Chinese restaurants with signage in Chinese and Burmese are seen in Shwe Kokko, a newly built town in Myanmar’s Karen state. (VOA Burmese)
องค์กรอาชญากรรมไซเบอร์จากจีนที่ปฏิบัติการอยู่ตามแนวพรมแดนไทย – เมียนมา กำลังคุกคามผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลกด้วยหลอกลวงออนไลน์และการฉ้อโกงทางการเงิน โดยใช้ “ทาสทางไซเบอร์” ในการก่ออาชญากรรมต่าง ๆ อ้างอิงจากรายงานของสถาบันแห่งสันติภาพสหรัฐฯ หรือ USIP (United States Institute of Peace) ในกรุงวอชิงตัน
รายงานที่ชื่อ “A Criminal Cancer Spreads in Southeast Asia” ระบุว่า อาชญากรไซเบอร์เหล่านั้นถูกขับไล่ออกจากจีน และขณะนี้ดำเนินการอยู่ตามแนวพรมแดนของหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้ง ไทย ลาว เมียนมา และกัมพูชา โดยถูกจัดเป็น “ภัยคุกคามด้านความมั่นคงทั่วโลก“
เจสัน ทาวเวอร์ ผอ.ฝ่ายเมียนมาของ USIP กล่าวกับวีโอเอว่า ขณะนี้กลุ่มอาชญากรไซเบอร์เหล่านั้นมุ่งเป้าไปที่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลกแล้ว จากเดิมที่เน้นไปที่เครือข่ายพนันออนไลน์เป็นหลัก
ทาวเวอร์ ระบุถึงวิธีการใหม่ที่อาชญากรเหล่านี้นำมาใช้เรียกว่า “การเชือดหมู” ซึ่งมุ่งทำให้เหยื่ออ่อนแอลงทางการเงินก่อนที่จะเชือดในที่สุด การหลอกลวงลักษณะนี้มักเริ่มจากการล่อลวงฉันท์ชู้สาวทางออนไลน์ หรือหลอกลวงให้ลงทุนบางอย่างโดยสัญญาว่าจะได้ผลตอบแทนก้อนใหญ่ โดยผู้ที่ตกเป็นเป้าอาศัยอยู่ในสหรัฐฯ ยุโรป ญี่ปุ่น และอีกหลายประเทศ
รายงานของ USIP เผยว่า อาชญากรในเมียนมาลอบทำการอยู่ในเมืองชเว ก๊กโก เมืองที่สร้างใหม่ในรัฐกะเหรี่ยงติดชายแดนไทย โดยแบ่งเป็นอย่างน้อย 17 เขตอาชญากรรมในเมืองดังกล่าว เป็นพื้นที่รวมราว 5 ล้านตารางเมตรซึ่งประกอบด้วยอาคารสำนักงานยาวตามแนวแม่น้ำเมยตรงชายแดนไทย-เมียนมา
พื้นที่ดังกล่าวควบคุมโดยกลุ่มนักลงทุนผิดกฎหมายจากจีนซึ่งร่วมมือกับกองกำลังติดอาวุธรักษาชายแดนของกะเหรี่ยง หรือ BGF (Border Guard Force)
A new building is seen in Shwe Kokko, a newly built town in Myanmar’s Karen state. (VOA Burmese)
ทาสไซเบอร์ในชเว ก๊กโก
รายงานฉบับนี้เผยว่า เมื่อคนทำงานชาวจีนหนีกลับปักกิ่งในช่วงการระบาดของโควิด-19 กลุ่มอาชญากรเหล่านั้นได้ล่อลวงคนหางานจากหลายประเทศ รวมทั้ง ไทย ลาว กัมพูชา มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ให้ทำงานผิดกฎหมายให้ตนด้วยการให้ค่าจ้างราคาแพง ก่อนที่จะลักลอบนำคนเหล่านั้นข้ามพรมแดนเพื่อมาทำงานในลักษณะของ “ทาสทางไซเบอร์” ที่ชเว ก๊กโก
ทาวเวอร์ กล่าวกับวีโอเอว่า มีพลเมืองจากมากกว่า 30 ประเทศ ถูกลักลอบมาทำงานเป็นทาสไซเบอร์ที่เมืองนี้และอีกหลายเมืองริมฝั่งแม่น้ำเมย
สื่อ Straits Times ในสิงคโปร์ประเมินว่า มีชาวมาเลเซียราว 1,000 คนถูกบังคับล่อลวงให้ทำงานที่ชเว ก๊กโก ขณะที่สถานทูตอินโดนีเซียในนครย่างกุ้ง เผยว่าได้ช่วยเหลือชาวอินโดฯ หลายคนออกจากเมืองดังกล่าวเมื่อเดือนที่แล้วด้วยการจ่ายเงินค่าไถ่ตัวพวกเขา โดยแหล่งข่าวเผยว่า ชาวอินโดฯ ราว 20 คนที่ได้รับการปลดปล่อยออกมานั้นมีค่าไถ่ราว 8,500 ดอลลาร์ หรือราว 300,000 บาทต่อคน
ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์เผยว่า มีชาวฟิลิปปินส์ 8 คนได้รับการช่วยเหลือออกมาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ โดยพวกเขาถูกลวงให้สมัครงานออนไลน์ตำแหน่ง “ลูกค้าสัมพันธ์” ในประเทศไทยก่อนที่จะถูกลวงให้ลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี และไปจบที่ชเว ก๊กโก ในฐานะ “ทาสไซเบอร์”
รายงานบอกว่ามีเยาวชนวัยต่ำกว่า 18 ปีถูกล่อลวงไปทำงานที่นั่นด้วย
ทาวเวอร์ แห่ง USIP ชี้ว่า ปัญหาอาชญากรไซเบอร์ที่พรมแดนไทย-เมียนมา ได้กลายเป็นปัญหาระดับโลกแล้ว และต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศในการช่วยกันแก้ไขจัดการ และจับกุมตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี
ทาวเวอร์ กล่าวว่า บรรดาสมาชิกอาเซียนต่างพยายามแก้ไขปัญหานี้ด้วยการจัดตั้งโครงการต่อต้านการค้ามนุษย์สมัยใหม่และการการลักลอบขนส่งผู้อพยพข้ามพรมแดน แต่บริเวณพรมแดนไทย-เมียนมา ยังคงเป็นจุดที่ยากจะเข้าไปแก้ไขได้
ที่มา: วีโอเอ
—————————————————————————————————————————————
ที่มา : VOA Thai / วันที่เผยแพร่ 29 มิ.ย.66
Link : https://www.voathai.com/a/chinese-cybercrime-syndicates-in-myanmar-now-target-victims-worldwide/7159027.html