณบอกว่าเป็นอีเมลหลอกลวง

Loading

วิธีการสังเกตอีเมล Phishing ทั้งนี้อีเมลที่คุณอ่านทุกวันเป็นประจำจะมีบางอีเมลเป็นอีเมล Phishing หลอกลวงคุณอยู่ คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าอีเมลนั้นเป็นอีเมลปลอม แม้ว่าข้อความหลอกลวงจำนวนมากส่วนใหญ่จะมองเห็นได้ง่าย แต่ก็มีบางข้อความที่ต้องตรวจสอบมากกว่านี้เพื่อดูว่าเป็นอีเมลจริงหรือไม่ นี่คือ 7 สัญญาณที่คุณต้องสังเกตอีเมล เพื่อป้องกันตัวคุณเองจาก Phishing หรืออีเมลหลอกลวง วิธีการสังเกตอีเมล Phishing 7 สัญญาณที่บ่งบอกว่าเป็นอีเมลหลอกลวง 1.สังเกตชื่อผู้ส่งผิดปกติหรือไม่ เช่นที่อยู่ของ Paypal ต้องเป็น @mail.paypal.com ไม่ใช่ @ppservice.com หรืออีเมลอื่นๆ เป็นต้น นี่อาจเป็นตัวบ่งชี้ที่สำคัญของอีเมลว่าเป็นอีเมลปลอมหรือไม่ 2.มีพิมพ์ข้อความผิดหลายจุด หากคุณได้รับอีเมลจากที่อ้างว่าเป็นหน่วยงานที่เป็นทางการ เช่น ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่หรือหน่วยงานของรัฐบาล คุณคงคาดหวังว่าการสะกดคำและไวยากรณ์ของอีเมลนั้นถูกต้อง ทางการคงหายากที่คุณจะได้รับอีเมลจากแบรนด์หรือบุคคลที่น่าเชื่อถือแต่เต็มไปด้วยคำผิดไวยากรณ์ หรือข้อความผิดหลายจุด 3. ข้อความ “ด่วน” หากคุณได้รับอีเมลที่ระบุว่าคุณต้องดำเนินการทันที เร่งด่วน เพื่อหลีกเลี่ยงผลที่ตามมา คุณมีแนวโน้มที่จะทำตามขั้นตอนที่อีเมลนั้นบอกไว้ มิจฉาชีพได้พิมพ์ข้อความแบบใส่ความรู้สึกลงในอีเมลฟิชชิ่ง เพื่อกดดันให้คุณที่กำลังอ่านนั้น หลงเชื่อคลิกและทำตามอีเมลที่บอกอย่างเร่งด่วน ดังนั้น หากได้จดหมายแบบนี้อย่าตกใจ ตั้งสติและเช็กตรวจสอบอีเมลเพื่อหาสิ่งที่น่าสงสัย ก่อนแล้วค่อยดำเนินการหากคุณรู้สึกว่าผู้ส่งนั้นเชื่อถือได้ 4. ไฟล์แนบแปลกๆ ผิดปกติ ไม่รู้จัก อาชญากรไซเบอร์มักใช้ไฟล์แนบที่เป็นอันตราย เพื่อติดตั้งมัลแวร์ลงในอุปกรณ์ของคุณโดยที่คุณไม่รู้ตัว…

วิธีขอภาพจากกล้อง CCTV กทม. ออนไลน์ ขอภาพกล้องวงจรปิด กทม. ย้อนหลังได้ฟรี

Loading

ภาพ : กรุงเทพมหานคร โดยสำนักงานประชาสัมพันธ์ วิธีขอภาพจากกล้อง CCTV กทม. ออนไลน์ ทำได้ง่ายขึ้น สามารถขอภาพกล้องวงจรปิด กทม. ย้อนหลังได้ฟรี หลังจากเมื่อช่วงเช้าวันที่ 18 กรกฎาคม 2565 มีประชุมผู้ว่ากรุงเทพมหานคร เผยได้เปิดช่องทางขอภาพจากกล้องวงจรปิด CCTV โฉมใหม่ที่ง่ายขึ้น ชัดเจนยิ่งขึ้น วิธีขอภาพจากกล้อง CCTV กทม. ออนไลน์ นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ขณะนี้กรุงเทพมหานครได้เปิดให้มีการขอภาพจากกล้องวงจรปิด (CCTV) ของกรุงเทพมหานครทางออนไลน์ได้ภายใน 24 ชั่วโมง เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่ไม่สะดวกเดินทางมาขอภาพด้วยตนเอง โดยประชาชนที่จะขอไฟล์ภาพต้องแจ้งความ ณ สถานีตำรวจท้องที่ ที่เกิดเหตุก่อน จากนั้นสามารถแจ้งความประสงค์ขอไฟล์ภาพจากกล้อง CCTV ได้ 2 ช่องทาง คือ เว็บไซต์ cctv.bangkok.go.th และไลน์ @CCTVBANGKOK     โดยใช้เอกสารและข้อมูลประกอบการขอรับไฟล์ภาพ ได้แก่ 1. บันทึกประจำวันจากสถานีตำรวจ …

[Guest Post] ทำไมสถาบันการเงินจึงต้องกำกับดูแลการใช้งาน AI ให้รัดกุม

Loading

บริการทางการเงินเป็นภาคธุรกิจที่มีความท้าทายสูงมากจากการที่ผู้ทำธุรกิจด้านนี้ต่างแสวงหาความได้เปรียบทางการแข่งขันด้วยการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี และแนวทางในการทำธุรกิจต่าง ๆ รวมถึงการนำวิธีการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากกว่ามาใช้ร่วมกัน ปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังกลายเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้สถาบันการเงินปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานต่าง ๆ ให้เป็นแบบอัตโนมัติ เพิ่มความแม่นยำในการทำนายและคาดการณ์ และให้บริการแก่ลูกค้าได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ดีสถาบันการเงินจำเป็นต้องกำหนดกรอบการกำกับดูแลการใช้ AI ที่รัดกุมเพื่อขับเคลื่อนการใช้งาน AI ในทุกแง่มุมให้เป็นไปอย่างปลอดภัยและคงไว้ซึ่งประสิทธิภาพ บทบาทของการกำกับดูแลการใช้ AI การกำกับดูแล AI ประกอบด้วยกฎเกณฑ์ แนวทางปฏิบัติ และกระบวนการที่ใช้ในการกำกับดูแลและควบคุมการใช้งาน การกำกับดูแลการใช้ AI มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้องค์กรต่าง ๆ สามารถใช้ประโยชน์จาก AI ได้อย่างเต็มศักยภาพ ควบคู่ไปกับการลดค่าใช้จ่าย และลดความเสี่ยงให้เหลือน้อยที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากภาคธุรกิจการเงินมีกฎระเบียบที่เข้มงวด ดังนั้นสถาบันการเงินจึงต้องใช้กรอบการกำกับดูแลการใช้ AI ที่รัดกุม เพื่อให้สามารถกำกับดูแลกลยุทธ์ด้าน AI ได้ดียิ่งขึ้น กรอบการทำงานดังกล่าวควรประกอบด้วยกลยุทธ์ที่ชัดเจนในการใช้ AI และมีคู่มือหรือแนวนโยบายเกี่ยวกับการเก็บรวบรวมและการจัดการข้อมูล นอกจากนี้ยังจำเป็นต้องระบุและป้องกันความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการ เพื่อคุ้มครองข้อมูลอย่างเข้มงวด และเพื่อให้สอดคล้องตามข้อกำหนดทางกฎหมาย คุณประโยชน์สำคัญที่ได้จากการลงทุนด้านกรอบการกำกับดูแลการใช้ AI ได้อย่างเหมาะสม มีดังนี้   –  เพิ่มความสามารถในการตัดสินใจ-เข้าถึงข้อมูลได้ดีขึ้น และคาดการณ์ได้แม่นยำมากขึ้น –  เพิ่มประสิทธิภาพและลดค่าใช้จ่าย-งานประจำ…

ปธน. ยูเครน ไล่หัวหน้าสายลับและอัยการสูงสุดออก หลังพบเคยแอบร่วมงานกับรัสเซีย

Loading

  โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี (Volodymyr Zelenskyy) ประธานาธิบดียูเครนกล่าวว่า เขาได้ไล่หัวหน้าขององก์กรรักษาความปลอดภัยของประเทศและอัยการสูงสุดออก โดยให้เหตุผลว่าองค์กรของพวกเขาเคยร่วมงานกับรัสเซียอยู่หลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา การไล่ออกของ ไอวาน บาคานอฟ (Ivan Bakanov) หัวหน้าองค์กรรักษาความปลอดภัย และยังเป็นเพื่อนสมัยเด็กของเซเลนสกี และ ไอรีนา เวเนดิกโทวา (Iryna Venediktova) อัยการสูงสุดของยูเครน ซึ่งทำหน้าที่สำคัญในคดีมากมายเกี่ยวกับรัสเซีย ถูกประกาศบนเว็บไซต์ของประธานาธิบดี และนับเป็นการไล่ออกทางการเมืองที่ใหญ่ที่สุด นับตั้งแต่สงครามได้เริ่มต้นในเดือนกุมภาพันธ์ เซเลนสกีโพสต์บนเทเลแกรมว่า เขาได้ไล่เจ้าหน้าที่ระดับสูงเหล่านี้ออกเนื่องจากค้นพบว่าเจ้าหน้าที่ในองค์กรเหล่านี้หลายคนได้แอบร่วมงานกับรัสเซีย ซึ่งยังมีองค์กรอื่นอีกที่มีปัญหานี้เช่นกัน เขากล่าวว่ามีคดีมากถึง 651 คดี ที่นับเป็นการกบฏและต่อต้านผู้บังคับใช้กฎหมาย นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่กว่า 60 คนจากองค์กรของบาคานอฟและเวเนดิกโทวา ที่กำลังทำงานให้กับรัสเซียในพื้นที่ที่ถูกรัสเซียยึดครองไป ซึ่งการคุกคามความมั่นคงของชาติแบบนี้ทำให้เกิดข้อสงสัยมากมายเกี่ยวกับผู้นำที่เกี่ยวข้องกับองค์กรเหล่านี้ ในอีกบทความบนเว็บไซต์ประธานาธิบดีกล่าวว่า เซเลนสกีได้แต่งตั้ง โอเลกซี ไซโมเนนโก (Oleksiy Symonenko) ให้เป็นอัยการสูงสุดคนใหม่ ที่มา: Reuters     ที่มา : beartai    /   วันที่เผยแพร่ 18…

ดีอีเอสแนะ 3 ช่องทางช่วยประชาชนถูกแอบอ้างชื่อสร้างโซเชียลปลอม

Loading

ดีอีเอสแนะประชาชน-คนดังพบถูกแอบอ้างชื่อ/รูปภาพไปสร้างบัญชีโซเชียลปลอม รีบแจ้งด่วนผ่าน 3 ช่องทาง ได้แก่ กดรายงานไปที่เจ้าของแพลตฟอร์ม แจ้งผ่านโทร.1212 และแจ้งความได้ทั้งเว็บไซต์แจ้งความออนไลน์/ตำรวจ ยืนยันดีอีเอสพร้อมประสานทุกภาคส่วนเร่งปิดบัญชีปลอม และติดตามผู้กระทำผิดเข้ามาดำเนินคดี น.ส.นพวรรณ หัวใจมั่น โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฝ่ายการเมือง (ดีอีเอส) กล่าวว่า ที่ผ่านมายังพบแนวโน้มปัญหามิจฉาชีพแอบอ้างนำชื่อและรูปภาพคนอื่นไปสร้างบัญชีโซเชียลปลอม ทั้งเฟซบุ๊ก เพจปลอม ไลน์ปลอม และ IG เพื่อนำไปหลอกลวงในรูปแบบต่างๆ สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน ทั้งสูญเสียทรัพย์สินเงินทอง เสียชื่อเสียง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าผู้ที่ถูกแอบอ้างชื่อและโปรไฟล์เป็นดารา หรือคนมีชื่อเสียง ความเสียหายจะยิ่งขยายวงกว้าง เนื่องจากมักมีแฟนคลับหรือผู้ติดตามจำนวนมาก โอกาสที่จะมีเหยี่อหลงเชื่อก็ยิ่งเพิ่มจำนวนเช่นกัน ขณะที่เจ้าตัวเสี่ยงต่อการสูญเสียชื่อเสียง สำหรับรูปแบบการหลอกลวงที่พบบ่อยจากบัญชีโซเชียลสวมรอยเหล่านี้ ได้แก่ หลอกยืมเงิน หลอกขายของ หลอกลงทุน หลอกร่วมทุน โดยเหยื่อที่หลงเชื่อจะสูญเงินโดยไม่ได้รับสินค้าหรือผลตอบแทนใดๆ นอกจากนี้ ยังมีการหลอกลวงที่เป็น Romance Scam หรือหลอกให้หลงรักและสูบเงินเหยื่อผ่านทางออนไลน์ ขณะที่บางกรณีจะเป็นการแอบอ้างตัวตนคนดังสร้างเฟซบุ๊กปลอมเพื่อใช้เป็นพื้นที่โพสต์เนื้อหา หรือแสดงความคิดเห็นเพื่อหมิ่นประมาทผู้อื่น เป็นต้น น.ส.นพวรรณ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหานี้ รวมถึงอำนวยความสะดวกให้ผู้เสียหายซึ่งถูกแอบอ้างชื่อไปสร้างบัญชีโซเชียลปลอมเข้าถึงช่องทางความช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว เพื่อเร่งยุติการขยายวงของความเสียหาย เร่งประสานงานเพื่อปิดบัญชีปลอม และติดตามมิจฉาชีพมาดำเนินคดี อย่างไรก็ตาม ประเด็นสำคัญคือ…

เสี่ยงโดนปิด! อินโดฯ จี้ กูเกิล-เฟซบุ๊ก ลงทะเบียนกฎใหม่เปิดทางรัฐสั่งลบเนื้อหา

Loading

เสี่ยงโดนปิด! อินโดฯ จี้ กูเกิล-เฟซบุ๊ก ลงทะเบียนกฎใหม่เปิดทางรัฐสั่งลบเนื้อหา ชี้เส้นตาย 20 ก.ค.นี้ สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า รัฐบาลอินโดนีเซีย เตือนเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม ให้บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ที่ให้บริการในอินโดนีเซีย ลงทะเบียนตามกฎหมายใหม่ที่จะเปิดทางให้รัฐบาลสั่งลบเนื้อหาในแพลตฟอร์มต่างๆ ไม่เช่นนั้นจะถูกปิดบริการในอินโดนีเซีย ขณะที่รายงานล่าสุดระบุว่ายังมีหลายบริษัทเช่นกูเกิล และ เมต้า เจ้าของเฟซบุ๊ก ที่ยังไม่ได้ลงทะเบียน โดยกฎหมายดังกล่าวมีเส้นตายในการลงทะเบียนในวันที่ 20 กรกฎาคมนี้แล้ว ทั้งนี้การลงทะเบียนดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของกฎหมายใหม่ของอินโดนีเซียที่ประกาศออกมาในเดือนพฤศจิกายนปี 2020 โดยกฎหมายดังกล่าวเปิดทางให้รัฐบาลสั่งให้แพลตฟอร์มต่างๆ ลบเนื้อหาที่ผิดกฎหมาย หรือขัดต่อความสงบเรียบร้อยของสังคมได้ โดยหากเป็นกรณีเร่งด่วนต้องทำภายใน 4 ชั่วโมง หรือถ้าไม่เร่งด่วนก็ต้องดำเนินการภายใน 24 ชั่วโมง นอกจากนี้รัฐบาลยังเคยชี้แจงว่ากฎหมายใหม่นั้นจะทำให้แน่ใจว่าผู้ให้บริการจะปกป้องข้อมูลของผู้ใช้งาน ขณะที่เนื้อหาในโลกออนไลน์นั้นจะถูกใช้ในเชิงบวกและสร้างสรรค์ จอห์นนี จี. เพลต รัฐมนตรีสื่อสารอินโดนีเซีย ระบุกับรอยเตอร์ เรียกร้องให้บริษัทต่างๆลงทะเบียนก่อนที่จะถูกคว่ำบาตร ขณะที่กระทรวงสื่อสารอินโดนีเซียเคยระบุเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาแล้วว่า แพลตฟอร์มใดที่ไม่ลงทะเบียนจะต้องถูกปิดกั้นการใช้งานในอินโดนีเซีย ทั้งนี้จากข้อมูลของกระทรวงสื่อสารอินโดนีเซียพบว่า หากนับถึงวันที่ 18 กรกฎาคมมีบริษัทท้องถิ่น 5,900 บริษัท และบริษัทต่างชาติ 108 บริษัทที่ลงทะเบียนภายใต้กฎหมายดังกล่าวแล้ว ในจำนวนนั้นรวมไปถึง…