นอกจากต้องใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง ในการสวมใส่เครื่องแบบหลากสีสันของ “สวิสการ์ด” หรือ กองกำลังทหารรักษาการณ์แห่งนครรัฐวาติกัน ทหารนายใหม่ต่างพบในไม่ช้าว่า พวกเขาไม่สามารถใส่ชุดเกราะที่มีน้ำหนักรวม 15 กิโลกรัม ได้ด้วยตัวเอง
เจเรมีและพอล ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยนามสกุลได้ เพราะเหตุผลด้านความปลอดภัย จะเข้าพิธีสาบานตน และเข้าร่วมองค์กรเก่าแก่อันทรงเกียรติ ซึ่งมีหน้าที่รักษาความปลอดภัยแก่สมเด็จพระสันตะปาปา ปัจจุบัน นครรัฐวาติกันมีสวิสการ์ดอย่างน้อย 125 นาย
สมเด็จพระสันตะปาปายูลิอุสที่ 2 ก่อตั้งสวิสการ์ด เมื่อปี 2049 ซึ่งเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในเวลาต่อมา จากเครื่องแบบลายแถบสีน้ำเงิน, สีเหลือง และสีแดง แต่ในสามเหตุการณ์สำคัญประจำปีสำหรับคริสตจักร ได้แก่ เทศกาลคริสต์มาส, เทศกาลอีสเตอร์ และพิธีสาบานตน พวกเขาจะสวมใส่ชุดเกราะหนักที่แวววาว
ห่างไปเพียงไม่กี่เมตร ในลานที่ประดับด้วยธงของ 26 รัฐของสวิตเซอร์แลนด์ พอลอยู่ในกลุ่มเล็ก ๆ ที่กำลังซ้อมพิธีสาบานตนเหมือนกับคนอื่น ๆ หลังผ่านการฝึกภาคปฏิบัติเป็นเวลา 1 เดือน ในสวิตเซอร์แลนด์ ก่อนเข้ารับการฝึกอีกครั้งที่วาติกัน
เช่นเดียวกับสวิสการ์ดทุกนาย พอลต้องเรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างในเวลาที่จำกัด ไม่ว่าจะเป็น การพูดภาษาอิตาลี, การแสดงความเคารพ, การเดินขบวน, การถือขวามด้ามยาว, การยืนนิ่ง และการจดจำผู้ที่เข้า-ออก วาติกันเป็นประจำ
แม้เป็นเกียรติสำหรับชาวสวิส อย่างไรก็ตาม พอลยอมรับว่า มันเป็นเรื่องที่ซับซ้อน และงานมีความหลากหลายอย่างมาก อีกทั้งความรู้ของเขา จะได้รับการประเมินอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งสำหรับการฝึกฝน
Twenty-three young men swore their oaths as new members of the Pontifical Swiss Guard on Saturday, beginning their time of service protecting the Pope and Vatican City State. pic.twitter.com/y9Bnk8IUx4
— Vatican News (@VaticanNews) May 6, 2023
ทหารใหม่ต้องเข้ารับการตรวจสุขภาพ และจะได้รับการส่งเสริมให้เล่นกีฬา เพราะการยืนเป็นเวลานานหลายชั่วโมงนั้น เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากลำบาก
เจเรมี กล่าวว่า สวิสการ์ดต้องพร้อมแทรกแซงเหตุการณ์ฉุกเฉิน นอกจากนี้ สวิสการ์ดยังถูกคาดหวังให้ปฏิบัติตนอย่างไม่มีที่ติ เนื่องจากพวกเขามักจะอยู่ในสายตาของสาธารณชน
“สมเด็จพระสันตะปาปาทรงเคยตรัสว่า พวกเราคือบัตรผู้มาเยี่ยมของพระองค์” เจเรมี กล่าว “มีคนบอกพวกเราว่า เราคือชาวสวิสซึ่งถูกถ่ายภาพมากที่สุดในโลก”
สำหรับสวิสการ์ด พวกเขาจะไม่ออกไปเที่ยวฉลองอย่างสนุกสุดเหวี่ยง เหมือนกับผู้ชายคนอื่นในรุ่นราวคราวเดียวกัน
“มันไม่ใช่อาราม แม้คุณจะสามารถออกไปได้ แต่การบริการมีความสำคัญเป็นอันดับแรก เพราะมันทำให้เรามีสำนึกในหน้าที่” เจเรมี กล่าวเพิ่มเติม “พวกเราอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ และเราได้รับสิทธิพิเศษมาก” เจเรมี กล่าว “มันคือครอบครัวใหญ่ที่มีความสนิทสนม และการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน”.
บทความโดย เลนซ์ซูม
เครดิตภาพ : AFP
————————————————————————————————————————-
ที่มา : dailynews / วันที่เผยแพร่ 13 พ.ค. 2566
Link :https://www.dailynews.co.th/articles/2323373/