Facial Recognition
นักกฎหมายผู้หนึ่งกล่าวว่า การใช้เทคโนโลยีระบบการจดจำใบหน้าของทางการรัฐหลุยเซียนานำไปสู่การจับกุมที่ผิดพลาด โดยเจ้าหน้าที่ได้ใช้หมายจับในการจับกุมตัวชายชาวจอร์เจีย ซึ่งคดีนี้เป็นคดีที่รื้อฟื้นความสนใจในเรื่องของความไม่เสมอภาคทางเชื้อชาติในการใช้เครื่องมือดิจิทัล
รายงานจากหนังสือพิมพ์ The Times-Picayune และ The New Orleans Advocate ระบุว่า แรนดัล เรด (Randall Reid) ชายวัย 28 ปี ต้องถูกจำคุกเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนที่ ดีคัล์บ เคาน์ตี้ (DeKalb County) รัฐจอร์เจีย
โดยทอมมี่ คาโลเจอโร (Tommy Calogero) ทนายความของเขากล่าวว่าเจ้าหน้าได้ที่เชื่อมโยงใบหน้าของเรดกับการขโมยกระเป๋าแบรนด์หรูที่เขตเจฟเฟอร์สัน แพริช (Jefferson Parish) และเมือง แบตัน รูจ (Baton Rouge) ด้วยความผิดพลาด ทำให้เขาถูกจับกุมเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน และได้รับการปล่อยตัวในวันที่ 1 ธ.ค.
เรดเป็นชายผิวดำและการที่เขาถูกจับกุมนี้ทำให้ผู้คนหันมาให้ความสนใจในการใช้เทคโนโลยีที่บรรดาผู้คัดค้านกล่าวว่าส่งผลให้อัตราการระบุตัวคนผิวสีผิดพลาดสูงกว่าคนผิวขาว
เรดเล่าว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกกับเขาว่ามีหมายจับจาก ‘เจฟเฟอร์สัน แพริช’ ซึ่งตัวเขาเองไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอยู่ที่ไหนเพราะในชีวิตเขาไม่เคยไปหลุยเซียนาเลยสักครั้ง จากนั้นตำรวจก็บอกว่าเขาเป็นขโมย แต่เขาไม่ได้ไปที่หลุยเซียน่า และก็ไม่ได้เป็นขโมยอีกด้วย
คาโลเจอโรกล่าวว่า ใบหน้าของเรดถูกเชื่อมโยงกับการโจรกรรมกระเป๋าหรูจากร้านฝากขายในแถบ เมตารี (Metairie) ที่อยู่ชานเมืองนิวออร์ลีนส์ในเขตเจฟเฟอร์สัน แพริช เมื่อเดือนมิถุนายน
จากนั้นนักสืบของกรมตำรวจแบตัน รูจ ได้นำการระบุตัวตนของเรดจากสำนักงานนายอำเภอเจฟเฟอร์สัน แพริช มาใช้ในการออกหมายจับ โดยกล่าวหาว่าเขาเป็นหนึ่งในชายสามคนที่มีส่วนพัวพันกับคดีการโจรกรรมกระเป๋าแบรนด์หรูอีกครั้งในสัปดาห์เดียวกัน ตามบันทึกของศาล
คาโลเจอโร ซึ่งประเมินน้ำหนักของเรดกับโจรขโมยกระเป๋าที่ดูจากกล้องวงจรปิดว่าต่างกันราว 40 ปอนด์ หรือราว 18 กิโลกรัมกล่าวว่า ความแตกต่างหลาย ๆ อย่าง เช่น ไฝบนใบหน้าของเรด ทำให้นายอำเภอเจฟเฟอร์สันยกเลิกหมายจับ
ทางด้านสำนักงานของโจ โลปินโต นายอำเภอเจฟเฟอร์สันไม่ได้ตอบคำถามที่ขอข้อมูลมากมายจากหนังสือพิมพ์ The Times-Picayune และThe New Orleans Advocate เกี่ยวกับการจับกุมและปล่อยตัวเรด การใช้ระบบการจดจำใบหน้าของหน่วยงาน หรือมาตรการป้องกันใด ๆ ในการใช้เทคโนโลยีนี้
ทั้งนี้ คดีของเรดทำให้ผู้คนหันกลับมาสนใจเรื่องการใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าในหลุยเซียน่าและที่อื่น ๆ อีกครั้ง
ระบบการจดจำใบหน้านั้นต้องเผชิญกับการถูกวิพากษ์วิจารณ์เนื่องจากความสามารถในการสอดแนมผู้คนจำนวนมาก ซึ่งทำให้เกิดความกังวลในเรื่องของความเป็นส่วนตัว และเนื่องจากการศึกษาบางชิ้นที่แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีนี้มีแนวโน้มที่จะระบุตัวตนคนผิวดำและคนผิวสีอื่น ๆ ผิดพลาดมากกว่าคนผิวขาว ทำให้เกิดการจับกุมที่ผิดพลาด
เจ้าหน้าที่ตำรวจในนิวออร์ลีนส์กล่าวว่า เทคโนโลยีการจดจำใบหน้านั้นสามารถนำไปใช้ในการหาเบาะแสเท่านั้น และเจ้าหน้าที่จะต้องได้รับการอนุมัติจากเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานก่อนที่จะยื่นคำขอผ่าน Louisiana State Analytic และ Fusion Exchange ในแบตัน รูจ และภายใต้กฎข้อบังคับล่าสุดของเมืองนี้ การจับคู่ใบหน้าเพื่อระบุตัวตนที่มีความเป็นไปได้ทั้งหมดจะต้องผ่านการตรวจทานโดยผู้ตรวจสอบระบบการจดจำใบหน้าคนอื่น ๆ อีกครั้ง
อย่างไรก็ตามกฎหมายที่จำกัดการใช้งานระบบจดจำใบหน้าในพื้นที่ทั่วทั้งรัฐ ถูกสั่งระงับใช้ในการประชุมสภาปีค.ศ. 2021
ที่มา: เอพี
————————————————————————————————————————-
ที่มา : VOA Thai / วันที่เผยแพร่ 14 ม.ค.65
Link : https://www.voathai.com/a/6917678.html