ไขปม PDPA ทุกมิติ ควรตระหนักแบบไม่ตระหนก (Cyber Weekend)

Loading

  ในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล ‘ข้อมูล’ เป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับองค์กรธุรกิจเอกชน และหน่วยงานภาครัฐ ที่ใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาแอปพลิชัน เพื่อให้บริการได้ตรงตามความต้องการของลูกค้าและประชาชน   แต่เมื่อเกิดกระแสบ่อยครั้งว่าข้อมูลที่ได้จากลูกค้าหรือประชาชนเกิดการ ‘หลุด’ ไปอยู่ในกลุ่มคนไม่หวังดีที่หวังผลทางธุรกิจหรือไม่ใช่ธุรกิจก็ตาม ทำให้ลูกค้าหรือประชาชนเริ่มไม่ค่อยมั่นใจเวลาจะต้องให้ข้อมูลส่วนตัวกับองค์กรธุรกิจหรือภาครัฐ ซึ่งเป็นที่มาทำให้เกิด พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ PDPA เพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชน   ทว่า ทันทีที่ PDPA มีผลบังคับใช้ กลับเกิดกระแสความเข้าใจผิด ด้วยบทลงโทษที่รุนแรง เช่น โทษทางอาญา จำคุกสูงสุด 1 ปี หรือโทษทางปกครองที่ปรับได้ถึง 5 ล้านบาท จึงเกิดดรามาต่างๆ ขึ้นจากความไม่รู้ เช่น ห้ามถ่ายภาพติดคนอื่นในโซเชียล ห้ามติดกล้องวงจรปิด มีการนำ PDPA กล่าวอ้างเพื่อจะฟ้องร้องกันหลายกรณี ในขณะที่ธุรกิจเอสเอ็มอีต่างก็ตื่นกลัวว่าจะสามารถทำตามกฎหมาย PDPA ได้หรือไม่ เพราะการเก็บข้อมูลไม่ให้รั่วไหลต้องใช้เงินลงทุนจำนวนไม่น้อย   ชมรมนักข่าวสายเทคโนโลยีสารสนเทศ (ITPC) สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย จึงได้จัดงานเสวนาจิบน้ำชา ‘ไขข้อข้องใจ PDPA ในทุกมิติ’ เพื่อสร้างความกระจ่างชัดให้สังคมที่กำลังสับสน    …

‘ชัชชาติ’ ชี้คนติดป้าย ‘สะพานท่าราบ’ ทำลายทรัพย์สินราชการ

Loading

  นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. เผยถึงกรณีมีคนนำป้ายชื่อ “สะพานท่าราบ พ.ศ. 2565” ไปติดทับชื่อ “สะพานพิบูลสงคราม พ.ศ.2514” ว่าถือเป็นการทำลายทรัพย์สินทางราชการ ต้องแจ้งควาเอาผิด ส่วนที่ว่าจะเกี่ยวข้องการเมืองหรือไม่ ปัดตอบคำถาม ระบุรู้อยู่เลา ๆ แต่ก็อย่าไปพูดถึง   นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. เผยถึงกรณีมีคนนำป้ายชื่อ “สะพานท่าราบ พ.ศ. 2565” ไปติดทับชื่อ “สะพานพิบูลสงคราม พ.ศ.2514” ว่าถือเป็นการทำลายทรัพย์สินทางราชการ ต้องแจ้งความเอาผิด ส่วนที่ว่าจะเกี่ยวข้องการเมืองหรือไม่ ปัดตอบคำถาม ระบุรู้อยู่เลา ๆ แต่ก็อย่าไปพูดถึง   จากกรณีมีคนนำป้ายข้อความ “สะพานท่าราบ พ.ศ. 2565” ไปปิดทับชื่อ “สะพานพิบูลสงคราม พ.ศ.2514” ซึ่งเป็นสะพานข้ามคลองบางซื่อ บนถนนประชาราษฎร์ สาย 1 ใกล้แยกเกียกกาย โดยล่าสุด เจ้าหน้าที่ได้แกะป้ายสะพานท่าราบออก ก่อนเข้าแจ้งความเพื่อเอาผิดคนติดป้ายตามที่ปรากฏเป็นข่าวไปแล้วนั้น  …

ผู้บริหาร TikTok ยอมรับพนักงานในประเทศจีนสามารถเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้ในสหรัฐอเมริกาได้

Loading

  ติ๊กต่อก (TikTok) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มวิดีโอสั้นยอดนิยมของโลก ออกมายอมรับอย่างเป็นทางการว่า พนักงานที่อยู่ในประเทศจีนสามารถเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้งานในสหรัฐอเมริกาได้ แต่อยู่ภายใต้การควบคุมความปลอดภัยอย่างเข้มงวด   ยังคงเป็นประเด็นอย่างต่อเนื่องสำหรับกรณีของติ๊กต่อก ซึ่งเคยมีรายงานก่อนหน้านี้ว่า พนักงานไบต์แดนซ์ (ByteDance) บริษัทแม่ของติ๊กต่อกในประเทศจีนบางส่วนสามารถเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้งานที่อยู่ในสหรัฐอเมริกาได้ ก่อนที่โฆษกของติ๊กต่อกจะออกมายอมรับว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องจริง แต่ทั้งหมดอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างเข้มงวด   Shou Zi Chew ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของติ๊กต่อก ได้เขียนจดหมายถึงวุฒิสมาชิกของสหรัฐฯ จำนวน 9 คน เพื่อตอบคำถามที่พวกเขาสงสัยในประเด็นเรื่องของความมั่นคงจากการที่ พนักงานไบต์แดนซ์ในประเทศจีน สามารถเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้งานในสหรัฐฯ ได้   ผู้บริหารสูงสุดของติ๊กต่อก ได้ตอบคำถามที่เป็นคำถามสำคัญของวุฒิสมาชิกของสหรัฐฯ มากที่สุด นั่นคือ เรื่องของการแบ่งปันข้อมูลให้กับรัฐบาลจีน ซึ่ง Shou Zi Chew ยืนยันว่า ไม่มีการแบ่งปันข้อมูลใดๆ ให้กับรัฐบาลจีน พร้อมทั้งบอกด้วยว่า ติ๊กต่อกมีการควบคุมความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์อย่างเข้มงวด   ในเวลาเดียวกัน ติ๊กต่อก ได้มีการทำความร่วมมือกับรัฐบาลสหรัฐฯ โดยเฉพาะเรื่องของความปลอดภัยของข้อมูล ซึ่งข้อมูลของผู้ใช้งานติ๊กต่อกในสหรัฐอเมริกา ได้จัดเก็บที่เซิร์ฟเวอร์ของบริษัทออราเคิล (Oracle) นอกจากนี้แล้ว โครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ของติ๊กต่อกหลังจากนี้…

เครื่องบินรบ MIG-29 ทิ้งระเบิดตกชายแดนเมียนมา ดับ 3 เจ็บ 3

Loading

  สถานการณ์สู้รบชายแดนไทย-เมียนมา ล่าสุดเมื่อคืน 1 ก.ค. 65 เครื่องบินรบ MIG-29 ยิงระเบิดตกใส่หมู่บ้านทิบาโบ จ.เมียวดี เสียชีวิต 3 ราย   รายงานแจ้งว่า เมื่อคืนนี้ (1 ก.ค. 65) เครื่องบินรบ มิก 29 ของทหารเมียนมา บินปฏิบัติการโจมตีฝ่ายต่อต้านทางอากาศ จากนั้นพบว่า มีระเบิดตกใส่กลางบ้านของนายจอราโด้ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่บ้านทิบาโบ จ.เมียวดี ฝั่งประเทศเมียนมา ขณะที่ทุกคนในบ้านรวมกลุ่มกันทานอาหารอยู่   เจ้าหน้าที่ช่วยกันกำลังลำเลียงคนเจ็บ ชาวเมียนมา 3 คน ที่ถูกระเบิดจากเครื่องบินรบ ตกใส่บ้าน ข้ามน้ำเมย มารักษาตัวที่ไทย โดยเจ้าหน้าที่ขอผ่อนปรมเพื่อนำคนเจ็บ 3 คนมารักษาที่โรงพยาบาล     จากนั้น เจ้าหน้าที่ไทยแจ้งว่า มีผู้เสียชีวิต 3 คน มีเอกสารของทางการไทยออกให้ มีบัตรประชาชนไทย 1 คน บัตรพื้นที่สูง…

ไบโอแล็บ ระเบิดเวลาที่ต้องรีบปลดชนวน

Loading

  มีหลายแนวคิดถูกหยิบขึ้นมาอธิบายการเกิดขึ้นของโควิด-19 หนึ่งในนั้นคือ โควิด-19 เกิดขึ้นภายในห้องทดลองทางชีวภาพหรือไบโอแล็บ แล้วเกิดการรั่วไหลหรือมีการจงใจปล่อยออกมาเพื่อสร้างความปั่นป่วนให้กับระบบเศรษฐกิจและการเมืองโลก   แน่นอนว่าคู่กรณีหลักในเรื่องนี้ย่อมหนีไม่พ้นจีนและสหรัฐ แต่จนถึงวันนี้คำกล่าวหาที่เกิดขึ้นต่อสองประเทศนี้ก็ยังไม่มีหลักฐานหนักแน่นพอที่จะชี้ลงไปได้ว่าต้นทางของการระบาดมาจากไหนกันแน่   ไม่ว่าความจริงจะเป็นอย่างไร สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือ หลายประเทศในโลกนี้มีการพัฒนาอาวุธชีวภาพเพื่อใช้ในการสงครามจริง เรื่องนี้คือสิ่งที่น่ากังวลมากกว่าการหาที่มาของโควิด-19 เสียอีก เพราะอาวุธชีวภาพมันเป็นระเบิดเวลาที่น่ากลัวเหลือเกิน หากมองในแง่ของการสงคราม     ข้อดีของอาวุธชีวภาพมี 4 อย่าง   1. อาวุธชีวภาพสามารถปิดเกมได้เร็ว เพราะแม้ใช้ในปริมาณน้อยก็สามารถสร้างความเสียหายให้กับกำลังทหารและประชาชนได้ในวงกว้าง โดยไม่ส่งผลเสียหายเหมือนการใช้อาวุธประเภทอื่นเพื่อให้ได้ผลเช่นเดียวกัน เช่น การใช้ระเบิดนิวเคลียร์   2. มีต้นทุนในการผลิตและใช้ที่ต่ำ ด้วยปริมาณที่ไม่มาก จึงนำไปใช้ได้ง่าย ตรวจจับได้ยากจนกว่าจะสายเกินไปแล้ว ทั้งยังมีต้นทุนในการผลิตไม่สูงเมื่อเทียบกับอาวุธทำลายล้างประเภทอื่นที่สามารถสร้างความเสียหายให้กับชีวิตในระดับเดียวกัน   3. สามารถสร้างได้ง่าย หากเทียบกับการพัฒนาอาวุธประเภทอื่น อาวุธชีวภาพสามารถสร้างได้ง่ายกว่า ไม่ต้องใช้องค์ความรู้สูง หากเป็นแบบที่ไม่ซับซ้อนมากก็ไม่ต้องใช้วัตถุดิบพิเศษ ประเทศที่ไม่ได้มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมากนักจึงสามารถพัฒนาและครอบครองอาวุธประเภทนี้ได้   4. สามารถกระจายไปใช้งานในหลายพื้นที่พร้อมกันได้สะดวก เนื่องจากเป็นอาวุธที่ใช้ปริมาณไม่มาก ไม่ต้องการพื้นที่ในการจัดเก็บมากนัก จึงสะดวกต่อการซุกซ่อนและเคลื่อนย้าย     ข้อจำกัดสำคัญของอาวุธชีวภาพมี 5 อย่าง…

เข้มแผนเผชิญเหตุรร.ชายแดน หลังเครื่องบินรบพม่า ‘ล้ำน่านฟ้าไทย’

Loading

  เลขาธิการ กพฐ. เข้มแผนเผชิญเหตุโรงเรียนตามเขตแนวชายแดน หลังเครื่องบินรบเมียนมาล้ำน่านฟ้าประเทศไทย เผย ยังไม่มีเหตุการณ์รุนแรงในโรงเรียน   จากกรณีกองทัพเมียนมาส่งเครื่องบินรบ MiG-29 จำนวน 1 ลำ บินรุกล้ำเข้ามายังน่านฟ้าไทย บริเวณชายแดน อ.พบพระ จ.ตาก เพื่ออ้อมไปยิงจรวดใส่ฝ่ายต่อต้านในฝั่งเมียนมา ประมาณ 4 รอบ ส่งผลให้โรงเรียนต้องประกาศหยุดเรียนฉุกเฉินนั้น   เมื่อวันที่ 1 ก.ค. นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า ตนได้รับรายงานเรื่องดังกล่าวแล้ว ซึ่งไม่มีเหตุการณ์อะไรรุนแรงจนต้องส่งผลกระทบนักเรียนและครู และยังมีความปลอดภัยทุกคน โดยคิดว่าภาพรวมการดูแลรักษาความปลอดภัยจะอยู่ที่กระบวนการของเจ้าหน้าที่ทหารในพื้นที่ แต่ในส่วนของสถานศึกษาโดยรอบเขตชายแดนตนได้สั่งการให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเข้าไปกำกับดูแลนักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษาแล้ว รวมถึงมีแผนเผชิญเหตุไว้อย่างรัดกุม   เพราะสถานศึกษาที่ตั้งอยู่เขตชายแดนจะมีมาตรการเฝ้าระวังเหตุ เช่น การจัดทำหลุมหลบภัย เป็นต้น หรือหากได้รับการแจ้งเตือนจากหน่วยงานทหารในพื้นที่ให้รู้ล่วงหน้าก่อนโรงเรียนก็จะประกาศหยุดการเรียนการสอน   เลขาธิการ กพฐ. กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้เรื่องดังกล่าวที่เกิดขึ้นยังไม่กระทบต่อการจัดการเรียนการสอนของนักเรียน และได้รับทราบว่าโรงเรียนที่ได้รับผลกระทบวางมาตการแผนเผชิญเหตุไว้เป็นอย่างดี สำหรับโรงเรียนบริเวณตามตะเข็บแนวชายแดนเมียนมามีหลายแห่ง   ซึ่งจากการติดตามข้อมูลในขณะนี้ ยังไม่มีประเด็นอะไรที่น่ากังวลใจ…