สถานการณ์ในเขตเวสต์แบงก์ตึงเครียดอย่างหนัก เมื่ออิสราเอลปฏิบัติการ “ทลายแหล่งซ่องสุม” ของกลุ่มก่อการร้าย ในเมืองเจนิน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองเจนิน เขตเวสต์แบงก์ เมื่อวันที่ 4 ก.ค. ว่า กระทรวงสาธารณสุขปาเลสไตน์ รายงานจำนวนผู้เสียชีวิตจากปฏิบัติการทางทหารครั้งใหญ่ของกองกำลังป้องกันอิสราเอล (ไอดีเอฟ) ที่ใช้การโจมตีทั้งทางบกและทางอากาศ ต่อเป้าหมายหลายแห่งในเมืองเจนิน ทางตอนเหนือของเขตเวสต์แบงก์ ซึ่งเปิดฉากเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นอย่างน้อย 9 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกมากกว่า 100 คน
ปฏิบัติการดังกล่าวเกิดขึ้นประมาณ 2 สัปดาห์ หลังเฮลิคอปเตอร์ของไอดีเอฟ ปฏิบัติการ “ต่อต้านการก่อการร้าย” ในเมืองเจนิน โดยมีการยิงขีปนาวุธออกจากเฮลิคอปเตอร์ด้วย และมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 ราย จากเหตุการณ์ในวันนั้น
Israel has launched a large-scale military operation against Palestinians in the occupied West Bank city of Jenin, killing at least eight people, including three children, and wounding more than 50 others according to the Palestinian Health Ministry pic.twitter.com/RqK4bVVOT3
— Middle East Eye (@MiddleEastEye) July 3, 2023
ด้านนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล กล่าวว่า เป้าหมายของปฏิบัติการครั้งนี้คือ “เพื่อทลายรังผู้ก่อการร้าย” ในเมืองเจนิน ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของค่ายผู้ลี้ภัยขนาดใหญ่ ที่รัฐบาลอิสราเอลกล่าวมาตลอดว่า “เป็นแหล่งซ่องสุมของผู้ก่อการร้าย”
ขณะที่ไอดีเอฟออกแถลงการณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ปฏิบัติการโจมตีสามารถทำลายศูนย์ปฏิบัติการร่วมของ “กองกำลังนักรบเจนิน” นอกจากนี้ ไอดีเอฟยืนยันการทำลาย “ศูนย์สังเกตการณ์และการสอดแนม” คลังแสงอาวุธ และสถานที่กบดานของบรรดานักรบ ซึ่งพยายามก่อเหตุโจมตีอิสราเอล ตลอดระยะเวลาไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ สถานการณ์ในเขตเวสต์แบงก์ทวีความรุนแรง นับตั้งแต่รัฐบาลขวาจัดของเนทันยาฮู กลับมารับตำแหน่งอีกครั้ง เมื่อเดือน ธ.ค. ปีที่แล้ว อนึ่ง ความรุนแรงระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์นับตั้งแต่ต้นปีนี้ คร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์อย่างน้อย 186 ราย ชาวอิสราเอลอย่างน้อย 25 ราย ชาวยูเครน 1 ราย และชาวอิตาเลียน 1 ราย
เครดิตภาพ : AFP
——————————————————————————————————————————————————–
ที่มา : เดลินิวส์ / วันที่เผยแพร่ 4 ก.ค.66
Link : https://www.dailynews.co.th/news/2498726/