สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 2 มี.ค. ว่า เนื้อหาบางส่วนจากรายงานที่จัดทำร่วมกันโดยประชาคมหน่วยข่าวกรองของสหรัฐ 7 จาก 18 แห่ง ใช้เวลาสืบสวนสอบสวนนานกว่า 2 ปี ใน 90 ประเทศ รวมถึงสหรัฐ เกี่ยวกับภาวะ “ฮาวานา ซินโดรม” ซึ่งส่งผลกระทบต่อเจ้าหน้าที่การทูต เจ้าหน้าที่ข่าวกรอง และพลเมืองสหรัฐทั่วไป รวมมากกว่า 1,500 คน “พบความเป็นไปได้ในระดับต่ำมาก” ที่ “ปรปักษ์ต่างชาติ” มีความเกี่ยวข้องกับอาการป่วยดังกล่าว
ขณะเดียวกัน คณะผู้จัดทำรายงาน “ยังไม่พบหลักฐานที่มีน้ำหนัก” ว่าประเทศซึ่งรัฐบาลวอชิงตัน “ถือเป็นฝ่ายตรงข้าม” ครอบครอง “อุปกรณ์หรือชุดเครื่องมือ” อาทิ “ตัวปล่อยสัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้า” ซึ่งอาจเป็นต้นเหตุให้เกิดอาการฮาวานา ซินโดรม
รายงานฉบับดังกล่าวค่อนข้างสอดคล้องกับรายงาน ซึ่งสำนักข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ) เผยแพร่เมื่อเดือน ม.ค. ปีที่แล้ว ว่าอาการส่วนใหญ่ของผู้ป่วยฮาวานา ซินโดรม ส่วนใหญ่ “สามารถอธิบายได้ด้วยเหตุผลทางการแพทย์” และ “ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม” หรือ “ปัจจัยทางเทคนิค” ที่อาจรวมถึงความผิดปกติ ซึ่งบุคคลนั้นไม่ทราบมาก่อนว่า เกิดขึ้นกับร่างกาย
The U.S. State Department said the findings from an investigation concluded that it is ‘very unlikely’ a foreign adversary is responsible for ‘Havana syndrome’ and ‘in no way call into question’ the symptoms reported by U.S. diplomats and officers https://t.co/tXFsKUjPjq pic.twitter.com/e6Xyr5MD1i
— Reuters (@Reuters) March 2, 2023
ทั้งนี้ ฮาวานา ซินโดรม เป็นกลุ่มอาการป่วยคลื่นไส้ วิงเวียน อาเจียน และปวดศีรษะอย่างรุงแรงอาจถึงขั้นสูญเสียความทรงจำบางส่วน โดยรัฐบาลวอชิงตันเรียกกลุ่มอาการเหล่านั้นโดยพาดพิงชื่อเมืองหลวงของคิวบา เนื่องจากนักการทูตสหรัฐประจำกรุงฮาวานา เป็นบุคคลกลุ่มแรกที่ล้มป่วยลักษณะนี้ ระหว่างปี 2559-2560 ผู้ป่วยหลายคนบอกด้วยว่า “ได้ยินเสียงดังสนั่น” ทำให้เกิดความรู้สึกเหมือนศีรษะได้รับแรงกระแทกอย่างรุนแรง แต่แหล่งกำเนิดเสียงยังไม่ทราบแน่ชัด
หลังเกิดเหตุที่คิวบาได้ระยะหนึ่ง รัฐบาลวอชิงตันอพยพเจ้าหน้าที่การทูตบางส่วนกลับประเทศ และรายงานบางกระแสอ้างด้วยว่า ซีไอเอถึงขั้นต้องปิดสถานีในกรุงฮาวานาอย่างไม่มีกำหนด ในเวลานั้น สหรัฐยังคงยืนกรานว่า เป็นการเจตนาโจมตีโดยใช้คลื่นวิทยุความถี่สูง โดยคิวบา และรัสเซีย อาจมีความเกี่ยวข้อง
——————————————————————————————————————————————
ที่มา : สำนักข่าวเดลินิวส์ / วันที่เผยแพร่ 2 มี.ค. 2566
Link :https://www.thaipost.net/abroad-news/334174/