เกิดเหตุระเบิดโรงกลั่นน้ำมันบริษัท’เอส-ออยล์’ในเกาหลีใต้ บาดเจ็บ 8 ราย

Loading

  เกิดเหตุระเบิดที่โรงกลั่นน้ำมันของบริษัทเอส-ออยล์ คอร์ป (S-Oil Corp) ซึ่งเป็นบริษัทกลั่นน้ำมันรายใหญ่อันดับ 3 ของเกาหลีใต้ ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 8 ราย โดยโรงกลั่นแห่งนี้ตั้งอยู่ในเมืองอุลซาน ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเกาหลีใต้ เจ้าหน้าที่หน่วยดับเพลิงของเกาหลีใต้เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 20.52 น.ตามเวลาท้องถิ่นของวันพฤหัสบดี (19 พ.ค.) ทางหน่วยงานได้รับแจ้งว่ามีเหตุระเบิดเกิดขึ้นที่โรงกลั่นน้ำมันออนซาน (Onsan) ของบริษัทเอส-ออยล์ ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมของเมืองอุลซาน ห่างจากกรุงโซลประมาณ 414 กิโลเมตร เหตุระเบิดครั้งนี้ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 8 ราย โดยในจำนวนนี้มีผู้บาดเจ็บสาหัสจำนวน 6 ราย ขณะที่เจ้าหน้าที่หน่วยดับเพลิงเปิดเผยว่า เหตุระเบิดเกิดขึ้นในขณะที่คนงานของบริษัทอยู่ในระหว่างการทดสอบกระบวนการแอลคิเลชัน (Alkylation processing) ซึ่งเป็นหนึ่งในกระบวนการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันตามขั้นตอนการบำรุงรักษาโรงกลั่น สำนักข่าวยอนฮับรายงานว่า หน่วยดับเพลิงได้ประกาศเตือนภัยระดับที่ 2 เพื่อเปิดทางให้สามารถขอการสนับสนุนเพิ่มเติม ซึ่งรวมถึงการขอกำลังเจ้าหน้าที่จากหน่วยดับเพลิงจากพื้นที่อื่น ๆ และระดมรถดับเพลิงเกือบ 40 คันเพื่อควบคุมเพลิง ทั้งนี้ บริษัทซาอุดีอารามโคเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในบริษัทเอส-ออยล์ และโรงกลั่นแห่งนี้มีกำลังการกลั่นน้ำมันในอัตรา 669,000 บาร์เรล/วัน     ที่มา :…

จับตาแรนซัมแวร์ หน้าใหม่ จ้องทำลายระบบ เล่นประเด็นการเมือง

Loading

ตั้งแต่อดีต การปฏิบัติการของกลุ่ม แรนซัมแวร์ มีดำเนินการมาอย่างยาวนาน จากจุดเริ่มต้นของมือสมัครเล่น กลายเป็นองค์กรธุรกิจที่มีแบรนด์และสไตล์โดดเด่นของตัวเอง . ต้องยอมรับว่า กลุ่มอาชญากรไซเบอร์ยังคงมีการพัฒนาลูกเล่นใหม่ ๆ เพื่อทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จในการโจมตีมากขึ้น แม้ว่าจะมีการปิดตัวครั้งใหญ่ของกลุ่มแรนซัมแวร์ที่โด่งดังที่สุดบางกลุ่มอย่างแก๊ง Revil ก็ตาม . โดยลูกเล่นที่พบมากที่สุดตอนนี้ คืออาชญากรไซเบอร์พยายามหันไปใช้ประเด็นทางการเมือง เพื่อทำให้การโจมตีมีความเกี่ยวข้องมากกันขึ้น และไม่นานมานี้ผู้เชี่ยวชาญของแคสเปอร์สกี้ได้เผยรายงานที่ครอบคลุมถึงแนวโน้มใหม่ของแรนซัมแวร์ที่พบในปี 2022 นี้ . แนวโน้มแรกคือการใช้ความสามารถข้ามแพลตฟอร์ม ปัจจุบันกลุ่มแรนซัมแวร์ตั้งเป้าที่จะสร้างความเสียหายให้กับระบบให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ด้วยมัลแวร์ตัวเดียวกัน โดยการเขียนโค้ดที่สามารถทำงานได้บน OS หลายระบบพร้อมกัน ยกตัวอย่างกลุ่ม Conti ที่ปล่อยมัลแวร์ผ่านบริษัทในเครือและเลือกและกำหนดเป้าหมายไปที่ Linux ในช่วงปลายปี 2021 ซึ่งเป็น OS ที่ไม่ได้รับความนิยมในกลุ่มแรนซัมแวร์อื่น ๆ แต่ก็ทำให้ประสบผลสำเร็จในการโจมตี . นอกจากนี้ ภาษา Rust และ Golang ซึ่งเป็นภาษาโปรแกรมข้ามแพลตฟอร์มเริ่มแพร่หลายมากขึ้น กลุ่ม BlackCat ที่ประกาศตัวเองว่าเป็นแก๊งมัลแวร์รุ่นใหม่ มีรายงานว่าโจมตีองค์กรมากกว่า 60 แห่ง ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2021 โดยได้เขียนมัลแวร์ในภาษา Rust…

‘ก็อตแลนด์’ ด่านหน้าของสวีเดนที่จะรับมือรัสเซีย

Loading

ฐานทัพบนเกาะก็อตแลนด์ จุดยุทธศาสตร์สำคัญในการป้องกันสวีเดน และกลุ่มประเทศบอลติก สงครามในยูเครนบีบให้สวีเดนและฟินแลนด์ต้องทบทวนเรื่องความปลอดภัยอีกครั้ง ว่าพวกเขาจะสามารถอยู่อย่างปลอดภัยได้หรือไม่ หากไม่ได้เป็นสมาชิกนาโต และไม่มีมาตรา 5 ที่ประเทศสมาชิกให้คำมั่นว่าจะปกป้องดินแดนของกันและกัน “การโจมตีประเทศสมาชิกประเทศใดประเทศหนึ่งคือการโจมตีประเทศสมาชิกทั้งหมด” นั่นทำให้ทั้งสวีเดนและฟินแลนด์ต้องการสมัครเข้าเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) นอกจากนี้ ภายหลังจากที่รัสเซียเปิดปฏิบัติการทางทหารในยูเครน ชาวสวีเดนและฟินแลนด์หันมาเข้าร่วมฝึกซ้อมทางทหารเพื่อเตรียมรับมือกับการรุกรานของรัสเซีย Reuters รายงานว่า อาสาสมัครชาวสวีเดนกำลังรวมตัวกันอยู่ที่เกาะก็อตแลนด์ เกาะที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ซึ่งจะเป็นด่านหน้าของสวีเดนหากเกิดการเผชิญหน้ากับรัสเซียในอนาคต เกาะดังกล่าวอยู่ห่างจากกองเรือบอลติกของรัสเซียเพียง 300 กิโลเมตร ซึ่งประจำการอยู่ในแคว้นคาลีนินกราด เป็นเขตการปกครองของสหพันธรัฐรัสเซีย คั่นกลางระหว่างลิทัวเนียและโปแลนด์ คามิลลา เซลานเดอร์ พนักงานร้านขายของชำชาวสวีเดนวัย 34 ปี หนึ่งในอาสาสมัครที่เข้าร่วมการฝึกทหารกับ Home Guard บนเกาะก็อตแลนด์ บอกกับ Reuters ในช่วงพักจากการซ้อมยิงปืนว่า “ผู้คนค่อนข้างกังวล แต่เราพยายามให้ทุกคนอยู่ในความสงบ เราพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ก็บอกกันว่ามันจะผ่านไปได้ด้วยดี” โดยเกาะก็อตแลนด์ถูกมองว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการป้องกันประเทศของสวีเดน และกลุ่มประเทศบอลติก ได้แก่ ลัตเวีย ลิทัวเนีย และเอสโตเนีย     เอริค ปีเตอร์สัน รองผู้บัญชาการกองทัพบกของเพนตากอนกล่าวกับหนังสือพิมพ์ Svenska Dagbladet…

กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ชี้ปืนล้นประเทศ

Loading

  วอชิงตัน/ลากูนา วูดส์ (เอพี/รอยเตอร์ส)-กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เผยว่า ช่วง 20 ปี ที่ผ่านมา สหรัฐฯ ผลิตปืนเพื่อจำหน่ายมากกว่า 139 ล้านกระบอก และยังนำเข้ามาอีก 71 ล้านกระบอก บ่งชี้ว่าประเทศกำลังเต็มไปด้วยอาวุธปืนส่วนบุคคลที่ส่งผลให้เกิดเหตุรุนแรงจากปืนเพิ่มมากขึ้น รายงานฉบับใหม่ของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ รวบรวมข้อมูลระหว่างปี 2543-2563 เฉพาะปี 2563 สหรัฐฯ ผลิตปืนเพื่อจำหน่าย 11.3 ล้านกระบอก มีผู้ผลิตที่จดทะเบียนและยังดำเนินงานอยู่ 16,963 ราย เพิ่มขึ้นจาก 2,222 ราย ในปี 2543 รายงานพบว่า ชาวอเมริกันนิยมสะสมปืนไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติ ซึ่งเป็นอาวุธที่คนร้ายใช้ก่อเหตุสังหารหมู่หลายครั้ง และยังซื้อปืนพกสั้นกึ่งอัตโนมัติขนาด 9 มิลลิเมตร ที่มีราคาถูกลง ใช้งานง่าย มีความแม่นยำคล้ายอาวุธคู่กายตำรวจในปัจจุบัน นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังประสบปัญหาปืนเถื่อนที่มีจำนวนมากขึ้น มีทั้งปืนประกอบขึ้นเองจากชิ้นส่วนที่หาซื้อทางออนไลน์ และปืนพิมพ์จากเครื่องพิมพ์ 3 มิติ ลิซา โมนาโก รองอัยการสูงสุดสหรัฐฯ ระบุว่า ทางการจะแก้ปัญหาความรุนแรงจากปืนซึ่งกำลังเพิ่มขึ้นในขณะนี้ได้ต่อเมื่อมีข้อมูลอย่างละเอียด แล้วนำเครื่องมือและงานวิจัยที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดมาใช้ให้เกิดประโยชน์ รายงานฉบับนี้จึงถือเป็นก้าวสำคัญ…

‘ออสเตรเลีย – ไทย’ หารือความเสี่ยงโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ

Loading

  ออสเตรเลียร่วมกับสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติของไทย (สมช.) จัดการหารือว่าด้วยเรื่องความเสี่ยงต่อโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ระหว่างออสเตรเลีย และไทย ระหว่างวันที่ 18 – 19 พฤษภาคม 2565 ผู้เชี่ยวชาญ และผู้เข้าร่วมประชุมกว่า 100 คน ได้ร่วมหารือถึงการบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญระหว่างออสเตรเลีย และไทยอย่างยั่งยืน รวมถึงการแจกแจงและจัดการความเสี่ยงทั้งของภาครัฐและเอกชน การบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญอย่างมีประสิทธิภาพมีความสำคัญต่อความมั่นคงของประเทศ ซึ่งรวมถึงการจัดการโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพ และระบบดิจิทัลที่มีความสำคัญเพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน ซึ่งหลายประเทศต้องพึ่งระบบเหล่านี้ในการบริหารจัดการ นายอัลลัน แมคคินนอน เอกอัครราชทูตออสเตรเลีย ประจำประเทศไทย ได้กล่าวว่า บทเรียนสำคัญจากการระบาดของโควิด-19 ทำให้เห็นถึงว่าโครงสร้างพื้นฐานมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความปลอดภัย และความมั่นคงของประเทศ ” เราถือเป็นโอกาสที่สำคัญที่จะได้ร่วมงานกับสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติของไทย ในการแบ่งปันความคิดเห็นเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญรวมถึงการแจกแจง และจัดการความเสี่ยงเหล่านั้น” เอกอัครราชทูตออสเตรเลียยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ประเทศไทยมีโครงสร้างพื้นฐานที่เพียบพร้อมในหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าบีทีเอส เขื่อนภูมิพล ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ แต่กระนั้นก็ยังต้องจัดการความเสี่ยงหลายอย่างต่อโครงสร้างพื้นฐานเหล่านั้นไม่ว่าจะเป็นการเอ่อล้นของแม่น้ำเจ้าพระยาจนถึงการขโมยข้อมูลการเงินทางไซเบอร์ นายรัชกรณ์ นภาพรพิพัฒน์ รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ กล่าวว่า สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาความปลอดภัยโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของประเทศเนื่องจากจะเกิดผลกระทบต่อความปลอดภัย และการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชนในวงกว้าง หากเกิดการหยุดชะงักของโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ โดยตั้งแต่ในอดีตจนถึงจนปัจจุบัน สมช. ได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานราชการ ภาคเอกชน และหน่วยงานต่างประเทศมาโดยตลอด…

กรมโรงงานฯ ขีดเส้น 23 ต.ค.โรงงานใช้สารเคมีตั้งแต่ 1 ตัน/ปีต้องรายงานข้อมูล

Loading

กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ออกคำสั่งให้โรงงานที่ใช้จัดเก็บสารเคมีอันตรายตั้งแต่ 1 ตัน/ปี ต้องรายงานผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ มีผลบังคับใช้ 23 ตุลาคม 2565 พร้อมจัดการฝึกอบรม “ระบบข้อมูลเพื่อการจัดการความปลอดภัยด้านสารเคมีในโรงงานอุตสาหกรรม” ผ่านช่องทางออนไลน์ให้แก่ผู้ประกอบกิจการโรงงานในเดือนมิถุนายน และกันยายน 2565 นายวันชัย พนมชัย อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากกรณีเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ บริษัท หมิงตี้เคมีคอล จำกัด จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2564 มีสารเคมีกว่า 20 ตันระเบิดรั่วไหลออกมา ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนที่อาศัยอยู่โดยรอบโรงงาน ทั้งความเสียหายทางทรัพย์สิน และสิ่งแวดล้อม ดังนั้น กระทรวงอุตสาหกรรมจึงได้จัดทำประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง มาตรการความปลอดภัยเกี่ยวกับการจัดการสารเคมีในโรงงานอุตสาหกรรม กำหนดให้ผู้ประกอบกิจการโรงงานตามบัญชีแนบท้ายประกาศฯ และผู้ประกอบกิจการโรงงาน นอกเหนือจากบัญชีแนบท้ายประกาศฯ ต้องรายงานข้อมูลสารเคมีอันตรายที่มีการเก็บ หรือการใช้ในการประกอบกิจการโรงงาน ในปริมาณตั้งแต่ 1 ตัน/ปี ต่อสารเคมีอันตรายหนึ่งชนิด ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของ กรอ. โดยประกาศดังกล่าวได้ลงในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2565 และจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 23…