ใครเปิด “บัญชีม้า” โทษหนักติดคุก-ปรับเป็นแสน

Loading

    ครม.เคาะ ร่างพ.ร.ก.จัดการอาชญากรรมออนไลน์ ระงับธุรกรรมต้องสงสัย ใครเปิด “บัญชีม้า” โทษหนักติดคุก-ปรับเป็นแสน   นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2566 ว่า ปัจจุบัน มิจฉาชีพมีการหลอกลวงให้ประชาชนโอนเงินผ่านการติดต่อทางโทรศัพท์หรือวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งขยายตัวรวดเร็วและเกิดความเสียหายเป็นวงกว้าง จากสถิติตั้งแต่ 1 มีนาคม – 31 ตุลาคม 2565 มีคดีออนไลน์เกิดขึ้นกว่า 114,000 คดี คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 22,000 ล้านบาท เฉลี่ย 800 คดีต่อวัน   อีกทั้ง ยังไม่มีกฎหมายเฉพาะที่ให้อำนาจสถาบันการเงินหรือผู้ประกอบธุรกิจ สามารถระงับการทำธุรกรรมใด ๆ ที่ต้องสงสัยว่าเป็นธุรกรรมที่กระทำผิดทางอาญา โดยเฉพาะการหลอกลวงประชาชนให้โอนเงินไปยังบัญชีผู้อื่นที่อยู่ในขบวนการเป็นทอด ๆ อย่างรวดเร็ว หรือที่เรียกว่า “บัญชีม้า” ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถระงับการทำธุรกรรมหรืออายัดเงินได้ทันท่วงที   ดังนั้น ครม.จึงมีมติอนุมัติร่างพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. ….…

โดนด้วย! พบเอกสารลับที่บ้านพักอดีตรองปธน.ไมค์ เพนซ์

Loading

      มีการพบเอกสารที่ระบุว่าเป็นความลับ ที่บ้านพักอดีตรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ ในรัฐอินเดียนา เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตามรายงานของเอพี   ทนายของอดีตรองปธน.เพนซ์ เกร็ก เจคอบ เปิดเผยกับเอพีว่า เอกสารดังกล่าว “ดูเหมือนจะมีจำนวนน้อยที่มีเครื่องหมายระบุว่าเป็นเอกสารลับ ซึ่งถูกบรรจุไว้ในกล่องอย่างไม่ตั้งใจ และส่งมายังบ้านพักของอดีตรองปธน.”   เจคอบเพิ่มเติมว่า อดีตรองปธน.เพนซ์ “ไม่ทราบถึงการมีอยู่ของเอกสารที่มีความละเอียดอ่อนหรือเอกสารลับที่บ้านพักของเขา” รวมทั้งให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับหอจดหมายเหตุของสหรัฐฯ ในเรื่องนี้ และนำเอกสารเหล่านั้นไปเก็บไว้อย่างดีหลังพบว่า อยู่ในตู้เซฟ ก่อนที่ทนายของเพนซ์จะระบุว่า สำนักงานสืบสวนกลางของรัฐบาลสหรัฐฯ หรือ เอฟบีไอ ได้เดินทางไปที่บ้านพักของเพนซ์เพื่อขอเอกสารเหล่านั้นมา   เมื่อเดือนสิงหาคมปีก่อน อดีตรองปธน.เพนซ์ ยืนยันว่า ตนไม่ได้นำเอกสารของทางการติดตัวกลับมาด้วยเมื่อพ้นจากตำแหน่ง ด้านกระทรวงยุติธรรมปฏิเสธที่จะให้ความเห็นในวันอังคารเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทนายของเพนซ์ ไม่ได้ตอบกลับเพิ่มเติมในช่วงเวลาที่เอพีรายงานข่าวนี้     การค้นพบเอกสารทางการในบ้านพักของอดีตรองปธน.เพนซ์ เกิดขึ้นในช่วงที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ได้แต่งตั้งที่ปรึกษาพิเศษทางกฎหมาย ให้ทำหน้าที่สอบสวนกรณีการจัดเก็บเอกสารลับของไบเดนว่า เป็นไปอย่างถูกต้องเหมาะสมหรือไม่ เช่นเดียวกับที่กำลังมีการตรวจสอบกรณีพบเอกสารลับที่บ้านพักของทรัมป์     ที่มา  เอพี     ——————————————————————————————————————————————————————– ที่มา…

ไปป์บอมบ์โจมตีฐานทหารพรานที่ยะหริ่ง

Loading

    สองคนร้ายควบมอเตอร์ไซค์ขว้างไปป์บอมบ์ใส่ฐานทหารพราน บ้านโต๊ะดีแต จ.ปัตตานี เจ้าหน้าที่เจ็บ 1 นาย ขณะที่ฝ่ายความมั่นคงคุมตัวสมาชิกกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงตามหมายจับ ส่งเข้ากระบวนการซักถาม   เหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดเมื่อเวลา 20.00 น.วันอังคารที่ 24 ม.ค.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุคนร้ายจำนวน 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่ทราบยี่ห้อและหมายเลขทะเบียน โฉบเข้าไปบริเวณบ้านโต๊ะตีแต หมู่ 1 ต.ตันหยงจึงงา อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี แล้วขว้างระเบิดแสวงเครื่องแบบไปป์บอมบ์ใส่ฐานปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ทหารพราน กองร้อยทหารพรานที่ 4216 กรมทหารพรานที่ 42 (ร้อย ทพ.4216)   แรงระเบิดทำให้ที่เจ้าหน้าที่อาสาสมัครทหารพราน (อส.ทพ.) ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ทราบชื่อคือ อส.ทพ.ศิริศักดิ์ หนูมาก ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลยะหริ่ง   หลังก่อเหตุคนร้ายได้ขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่ต้องการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบรายวัน   คุมตัวผู้ต้องหาคดีความมั่นคงส่งศูนย์ซักถาม     ก่อนหน้านั้น เมื่อวันจันทร์ที่ 23 ม.ค.66…

เอฟบีไอชี้เกาหลีเหนือ แฮ็กบล็อกเชน “ฮาร์โมนี” สูญ 3,000 ล้านบาท

Loading

    หน่วยงานสอบสวนของรัฐบาลวอชิงตัน กล่าวว่า กลุ่มแฮกเกอร์ซึ่งได้รับความสนับสนุนจากเกาหลีเหนือ โจมตีบล็อกเชนของผู้พัฒนาในสหรัฐ เมื่อปีที่แล้ว สร้างความเสียหายมากกว่า 3,000 ล้านบาท   สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 24 ม.ค. ว่า สำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) ออกแถลงการณ์ว่า “ลาซารัส กรุ๊ป” และ “เอพีที38” ซึ่งเป็นกลุ่มแฮกเกอร์ที่มีความเชื่อมโยงกับเกาหลีเหนือ อยู่เบื้องหลังการโจมตีทางไซเบอร์ ต่อระบบ “ฮาร์โมนี ฮอไรซอนส์ บริดจ์” ซึ่งเป็นสะพานเชื่อมบล็อกเชนของบริษัทฮาร์โมนี หนึ่งในผู้พัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชนสกุลเงินดิจิทัลของสหรัฐ เมื่อเดือน มิ.ย. ปีที่แล้ว และสร้างความเสียหายมากกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3,276.80 ล้านบาท)   Two hacker groups associated with North Korea, the Lazarus Group and APT38, were…

ประท้วงต่อต้านเผาอัลกุรอาน ลุกลามทั่วตะวันออกกลาง

Loading

    การตัดสินใจของสวีเดนที่อนุญาตให้นักการเมืองขวาจัดจากเดนมาร์ก จัดกิจกรรมเผาคัมภีร์อัลกุรอานที่ด้านหน้าสถานทูตตุรกีในกรุงสตอกโฮล์มเมื่อวันเสาร์ที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา สร้างความไม่พอใจอย่างมากต่อตุรกี   และกำลังส่งผลต่อการเข้าเป็นสมาชิก “นาโต” ของสวีเดน เนื่องจากตุรกีสามารถใช้สิทธิ์ในการโหวตคัดค้านได้ และเมื่อคืนที่ผ่านมา ประธานาธิบดี เรเจป เทย์ยิป เออร์โดอัน ผู้นำตุรกีออกมาประกาศจุดยืนเรื่องนี้แล้ว โดยระบุชัดเจนว่าตุรกีจะไม่ยกมือสนับสนุนให้สวีเดน   นอกจากนี้ยังเกิดการประท้วงในหลายเมืองของประเทศตุรกี และกำลังขยายเป็นวงกว้างทั่วตะวันออกกลาง   การจุดไฟเผาธงชาติสวีเดนของกลุ่มผู้ประท้วงในกรุงอัมมาน เมืองหลวงของจอร์แดน เพื่อแสดงความไม่พอใจต่อการตัดสินใจของทางการสวีเดนที่อนุญาตให้ราสมุส ปาลูดาน นักการเมืองชาวเดนมาร์กเชื้อสายสวีเดนซึ่งมีจุดยืนต่อต้านผู้อพยพ จัดกิจกรรมเผาคัมภีร์อัลกุรอานบริเวณด้านหน้าสถานทูตตุรกีในกรุงสตอกโฮล์มเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา   นอกจากที่จอร์แดนแล้ว ยังมีรายงานการประท้วงเกิดขึ้นตามท้องถนนในกรุงแบกแดด เมืองหลวงของอิรัก และกรุงซานาของเยเมนด้วย   โดยกลุ่มผู้ประท้วงชูป้ายที่มีเนื้อหาประณามรัฐบาลสวีเดน พร้อมตะโกนข้อความต่อต้านการเผาคัมภีร์อัลกุรอาน ผู้ประท้วงหลายคนระบุว่าไม่อาจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้   ขณะที่รัฐบาลสวีเดนยังคงยืนยันปกป้องการตัดสินใจของตัวเองที่อนุญาตให้จัดกิจกรรมเผาคัมภีร์อัลกุรอาน โดยระบุว่านี่คือการเคารพเสรีภาพในการแสดงออกตามหลักการประชาธิปไตย   กิจกรรมการเผาคัมภีร์อัลกุรอานของนักการเมืองฝ่ายขวาในสวีเดนคราวนี้ มีจุดประสงค์เพื่อประท้วงต่อประธานาธิบดีเออร์โดอัน ผู้นำตุรกีที่พยายามกดดันสวีเดนให้กวาดล้างกลุ่มเคลื่อนไหวชาวเคิร์ดพลัดถิ่นในสวีเดนเพื่อแลกเปลี่ยนกับการที่ตุรกีจะไม่ขัดขวางสวีเดนในการขอเข้าเป็นสมาชิกนาโต ทำไมตุรกีต้องการให้สวีเดนกวาดล้างชาวเคิร์ดพลัดถิ่น   เคิร์ดคือกลุ่มชาติพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีประชากรอยู่ 40 ล้านคน ในจำนวนนี้อาศัยอยู่ในตุรกีมากที่สุดถึง 20 ล้านคน หรือคิดเป็น…

ออสเตรเลียจ่อทุ่ม 1 พันล้าน ซื้อทุ่นระเบิดทะเลไฮเทค คาดสกัดอิทธิพลต่างชาติ

Loading

    โฆษกกระทรวงกลาโหมออสเตรเลีย เปิดเผยในวันนี้ (23 ม.ค.) ว่า ออสเตรเลียจะเร่งแผนซื้อทุ่นระเบิดทางทะเลประสิทธิภาพสูงเพื่อปกป้องเส้นทางเดินเรือและปกป้องท่าเรือจากผู้รุกราน ขณะที่สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า แผนการดังกล่าวมีขึ้นท่ามกลางแผนการขยายอิทธิพลของจีนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก   โฆษกกระทรวงกลาโหมออสเตรเลีย เปิดเผยว่า ทุ่นระเบิดดังกล่าวคือทุ่นระเบิดอัจฉริยะซึ่งออกแบบมา เพื่อแยกความแตกต่างระหว่างเป้าหมายทางทหารและเรือประเภทต่าง ๆ   กระทรวงกลาโหมออสเตรเลีย ระบุว่า “ออสเตรเลียกำลังเร่งจัดหาทุ่นระเบิดทางทะเลอัจฉริยะ ซึ่งจะช่วยรักษาความปลอดภัยในเส้นทางคมนาคมทางทะเลและเส้นทางการเดินเรือของออสเตรเลีย” โดยความสามารถสำคัญของทุ่นระเบิดสมัยใหม่นี้อยู่ที่การขัดขวางผู้บุกรุก   สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า แม้กระทรวงกลาโหมจะไม่ได้ชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติม แต่หนังสือพิมพ์ซิดนีย์ มอร์นิง เฮอร์รัลด์รายงานในวันนี้ว่า ออสเตรเลียอาจใช้งบประมาณสูงถึง 1 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (698 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในการจัดซื้ออาวุธใต้ทะเลไฮเทคดังกล่าว และยังรายงานอ้างแหล่งข่าวอีกว่า รัฐบาลกลางจะประกาศการทำสัญญาซื้อทุ่นระเบิดจำนวนมากจากผู้ค้าอาวุธยุทโธปกรณ์รายหนี่งในยุโรปในเร็ว ๆ นี้   ทั้งนี้ ออสเตรเลียได้เพิ่มการลงทุนทางทหารในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รวมทั้งการบรรลุข้อตกลงเมื่อปี 2564 ในการซื้อเรือดำน้ำนิวเคลียร์จากสหรัฐและอังกฤษ         ——————————————————————————————————————————————————————– ที่มา :         …