อดีตเจ้าหน้าที่หน่วยงานป้องกันกลางเปิดเผยเรื่องราวการหลบหนีออกจากประเทศหลังทนไม่ไหวกับสงครามยูเครน พร้อมเรื่องเล่าเกี่ยวกับปูติน
นับตั้งแต่รัสเซียรุกรานยูเครนเมื่อเดือน ก.พ. 2022 มีชาวรัสเซียหลายคนที่ตัดสินใจหลบหนีออกจากประเทศตัวเอง อาจจะด้วยเหตุผลเพื่อหลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหาร เพื่อหนีจากผลกระทบทางเศรษฐกิจ หรืออาจจะลี้ภัยเพื่อความปลอดภัย โดยจากการประเมินเชื่อว่ามีชาวรัสเซียมากถึง 900,000 คนที่หนีออกจากประเทศตัวเอง
ที่น่าสนใจคือ ในจำนวนชาวรัสเซียที่หลบหนีออกมา มีส่วนเล็ก ๆ ที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐด้วย หนึ่งในนั้นคือ “เกล็บ คาราคูลอฟ” วิศวกรผู้ตัดสินใจหอบภรรยาและลูกหลบหนีไปยังตุรกี
แต่คาราคูลอฟไม่ใช่ผู้แปรพักตร์ธรรมดา เพราะเขายังมีสถานะเป็นถึง “เจ้าหน้าที่หน่วยงานป้องกันกลาง (FSO)” ของประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน ซึ่งเป็นหนึ่งในหน่วยงานย่อยของหน่วยความมั่นคงกลางรัสเซีย โดยเป็นผู้รับผิดชอบด้านการสื่อสาร ซึ่งรู้รายละเอียดในชีวิตของปูตินและข้อมูลที่อาจเป็นความลับ
คาราคูลอฟหนีไปยังตุรกีเมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2022 พร้อมกับภรรยาและลูกสาว เขาปิดโทรศัพท์เพื่อปิดกั้นข้อความที่ส่งมาหาเขาด้วยความเกรี้ยวกราด
คาราคูลอฟเล่าว่า เขาตัดสินใจออกมา เพราะเขาต่อต้านการรุกรานยูเครน รวมกับความกลัวที่จะตาย ทำให้เขาต้องออกมา และเลือกที่จะออกมาพูดแม้ว่าจะมีความเสี่ยงต่อตัวเขาเองและครอบครัวก็ตาม
เขาบอกว่า เขาหวังว่าตัวเองจะเป็นแรงบันดาลใจให้ชาวรัสเซียคนอื่น ๆ ออกมาพูดเช่นกัน “ประธานาธิบดีของเรากลายเป็นอาชญากรสงครามไปอแล้ว … ถึงเวลาแล้วที่จะยุติสงครามนี้และหยุดเงียบกันเสียที”
คาราคูลอฟระบุว่า ประธานาธิบดีรัสเซียเป็นผู้นำที่มีเสน่ห์ แต่โดดเดี่ยวมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาไม่ใช้โทรศัพท์มือถือหรืออินเทอร์เน็ต และต้องการที่จะเข้าถึงโทรทัศน์ของรัฐรัสเซียในทุกที่ที่เขาไป
อดีตเจ้าหน้าที่หน่วยรักษาความปลอดภัยส่วนตัวยังบอกว่า นับตั้งแต่รัสเซียรุกรานยูเครน ปูตินมีความหวาดระแวงเพิ่มขึ้น โดยในระยะหลังเขาเลือกที่จะหลีกเลี่ยงการโดยสารเครื่องบินและเดินทางด้วยรถไฟหุ้มเกราะพิเศษ และยังสั่งติดตั้งบังเกอร์ที่สถานทูตรัสเซียในคาซัคสถานในเดือน ต.ค. ด้วย
คาราคูลอฟบอกว่า เขาเคยเดินทางไปกับประธานาธิบดีรัสเซียมากกว่า 180 ครั้ง โดยปูตินดูเหมือนจะอยู่ในสภาพที่ดีกว่าคนส่วนใหญ่ในวัยเดียวกัน ปูตินเคยยกเลิกหมายกำหนดการเดินทางเพียงไม่กี่ครั้งจากอาการป่วย
“ตลอดการรับใช้เขา ผมไม่เคยเห็นเขาถือโทรศัพท์มือถือเลย ข้อมูลทั้งหมดที่เขาได้รับมาจากคนใกล้ชิดเท่านั้น นั่นหมายความว่าเขาอาศัยอยู่ในภาวะสุญญากาศของข้อมูล” เขากล่าว
รถไฟของปูตินจะดูเหมือนรถไฟขบวนอื่น ๆ มีการทาสีเทาแถบแดงเพื่อให้กลมกลืนกับตู้รถไฟอื่น ๆ ในรัสเซีย ปูตินไม่ชอบเครื่องบินเพราะมันสามารถถูกติดตามได้ จึงชอบรถไฟที่ดูธรรมดา ๆ มากกว่า คาราคูลอฟกล่าวว่า “ผมเข้าใจว่าเขาแค่กลัว”
คาราคูลอฟบอกอีกว่า นอกจากนี้ ปูตินยังตั้งสำนักงานที่เหมือนกันเป๊ะ ๆ หลายแห่ง โดยจะมีรายละเอียดที่ตรงกันทั้งหมดตั้งแต่โต๊ะและสิ่งที่นำมาแขวนผนัง บางครั้งเมื่อรายงานของทางการบอกว่าเขาอยู่ที่หนึ่ง แต่จริง ๆ แล้วเขาอยู่อีกที่หนึ่งต่างหาก
“ผมคิดว่านี่เป็นความพยายามสร้างความสับสน อย่างแรก เรื่องสายลับ และอย่างที่สอง เพื่อไม่ให้มีการพยายามลอบสังหาร” เขาบอก
ในฐานะวิศวกรในหน่วยภาคสนามของแผนกสื่อสารของ FSO คาราคูลอฟมีหน้าที่รับผิดชอบในการตั้งค่าการสื่อสารที่ปลอดภัยสำหรับประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีรัสเซียในทุกที่ที่พวกเขาไป แม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนสนิทของปูติน แต่คาราคูลอฟก็ทำหน้าที่นี้มานานตั้งแต่ปี 2009
The Dossier Center ซึ่งเป็นกลุ่มสืบสวนในลอนดอนที่ได้รับทุนสนับสนุนจากมิคาอิล โคดอร์คอฟสกี ผู้นำฝ่ายค้านของรัสเซีย ได้ตรวจสอบความถูกต้องของหนังสือเดินทางของและบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ FSO รวมถึงรายละเอียดของชีวประวัติของเขากับข้อมูลจากรัฐบาลรัสเซีย และยืนยันว่า ตัวตนของคาราคูลอฟเป็นจริงตามที่เขากล่าวอ้างมา
นอกจากนี้ ยังพบว่า ขณะนี้ คาราคูลอฟตกเป็นผู้ที่ต้องการตัว (Wanted) ในฐานข้อมูลสาธารณะของผู้ต้องสงสัยอาชญากรของกระทรวงมหาดไทยรัสเซีย กระทรวงมหาดไทยได้เริ่มการสอบสวนทางอาญาต่อคาราคูลอฟเมื่อวันที่ 26 ต.ค. ในข้อหาละทิ้งหน้าที่ในช่วงเวลาของการระดมกำลังทางทหาร
คาราคูลอฟบอกว่า การตัดสินใจที่จะแปรพักตร์ของเขานั้น แม้แต่พ่อแม่ของเขาก็ไม่รู้เรื่อง เพราะพวกเขาเป็นหนึ่งในชาวรัสเซียที่สนับสนุนปูติน เขาได้รับการเลี้ยงดูมาให้พร้อมสำหรับการไปสู่ในสงคราม โดยถูกปลูกฝังความเชื่อว่า “การปกป้องบ้านเกิดเป็นหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์”
หลังจากจบการศึกษาจากโรงเรียนเตรียมทหาร เขาก็ได้เข้าสู่ FSO ซึ่งทำให้เขาได้เห็นอะไรบางอย่าง “ต้องขอบคุณการทำงานใน FSO ของผม ผมได้เห็นว่าข้อมูลต่าง ๆ ถูกบิดเบือนอย่างไร”
นอกจากนี้ เขายังเริ่มตั้งคำถามถึงการใช้จ่ายเงินของผู้นำระดับสูงของรัสเซีย เขาเคยเห็นเจ้าหน้าที่ประชุมคณะผู้แทนจำนวนมากที่รีสอร์ทหรูหราซึ่งมีค่าใช้จ่ายในแต่ละคืนมากกว่าเงินเดือนของเขา พวกเขาทั้งหมดจะเข้าร่วมการประชุมสั้น ๆ แล้วออกไปเที่ยวกันเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์
“หากเงินที่ใช้มาจากงบประมาณ คำถามก็คือ ‘การใช้จ่ายเงินแบบนี้กับคน ๆ เดียวไม่มากเกินไปหรือ?’ และหากไม่ได้มาจากงบประมาณ ก็เท่ากับว่ามันเป็นเงินจากการทุจริตทั้งหมด” คาราคูลอฟกล่าว
เขาบอกว่า การรุกรานยูเครนของรัสเซียเป็นจุดแตกหัก เขาบอกภรรยาว่าเขาต้องการออกไปจากประเทศนี้ เขาไม่ต้องการให้ลูกสาวคนเล็กของพวกเขาถูกล้างสมองในโรงเรียนเตรียมอนุบาล ซึ่งเด็ก ๆ ต้องรักชาติและถูกบอกเล่าเกี่ยวกับระเบิด “นี่ไม่ใช่อนาคตที่ผมต้องการสำหรับลูก”
อีกหนึ่งแรงผลักดันสำคัญคือนโยบายบังคับเกณฑ์ทหารเมื่อเดือน ก.ย. 2022 ซึ่งคาราคูลอฟบอกว่า ตัวเขามีโอกาสที่จะโดนเกณฑ์ไปรบในสงครามที่เขาไม่ต้องการ นอกจากนี้ เพื่อนร่วมงานของเขาบางคนถูกส่งไปยูเครนและถูกสังหาร เขาเห็นรูปถ่ายของสมาชิก FSO ที่ถูกสังหารโดยจรวดของยูเครน และมีผู้เสียชีวิตหลายสิบคน แต่กลับไม่มีใครในรัสเซียยอมรับการตายเหล่านั้น ทำให้เขาโกรธมาก
คาราคูลอฟกล่าวว่าเขาไม่สามารถบอกพ่อแม่ของเขาเกี่ยวกับความท้อแท้ของเขาได้เช่นกัน เพราะจิตใจของพวกเขาถูกหล่อหลอมจากการดูโทรทัศน์ของรัฐรัสเซียมาเป็นเวลาหลายปี
เมื่อข่าวภาคค่ำรายงานเกี่ยวกับสงครามขึ้น พ่อแม่ของเขาดูเหมือนจะชอบใจ เขารู้สึกทนไม่ได้และขอให้แม่ของเขาปิดทีวี แต่เธอปฏิเสธ
คาราคูลอฟพยายามอธิบายให้เธอฟังว่ายูเครนเป็นประเทศเอกราช แต่เธอก็ตัดบทเขาทันที “นี่คืออะไร? แกต้องการที่จะหนีเหรอ? แกเป็นสายลับต่างประเทศใช่ไหม?”
ในเดือน ต.ค. 2022 ปูตินมีการประชุมอย่างเป็นทางการหลายงานในอัสตานา เมืองหลวงของคาซัคสถาน ทำให้คาราคูลอฟมีโอกาสหลบหนี เขาและภรรยาเก็บกระเป๋าเดินทาง 3 ใบ เขาล่วงหน้าไปคาซัคสถานกับหน่วย FSO ก่อนในวันที่ 6 ต.ค. ส่วนภรรยาและลูกสาวเดินทางตามหน้าใน 2 วันให้หลัง โดยพักอยู่คนละโรงแรม
ในวันสุดท้ายของการประชุม 14 ต.ค. ภรรยาของเขาเก็บกระเป๋าเดินทางของเขาจากห้องพักในโรงแรมเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกสงสัย เขาแอบหนีไปหลังอาหารกลางวันโดยบอกเพื่อนร่วมงานว่าเขากำลังออกไปซื้อของที่ระลึก แล้วขึ้นรถแท็กซี่กับภรรยาและลูกสาวไปสนามบินเวลาประมาณ 15.00 น.
เขาผ่านจุดเช็กอินและเริ่มได้รับข้อความจากเพื่อนร่วมงานถามว่าเขาอยู่ที่ไหน เที่ยวบินล่าช้า 1 ชั่วโมง เมื่อถึงเวลา 17.00 น. เขาคิดว่าทุกคนเริ่มตามหาเขาแล้ว กระทั่ง 15 นาทีก่อนเครื่องออก เขาตัดสินใจปิดโทรศัพท์
ในที่สุดเมื่อพวกเขาผ่านการจุดตรวจหนังสือเดินทางในตุรกีได้ คาราคูลอฟกล่าวว่ามันเหมือนกับยกภูเขาออกจากอก
เขาบอกว่า เขารู้ว่าหลายคนจะกล่าวหาว่าเขาไม่รักชาติ แต่เขาไม่เห็นด้วย “ความรักชาติคือการที่คุณรักประเทศของคุณ ในกรณีนี้ บ้านเกิดของเราจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือ เพราะมีบางสิ่งที่บ้าคลั่งและเลวร้ายกำลังเกิดขึ้นในประเทศของเรา เราต้องแก้ไขปัญหานี้”
เรียบเรียงจาก AP News
ภาพจาก AP News
——————————————————————————————————————————————————————————
ที่มา : PPTV Online / วันที่เผยแพร่ 5 เม.ย.66
Link : https://www.pptvhd36.com/news/ต่างประเทศ/193918