กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ หรือเพนตากอน อยู่ระหว่างการตรวจสอบกรณีที่ข้อมูลลับด้านการทหารของสหรัฐฯ และองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) เกี่ยวกับสงครามในยูเครน ถูกนำไปเผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์
CNN ได้ตรวจสอบภาพสกรีนช็อตบางส่วนที่เผยแพร่บน Twitter และ Telegram แต่ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นภาพจริงหรือผ่านการตัดต่อมา ขณะที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุว่า เอกสารดังกล่าวเป็นภาพจริง โดยเป็นส่วนหนึ่งของข้อมูลข่าวกรองเกี่ยวกับสงครามที่เพนตากอนจัดทำขึ้น แต่ดูเหมือนว่าเอกสารดังกล่าวถูกแก้ไขในบางจุด
ซาบรินา ซิงห์ รองเลขานุการฝ่ายสื่อมวลชนของเพนตากอน ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นเกี่ยวกับความถูกต้องของเอกสารดังกล่าว แต่ระบุในแถลงการณ์ว่า กระทรวงกลาโหมรับทราบรายงานเกี่ยวกับข้อมูลที่ถูกเผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์ และกระทรวงกลาโหมกำลังตรวจสอบเรื่องนี้
ด้าน มีไคโล โปโดลีแอก ที่ปรึกษาหัวหน้าสำนักประธานาธิบดียูเครน กล่าวผ่านช่อง Telegram ส่วนตัวว่า เขาเชื่อว่ารัสเซียอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ พร้อมทั้งระบุว่าเอกสารที่รั่วไหลและถูกนำไปเผยแพร่บนสื่อโซเชียลนั้นไม่ใช่ของจริง โดยข้อมูลจำนวนมากที่ถูกอ้างอิงนั้นเป็นข้อมูลที่แต่งขึ้น และไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับแผนการที่แท้จริงของยูเครน
รายงานข่าวระบุว่า เอกสารที่ปรากฏนั้นไม่ว่าจะเป็นของจริงหรือไม่ก็ตาม มุ่งนำเสนอเกี่ยวกับประเด็นที่ว่า การวางแผนตอบโต้ของยูเครนจะเริ่มขึ้นเมื่อใด และฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับการเตรียมการของอีกฝ่าย
ภาพหนึ่งที่เผยแพร่ในช่อง Telegram ของรัสเซีย และได้รับการตรวจสอบโดย CNN คือภาพถ่ายเอกสารฉบับพิมพ์ชื่อ ‘US, Allied & Partner UAF Combat Power Build’ เอกสารดังกล่าวซึ่งจัดทำขึ้นตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์และถูกระบุว่าเป็นความลับ เผยจำนวนระบบอาวุธของชาติตะวันตกที่ยูเครนมีอยู่ในมือ การส่งมอบระบบเพิ่มเติมโดยประมาณ และการฝึกอบรมการใช้ระบบที่ยูเครนกำลังดำเนินการอยู่หรือคาดว่าจะแล้วเสร็จ
เอกสารอีกรายการมีชื่อว่า ‘Russia/Ukraine Joint Staff J3/4/5 Daily Update (D+370)’ และระบุว่าเป็นความลับเช่นกัน โดย J3 หมายถึงกองอำนวยการยุทธการของฝ่ายเสนาธิการร่วมกองทัพสหรัฐฯ J4 ดูแลด้านโลจิสติกส์และวิศวกรรม และ J5 เสนอยุทธศาสตร์ แผนงาน และข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ‘D+370’ หมายถึงวันที่จัดทำเอกสาร หรือ 370 วันหลังจากวันแรกที่รัสเซียรุกรานยูเครน
เอกสารที่สามคือแผนที่ ซึ่งระบุว่าเป็นความลับสุดยอด แผนที่ดังกล่าวแสดงสถานะของการสู้รบ ณ วันที่ 1 มีนาคม โดยแสดงที่ตั้งและขนาดของกองทัพรัสเซียและยูเครน ตลอดจนความสูญเสียทั้งหมดที่ประเมินได้จากทั้งสองฝ่าย อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่เชื่อว่าจำนวนผู้เสียชีวิตในเอกสารนี้น่าจะถูกแก้ไข เนื่องจากจำนวนผู้เสียชีวิตจริงของฝ่ายรัสเซียนั้นสูงกว่าตัวเลข ‘16,000-17,500’ ที่ระบุไว้ในเอกสาร ขณะที่เอกสารระบุว่า ชาวยูเครน 61,000-71,500 คนถูกสังหารในปฏิบัติการ ซึ่งดูเหมือนว่าจะถูกแก้ไขให้สูงกว่าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ประเมินไว้
เอกสารรายการที่สี่เป็นภาพพยากรณ์สภาพอากาศตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งประเมินว่าบริเวณใดในยูเครนที่พื้นดินอาจกลายเป็นน้ำแข็ง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการเคลื่อนทัพ
หนังสือพิมพ์ The New York Times ซึ่งรายงานเรื่องการตรวจสอบของเพนตากอนเป็นรายแรก รายงานว่า ข้อมูลลับที่รั่วไหลทางออนไลน์นี้ บางส่วนอาจเป็นประโยชน์ต่อรัสเซีย เช่น ยูเครนจะใช้อาวุธในระบบจรวดที่สหรัฐฯ จัดส่งให้ได้เร็วเพียงใด
ขณะที่ ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกของเครมลิน ตอบคำถามของ CNN เกี่ยวกับภาพเอกสารลับที่เผยแพร่บน Twitter และ Telegram ผ่านทางแถลงการณ์ว่า “เราไม่มีข้อสงสัยแม้แต่น้อยเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมโดยตรงหรือโดยอ้อมของสหรัฐฯ และ NATO ในความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน
“ระดับการมีส่วนร่วมนี้กำลังค่อยๆ เพิ่มขึ้น” เขากล่าว “เราจับตาดูกระบวนการนี้ แน่นอนว่ามันทำให้เรื่องราวทั้งหมดซับซ้อนขึ้น แต่จะไม่ส่งผลต่อผลลัพธ์สุดท้ายของปฏิบัติการพิเศษ”
สหรัฐฯ เร่งสืบปมเอกสารข่าวกรองลับระดับสูงรั่วไหล หวั่นฝีมือคนใน
ทางการสหรัฐอเมริกาเร่งดำเนินการสืบสวนกรณีการรั่วไหลของเอกสารลับระดับสูงด้านข่าวกรองและการทหาร ซึ่งถูกเผยแพร่ในอินเทอร์เน็ต โดยมีรายละเอียดในหลายประเด็น เช่น สงครามยูเครน, จีน, ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ซึ่งรวมถึงข้อมูลการป้องกันทางอากาศของยูเครน และข้อมูลหน่วยสืบราชการลับมอสสาด (Mossad) ของอิสราเอล
ทางการสหรัฐฯ พยายามตรวจสอบแหล่งที่มาในการรั่วไหลของเอกสารลับระดับสูงดังกล่าว โดยผู้เชี่ยวชาญแสดงความสงสัยว่าอาจเป็นฝีมือคนในสหรัฐฯ
ขณะที่การสืบสวนยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ซึ่งผู้ดำเนินการตรวจสอบไม่ได้ตัดความเป็นไปได้ที่กลุ่มสนับสนุนรัสเซียอาจอยู่เบื้องหลังการรั่วไหล ซึ่งถูกมองว่าเป็นหนึ่งในการละเมิดความมั่นคงที่ร้ายแรงที่สุด นับตั้งแต่เอกสาร วิดีโอ และข้อมูลทางการทูตมากกว่า 700,000 รายการปรากฏบนเว็บไซต์ WikiLeaks ในปี 2013
ทางด้านสถานทูตรัสเซียในกรุงวอชิงตันและเครมลินยังไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ ต่อกรณีการรั่วไหลของเอกสารลับของสหรัฐฯ
ขณะที่เจ้าหน้าที่สืบสวนของสหรัฐฯ 2 นาย เปิดเผยต่อ Reuters ถึงแนวทางการตรวจสอบว่า “ไม่มีการตัดประเด็นที่ว่าเอกสารลับดังกล่าวอาจถูกดัดแปลงเพื่อทำให้เจ้าหน้าที่สืบสวนเข้าใจผิดเกี่ยวกับแหล่งที่มา หรือเพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท็จที่อาจเป็นอันตรายต่อผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ” และชี้ว่าเอกสารลับที่รั่วไหลดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงช่วงเวลาในการตรวจสอบล่าสุดเมื่อราว 1 เดือนที่ผ่านมา
นอกจากนี้ยังมีการตรวจสอบแรงจูงใจของเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ ที่อาจเป็นผู้เผยแพร่ข้อมูลเอกสารลับดังกล่าว โดยกำลังพิจารณา 4-5 ทฤษฎี เช่น ความไม่พอใจของเจ้าหน้าที่ ไปจนถึงภัยคุกคามจากวงในที่ต้องการบ่อนทำลายผลประโยชน์ด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ
ทางด้านกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้ออกแถลงการณ์วานนี้ (9 เมษายน) ชี้ว่าเพนตากอนกำลังตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารซึ่ง “ดูเหมือนจะมีเนื้อหาที่ละเอียดอ่อนและเป็นความลับ” โดยเพนตากอนได้ส่งเรื่องไปยังกระทรวงยุติธรรม และได้เปิดการสอบสวนทางอาญาแล้ว
ทั้งนี้ หนึ่งในเอกสารลับที่น่าสนใจเผยรายละเอียดประเด็นที่ว่า “ระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-300 ของยูเครนจะหมดลงภายในวันที่ 2 พฤษภาคมได้อย่างไร จากอัตราใช้งานในปัจจุบัน”
โดยข้อมูลลับระดับสูงดังกล่าวอาจมีประโยชน์อย่างมากต่อกองทัพรัสเซีย ซึ่งยูเครนเปิดเผยว่าประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี และเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงระดับสูง ได้ประชุมกันเมื่อวันศุกร์ (7 เมษายน) เพื่อหารือเกี่ยวกับวิธีการป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลลับในลักษณะดังกล่าว
ส่วนเอกสารลับอีกฉบับมีการระบุว่าเป็นเอกสาร ‘ลับสุดยอด’ และอัปเดตข้อมูลข่าวกรองจากสำนักข่าวกรองกลาง (CIA) ซึ่งชี้ว่าหน่วยสืบราชการลับมอสสาดกำลังสนับสนุนการประท้วงต่อต้านแผนการของนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอล ในการควบคุมศาลฎีกาให้เข้มงวดขึ้น โดยโฆษกของเนทันยาฮูตอบโต้ว่าการเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวเป็นเรื่องที่ ‘เลวร้ายและไร้มูลความจริง’
เครดิตภาพ: Bill Clark/CQ-Roll Call, Inc via Getty Images
——————————————————————————————————————————————
ที่มา : The Standard วันที่เผยแพร่ 9 เม.ย. 2566
Link : https://thestandard.co/pentagon-ukraine-war-doc-leaked/
สหรัฐฯ เร่งสืบปมเอกสารข่าวกรองลับระดับสูงรั่วไหล หวั่นฝีมือคนใน