มีผู้เสียชีวิตหลายคน และบาดเจ็บอย่างน้อย 10 คน จากเหตุกราดยิงซึ่งนับเป็นครั้งที่สองในเซอร์เบียภายในระยะเวลาสัปดาห์เดียว รายงานระบุว่า มือปืนยิงอาวุธอัตโนมัติจากยานพาหนะใกล้กับหมู่บ้าน ห่างจากกรุงเบลเกรดไปทางใต้ 60 กม. รายงานที่ไม่ได้รับการยืนยันระบุว่าผู้กระทำความผิดยังคงหลบหนี
เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา วัยรุ่นคนหนึ่งได้สังหารนักเรียน 8 คนที่โรงเรียนในกรุงเบลเกรด ซึ่งเป็นเหตุกราดยิงครั้งใหญ่ที่สุดในเซอร์เบียในรอบหลายปี
ในเช้าวันศุกร์ สื่อเซอร์เบียรายงานว่า กองกำลังตำรวจพิเศษได้เดินทางมาถึงหมู่บ้านมลาเดโนแวก และดูโบนา ซึ่งเกิดเหตุยิงครั้งล่าสุด ภาพถ่ายจากที่เกิดเหตุแสดงให้เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจหยุดรถที่จุดตรวจขณะพยายามค้นหาตัวมือปืน นอกจากนี้ เฮลิคอปเตอร์ โดรน และตำรวจลาดตระเวนหลายนายยังค้นหาผู้ต้องสงสัยในบริเวณรอบหมู่บ้านดูโบนา
รายงานของสื่อท้องถิ่นระบุว่า ชายวัย 20 ปี คนหนึ่งเริ่มใช้อาวุธปืนอัตโนมัติไล่ยิงผู้คน หลังจากโต้เถียงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในสวนสาธารณะในหมู่บ้านดูโบนาเมื่อเย็นวันพฤหัสบดี ชายคนดังกล่าวได้ลงมือยิงผู้คนจากรถ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 8 คนและบาดเจ็บอีกจำนวนมาก ขณะที่นางดานิกา กรูยิซิช รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข และนายอเล็กซานเดอร์ วูลิน หัวหน้าหน่วยข่าวกรองความมั่นคง ได้เดินทางไปยังพื้นที่ดังกล่าวในช่วงเช้าตรู่ของวันศุกร์
เมื่อวันพุธ เด็กชายวัย 13 ปีคนหนึ่งยิงเพื่อนนักเรียน 8 คนที่โรงเรียนในกรุงเบลเกรด รวมทั้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเสียชีวิต ส่งผลให้รัฐบาลเซอร์เบียเสนอให้มีการจำกัดการครอบครองปืนที่เข้มงวดขึ้น ด้วยการออกคำสั่งห้ามการออกใบอนุญาตปืนฉบับใหม่ เป็นระยะเวลา 2 ปี แก้ไขใบอนุญาตที่มีอยู่ และตรวจสอบวิธีการเก็บอาวุธของเจ้าของปืน
เหตุกราดยิงเป็นสิ่งที่แทบไม่เกิดขึ้นในเซอร์เบีย และกฎหมายการครอบครองปืนจะมีความเข้มงวด แต่การครอบครองปืนก็ถือว่าสูงที่สุดในยุโรป ทำให้เซอร์เบียมีวัฒนธรรมการใช้ปืนอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ชนบท ขณะที่อาวุธปืนอัตโนมัติเป็นสิ่งผิดกฎหมาย และในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทางการได้เสนอการนิรโทษกรรมหลายครั้งแก่ผู้ที่ส่งคืนอาวุธปืน
ทั้งนี้ เซอร์เบียเต็มไปด้วยอาวุธผิดกฎหมายหลังจากสงครามและความไม่สงบในช่วงทศวรรษที่ 1990 ในปี 2562 มีการประเมินว่ามีอาวุธปืน 39.1 กระบอก ต่อประชากร 100 คนในเซอร์เบีย ซึ่งสูงเป็นอันดับสามของโลก รองจากสหรัฐฯ และมอนเตเนโกร
——————————————————————————————————————————————
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ / วันที่เผยแพร่ 5 พ.ค. 2566
Link : https://www.thairath.co.th/news/foreign/2691432