มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 ราย หนึ่งในนั้นเป็นเด็ก จากเหตุคนร้ายขับรถพุ่งชนประชาชน ที่ป้ายรถประจำทาง ในเมืองเยรูซาเลม ประเทศอิสราเอล
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองเยรูซาเลม ประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 11 ก.พ. ว่า กระทรวงมหาดไทยของอิสราเอลรายงาน การเกิดเหตุคนร้ายขับรถยนต์พุ่งชนประชาชน ซึ่งกำลังรอรถโดยสารประจำทาง อยู่ที่ป้ายแห่งหนึ่ง ในเขตชานเมืองเยรูซาเลม เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 ราย เป็นชายวัย 20 ปี และเด็กชายวัย 6 ขวบ อีกทั้งมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกอย่างน้อย 5 คน หนึ่งในนั้นเป็นเด็กชายวัย 8 ขวบ ซึ่งเป็นพี่ชายของเด็กชายผู้เสียชีวิต
ด้านเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงวิสามัญคนร้ายได้อย่างทันท่วงทีในที่เกิดเหตุ เบื้องต้นเปิดเผยข้อมูลเพียงว่า เป็นชายวัย 31 ปี อาศัยอยู่ในเขตตะวันออกของเมืองเยรูซาเลม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังสอบสวน เพื่อขยายผล
Breaking news from Israel’s capital where a terrorist just rammed a car into a busy bus stop killing 2, including a six year old child, and injuring more.
Absolutely heartbreaking pic.twitter.com/4jNZXLJmMX
— Brooke Goldstein (@GoldsteinBrooke) February 10, 2023
ขณะที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล ประณามเหตุการณ์ดังกล่าว “เป็นการก่อการร้าย” และกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง “เร่งดำเนินการ” เนื่องจากเป็นการก่อเหตุสะเทือนขวัญ เกิดขึ้นประมาณ 3 สัปดาห์ หลังเหตุกราดยิงบริเวณสุเหร่าแห่งหนึ่ง ในเขตชานเมืองเยรูซาเลม เมื่อปลายเดือนที่แล้ว ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 ราย และได้รับบาดเจ็บอีกอย่างน้อย 3 คน และเจ้าหน้าที่วิสามัญคนร้าย เป็นชายชาวปาเลสไตน์ วัย 21 ปี
อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ที่ผ่านมา ปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่อิสราเอล ส่งผลให้มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิต “มากกว่า 40 ราย” รวมทั้งพลเรือนและสมาชิกกลุ่มติดอาวุธ นอกจากนี้ บรรยากาศในพื้นที่พิพาทตึงเครียดขึ้นอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่กองกำลังป้องกันอิสราเอล (ไอดีเอฟ) ปฏิบัติการครั้งใหม่ ที่ค่ายผู้ลี้ภัยของชาวปาเลสไตน์ ที่เมืองเจนิน ในเขตเวสต์แบงก์ ตั้งแต่เดือน ม.ค. ที่ผ่านมา และมีการวิสามัญ “ผู้ต้องสงสัยเป็นสมาชิกกลุ่มหัวรุนแรง” หลายสิบราย
เครดิตภาพ REUTERS
——————————————————————————————————————————————————————–
ที่มา : เดลินิวส์ออนไลน์ / วันที่เผยเเพร่ 11 ก.พ. 2566
Link : https://www.dailynews.co.th/news/1984634/