ป่วนหนัก 3 จุด “นราฯ-ยะลา-ปัตตานี”
ชายแดนใต้ป่วนหนักช่วง 10 วันสุดท้ายรอมฎอน เอ็ม 79 โจมตีฐาน นปพ.ที่รือเสาะ นราธิวาส วางระเบิดใกล้ศาลเจ้าในเมืองยะลา ยิงใส่ฐาน นปพ.สถานีรถไฟวัดช้างให้ ปัตตานี
เวลาประมาณ 20.20 น. วันศุกร์ที่ 14 เม.ย.66 เกิดเหตุระเบิดและยิงปะทะกันระหว่างผู้ก่อความไม่สงบกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ในพื้นที่ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส
โดยคนร้ายใช้เครื่องยิงลูกระเบิดแบบ เอ็ม 79 โจมตีใส่ฐานปฏิบัติการ หมวดเฉพาะกิจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ นราธิวาส 21 (มว.ฉก.นปพ.น.ธ.21) ในพื้นที่บ้านบาเละ หมู่ 10 ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส
นอกจากนี้ ยังเกิดเหตุรุนแรงในเขตพื้นที่ อ.เมือง จ.ยะลา เวลาประมาณ 20.08 น. เป็นเหตุระเบิดใกล้ศาลเจ้าเห้งเจีย โดยเสียงระเบิดดังสนั่น เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างปิดกั้นจุดเกิดเหตุ ใช้ความระมัดระวังในการเข้าตรวจสอบ เบื้องต้นสองจุดยังไม่มีรายงานความสูญเสีย
ส่วนที่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี คนร้ายจำนวน 2 คน มีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนไม่ทราบขนาดยิงใส่ฐานหน่วยปฏิบัติการพิเศษ (นปพ.) สถานีรถไฟวัดช้างให้ หรือ นปพ.ฉลามทอง ตั้งอยู่ หมู่ 2 ต.ทุ่งพลา อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี โดยยิงใส่จำนวน 6-7 นัด หลังก่อเหตุคนร้ายได้หลบหนีไปทางบ้านป่าไร่ หมู่ 3 ต.ควนโนรี อ.โคกโพธิ์ เบื้องต้นยังไม่มีรายงานกำลังพลได้รับบาดเจ็บ
เหตุรุนแรงที่เกิดขึ้น อยู่ในช่วง 10 วันสุดท้ายของเดือนรอมฎอน ซึ่งปีนี้ตรงกับช่วงเทศกาลสงกรานต์ และเป็นวันหยุดยาวพอดี โดยช่วง 10 วันสุดท้ายเดือนรอมฎอนของทุกปี เป็นช่วงที่ฝ่ายความมั่นคงจับตาเป็นพิเศษ เพราะมักมีเหตุรุนแรงขนาดใหญ่เกิดขึ้น เนื่องจากผู้ก่อความไม่สงบบางส่วนเชื่อว่า ก่อเหตุรุนแรงในช่วงนี้จะได้บุญ
สำหรับเหตุรุนแรงช่วงเดือนรอมฎอนปีนี้ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ความมั่นคง นับตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา เกิดขึ้นมาแล้วอย่างน้อย 9 เหตุการณ์ ไม่นับเหตุการณ์ในวันนี้
ส่วนเดือนรอมฎอน หรือเดือนแห่งการถือศีลอด จะสิ้นสุดลงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า โดยสำนักจุฬาราชมนตรีแจ้งว่า วันที่ 20 เม.ย. เป็นวันดูดวงจันทร์ เพื่อกำหนดวันแรกของเดือนเซาวาล หรือวันสิ้นสุดเดือนรอมฎอน หากมีผู้เห็นดวงจันทร์ วันรุ่งขึ้นเป็นวันฮารีรายอ หรือวันเฉลิมฉลองหลังสิ้นสุดเดือนรอมฎอนของพี่น้องมุสลิม
แฉคนร้ายนับสิบแบ่ง 2 ทีมระดมยิง-ปาไปป์บอมบ์ถล่มฐาน นปพ.สุไหงปาดี
เปิดแผนประทุษกรรมโจมตีฐาน นปพ.สุไหงปาดี คนร้ายกว่า 10 คน แบ่งกำลัง 2 ชุด ระดมยิงสลับขว้างไปป์บอมบ์ถล่ม ยิงปะทะกันนานครึ่งชั่วโมง ก่อนหลบหนีคนร้ายยังวางระเบิดถังแก๊สหนัก 30 กิโลฯ ซุกป่ารกตรงข้ามฐานหวังสังหารกำลังสนับสนุนและชุดไล่ล่า ระเบิดทำงานสมบูรณ์ แต่โชคดีไม่โดนใคร
เมื่อเวลา 10.00 น. วันศุกร์ที่ 14 เม.ย.66 พล.ต.ต.อนุรุธ อิ่มอาบ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส (ผบก.ภ.จว.นราธิวาส) พล.ต.เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส (ผบ.ฉก.นราธิวาส) พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เดินทางไปยังฐานปฏิบัติการหมวดเฉพาะกิจ หน่วยปฏิบัติการพิเศษนราธิวาสที่ 32 (มว.ฉก.นปพ.น.ธ.32) ซึ่งตั้งอยู่ หมู่ 1 ต.ปะลุรู อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส เพื่อตรวจจุดเกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามและระเบิดไปป์บอมบ์ ยิงและขว้างถล่มใส่ฐาน เหตุเกิดเมื่อเวลา 20.55 น.ของคืนวันพฤหัสบดีที่ 13 เม.ย.66 ที่ผ่านมา
เหตุการณ์ดังกล่าว มีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ประกอบด้วย
1.ส.ต.ต.พีรวิชญ์ ดวงแก้ว อายุ 26 ปี ถูกกระสุนปืนที่บริเวณต้นขาขวาทะลุ 1 นัด
2.ส.ต.ต.ชวัลวิทย์ อินต๊ะวิชา อายุ 23 ปี ถูกกระสุนปืนที่บริเวณก้นด้านขวา 1 นัด
3.ส.ต.ต.กิติพงษ์ พรหมเจียม อายุ 26 ปี ถูกสะเก็ดระเบิดที่ขอบตาด้านขวา และมีอาการแน่นหน้าอก
เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 3 นาย เป็น ผบ.หมู่.นปพ.สุไหงปาดี ถูกส่งตัวรักษาที่โรงพยาบาลสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส
สำหรับผลการตรวจจุดเกิดเหตุอย่างละเอียด พบระเบิดแสวงเครื่องชนิดขว้างแบบ “ไปป์บอมบ์” ที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในท่อแป๊บเหล็กทรงกลม ตกอยู่บริเวณถนนด้านซ้ายมือของฐาน จำนวน 3 ลูก แต่ระเบิดไม่ทำงาน 2 ลูก และพบระเบิดไปป์บอมบ์ที่คนร้ายขว้างใส่เข้าไปในฐาน จำนวน 5 ลูก ไม่ทำงาน 2 ลูก
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังตรวจสอบพบระเบิดไปป์บอมบ์ที่บริเวณป่ารกทึบตรงข้ามกับประตูทางเข้าอีก จำนวน 1 ลูก แต่ไม่ทำงานเช่นกัน จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งผู้ไม่เกี่ยวข้องออกห่าง ก่อนที่เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด หรือ อีโอดี ได้ใช้เครื่องแรงดันน้ำพลังสูงยิงทำลายไปป์บอมบ์ที่ด้านหรือไม่ทำงานทีละลูก จำนวนทั้งหมด 5 ลูก ใช้เวลานานกว่า 30 นาทีจึงแล้วเสร็จ
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบหลุมระเบิดขนาดใหญ่ บริเวณส้วมร้างของชาวบ้านที่ปลูกสร้างด้วยสังกะสี ภายในป่ารกทึบตรงกันข้ามกับประตูทางเข้าฐาน ซึ่งมีเศษซากชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในถังดับเพลิง น้ำหนัก 30 กิโลกรัม กระจายเกลื่อน แต่ไม่พบตัวจุดชนวน เนื่องจากระเบิดลูกดังกล่าวทำงานสมบูรณ์ ชิ้นส่วนต่าง ๆ ได้กระเด็นเข้าไปอยู่ในป่ารกทึบ ด้านหลังเป็นป่ายางพาราของชาวบ้าน
หลังเจ้าหน้าที่เคลียร์พื้นที่แล้วเสร็จ ได้เก็บรวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ พบลูกปราย, ซากชิ้นส่วนท่อแป๊บเหล็กทรงกลม, ปลอกกระสุนปืนของคนร้ายที่ตกอยู่ 2 จุดใหญ่ คือ ป่ารกทึบตรงข้ามกับฐาน และบ้านร้างของชาวบ้านที่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับอาคารน็อคดาวน์ห้องที่ 1 ด้านซ้ายมือของฐาน
เหตุการณ์ดังกล่าวยังส่งผลให้รถยนต์ของชาวบ้านที่จอดอยู่ในบ้านและข้างป่ารกทึบ จำนวน 2 คัน ถูกกระสุนปืนได้รับความเสียหาย
จากการสอบสวนทราบว่า ขณะที่ ส.ต.ต.พีรวิชญ์ ดวงแก้ว ขี่รถจักรยานยนต์กลับเข้าฐาน โดยมี ส.ต.ต.ชวัลวิทย์ นั่งซ้อนท้าย ได้มีกลุ่มคนร้ายจำนวนกว่า 10 คน แบ่งออกเป็น 2 ชุด ชุดที่ 1 วางกำลังอยู่บริเวณป่ารกทึบตรงข้ามกับประตูทางเข้าฐาน ใช้อาวุธปืนสงครามเอ็ม 16 ยิงใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 2 นาย จนรถจักรยานยนต์ล้มคว่ำหน้าประตูทางเข้าฐานได้รับบาดเจ็บ ตำรวจทั้ง 2 นายจึงได้หมอบคลานหาที่กำบังเพื่อหลบวิถีกระสุนของคนร้ายที่ระดมยิงซ้ำ
จากนั้นคนร้ายชุดที่ 2 ซึ่งซุ่มอยู่ที่ในบ้านร้างของชาวบ้าน ตรงกันข้ามกับอาคารน็อคดาวน์ภายในฐาน ได้ใช้อาวุธปืนยิงใส่ฐาน สลับกับการขว้างระเบิดไปป์บอมบ์ จนทั้ง 2 ฝ่ายเปิดฉากยิงปะทะกันเป็นระลอกนานกว่า 30 นาที ส่งผลทำให้ ส.ต.ต.กิติพงษ์ พรหมเจียม ถูกสะเก็ดระเบิดของคนร้ายที่ขอบตาด้านขวา ได้รับบาดเจ็บ
ต่อมากลุ่มคนร้ายทราบว่าเจ้าหน้าที่ได้ขอกำลังเข้าสนับสนุน จึงได้อาศัยความมืดและความชำนาญพื้นที่หลบหนีไป โดยมุ่งหน้าไปทางสวนยางพาราของชาวบ้านที่อยู่ฝั่งตรงข้ามฐาน เมื่อเสียงปืนสงบลงเจ้าหน้าที่ นปพ.ที่อยู่ภายในฐานได้ช่วยกันนำตัวผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายส่งรักษาที่โรงพยาบาลสุไหงปาดี เมื่อแพทย์ทำการปฐมพยาบาลในเบื้องต้น ได้ส่งตัวรักษาต่อที่โรงพยาบาลสุไหงโก-ลก
หลังเกิดเหตุการณ์พักใหญ่ พ.ต.อ.อัสรี ต่วนเพ็ง ผู้กำกับการ สภ.สุไหงปาดี และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่ง ได้นั่งรถยนต์หุ้มเกราะรีว่าเข้าไปยังจุดเกิดเหตุ ขณะที่รถหุ้มเกราะจอดใกล้กับฐาน ได้เกิดระเบิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวอีก 1 ลูก โชคดีไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ
ตรวจสอบทราบว่า ระเบิดลูกดังกล่าวประกอบใส่ไว้ในถังดับเพลิง จุดชนวนด้วยการตั้งเวลา คนร้ายได้ฝังไว้บริเวณป่ารกทึบซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับประตูทางเข้าฐาน โดยคนร้ายมีเป้าหมายดักสังหารเจ้าหน้าที่ หากเจ้าหน้าที่นำกำลังติดตามไล่ล่า แต่ด้วยความไม่ประมาทและทัศนวิสัยไม่เอื้ออำนวย เจ้าหน้าที่จึงไม่ได้ไล่ล่าหรือติดตามคนร้าย จึงรอดจากอันตรายมาได้อย่างหวุดหวิด
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่ได้มีการกระจายกำลังนัดแนะในการก่อเหตุร้ายในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในช่วง 10 วันสุดท้ายของเดือนรอมฎอน เพื่อแสดงศักยภาพของกลุ่มตน
“บึ้ม-ยิง-ปะทะ” ขยายวง 6 จุดชายแดนใต้
สรุปเหตุรุนแรงในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ช่วงค่ำของวันศุกร์ที่ 14 เม.ย.66 มีทั้งสิ้น 6 เหตุการณ์ เกือบทั้งหมดเป็นการโจมตีฐานปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง
1.พื้นที่ อ.เมือง จ.ยะลา เกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดสะพานรถไฟ ต.สะเตงนอก
2.พื้นที่ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เหตุยิงเอ็ม 79 และยิงปะทะที่ฐาน นปพ.นราธิวาส 21
3.พื้นที่ ต.นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี คนร้าย 2 คนใช้จักรยานยนต์เป็นพาหนะ ควงอาวุธสงครามยิงใส่ฐาน นปพ.สถานีรถไฟวัดช้างให้ (ชุดฉลามทอง) หมู่ 2 ต.ทุ่งพลา
4.พื้นที่อ.โคกโพธ์ จ.ปัตตานี เช่นกัน คนร้ายลอบยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจบริเวณสถานีรถไฟโคกโพธิ์
5.พื้นที่ อ.รามัน จ.ยะลา คนร้ายปาไปป์บอมบ์ ใส่ฐานทหารพราน 4107 (ชุดเสือโคร่ง) ต.ยะต๊ะ
6.พื้นที่ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เหตุปะทะที่ นปพ.31 สถานีรถไฟเจาะไอร้อง
ทั้ง 6 เหตุการณ์ยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
————————————————————————————————————————-
ที่มา : สำนักข่าวอิศรา / วันที่เผยแพร่ 14 เมษายน 2566
Link : https://www.isranews.org/article/south-news/other-news/117832-bombfightsouth.html
https://www.isranews.org/article/south-news/scoop/117833-padeeattack.html
https://www.isranews.org/article/south-news/other-news/117834-officeshot.html