ยกระดับการปกป้องบัญชีลูกค้า เปิดตัวระบบป้องกันการดูดเงิน 3 ชั้น ตรวจ-จับ-หยุด ธุรกรรมแปลกปลอม
น.ส.มนสินี นาคปนันท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด ผู้ให้บริการทรูมันนี่ เปิดเผยว่า บริษัทได้ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของระบบอย่างต่อเนื่อง โดยในแต่ละปีมีการลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท เพื่อให้ลูกค้าทั้งระบบที่ปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 26 ล้านราย มีการทำธุรกรรมอย่างปลอดภัย โดยปัจจุบันมีธุรกรรมผ่านระบบ 40,000 ล้านบาทต่อเดือน คิดเป็นปีละ 500,000 ล้านบาท นอกจากนี้บริการของทรู มันนี่ ยังมีทั้งรูปแบบการออม และการลงทุน ซึ่งเงินของลูกค้าอยู่ในระบบหลักแสนบาท ที่สำคัญคือ บริษัทมีความมุ่งมั่นในการเป็นเวอร์ชวล แบงก์ ด้วย ดังนั้นเรื่องความปลอดภัยจึงเป็นสิ่งสำคัญ
จากข้อมูล เดือน เม.ย. ที่ผ่านมาของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ และสังคม (ดีอีเอส) พบว่าใน 1 ปี ที่ผ่านมา มีการแจ้งความออนไลน์ สูงถึง 2.4 แสนเรื่อง ขออายัดบัญชีที้งหมด 7.4 หมื่นบัญชี ยอดเงิน 6.9 พันล้านบาท แต่อายัดได้ทันคิดเป็นมูลค่า 449 ล้านบาท ทำให้เกิดความเสียหายคืดเป็นมูลค่ากว่า 3.2 หมื่นล้านบาท ขณะที่สมาคมธนาคารไทย รายงานว่าช่วงที่ผ่านมามีการหลอกติดตั้งแอปดูดเงินสร้างความเสียหายกว่า 500 ล้านบาท ความปลอดภัยในการใช้งานแอปฯ ผ่านมือถือ จึงเป็นสิ่งสำคัญ”
น.ส.มนสินี กล่าวต่อว่า ล่าสุด บริษัท ได้พัฒนาเทคโนโลยี ความปลอดภัยให้กับผู้ใช้งาน ด้วยระบบป้องกันการดูดเงิน 3 ชั้นที่พัฒนาร่วมกับบริษัมรักษาความปลอดภัยระดับโลก คือ ‘ชิลด์” (SHIELD) ซึ่งเป็นบริษัทดูแลความปลอดภัยทาง ไซเบอร์ระดับโลก และ “โซลอส” (ZOLOZ) ผู้เชี่ยวชาญด้านโซลูชั่นและเทคโนโลยีการยืนยันตัวตนแบบ Biometric ระดับโลก” โดยได้นำปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ มาทำงานร่วมกับเทคโนโลยีวิศวกรรมข้อมูลขนาดใหญ่ หรือบิ๊กดาต้าเพื่อรวบรวมและจำแนกและจดจำ ทำการวิเคราะห์ข้อมูลของผู้ใช้งานพร้อมตรวจจับและสั่งการหากมีอะไรผิดปกติช่วยให้การใช้งานมีความปลอดภัยมากขึ้น โดยให้การปกป้องบัญชีผู้ใช้ถึง 3 ชั้น ได้แก่
ชั้นที่ 1 – ตรวจ : ว่าเป็นคุณตัวจริงที่เข้าใช้งานบัญชี
ตรวจ เพื่อยืนยันเข้าใช้งานบัญชีด้วยระบบยืนยันตัวตนหลากหลายรูปแบบ (secure log in) เช่น การเรียกสแกนหน้าเพื่อตรวจสอบข้อมูลชีวมิติ (Biometric – Face recognition) ถึงมีมิจฉาชีพที่ล่อลวงจนรู้ OTP หรือ Pin Code แต่ก็ไม่สามารถล็อกอินบัญชีคุณได้ เพราะถูกระบบสแกนตรวจใบหน้าป้องกันไว้ นอกจากนี้ ระบบ ‘TrueMoney 3 x Protection’ ยังสามารถตรวจจับค่า IP address หรือ Location หากมีการเข้าใช้งานจากอุปกรณ์ใช้งาน (secure device) ที่แตกต่างไปจากที่ผู้ใช้เจ้าของบัญชีได้ลงทะเบียนหรือใช้งาน
ชั้นที่ 2 – จับ – มัลแวร์หรือแอปต้องสงสัย
จับ มัลแวร์ แอปดูดเงิน และแอปแปลกปลอมที่ไม่ปลอดภัย หากติดตั้งบนอุปกรณ์ที่ใช้งานทรูมันนี่ และปฏิเสธการอนุญาตเข้าใช้งาน
ชั้นที่ 3 – หยุด – การทำธุรกรรมที่ผิดปกติ
หยุด หากมีการทำรายการที่ผิดปกติ ระบบ AI จะจำแนกและกำหนดค่าความเสี่ยง (Risk score) เพื่อตรวจสอบ ความผิดปกติจากประวัติการทำรายการย้อนหลัง และให้ลูกค้าทำการยืนยันตัวตนหลากหลายรูปแบบ หรือหยุดยั้งรายการที่มีความผิดปกติ เพื่อป้องกันการถูกดูดเงินออก
——————————————————————————————————————————————
ที่มา : เดลินิวส์ออนไลน์ / วันที่เผยแพร่ 27 มิ.ย.2566
Link : https://www.dailynews.co.th/news/2480389/