ข้อควรระวังใช้ ‘ChatGPT’ ผู้เชี่ยวชาญระบุพบข้อมูลรั่วไหลกว่า 1 แสนเครื่องส่วนหนึ่งเป็นข้อมูลจากระบบ chatgpt ถูกโจรกรรมปล่อยขายบนเว็บมืด เอเชียแปซิฟิกข้อมูลหลุดมากที่สุด
“ChatGPT” ระบบปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูง หรือ AI ที่ถูกพัฒนาขีดความสามารถให้ตอบสอนได้คล้ายกับมนุษย์มากที่สุด โดย ChatGPT ได้รับการออกแบบมาให้มีการสนทนากับมนุษย์ในลักษณะที่แยกไม่ออกจากการสนทนาระหว่างมนุษย์ ส่งผลให้ที่ผ่านมาโปรแกรมดังกล่าวได้รับความนิยมอย่างมาก จนมีผู้เชี่ยวชาญออกมาบอกว่าเจ้า “ChatGPT” อาจจะสามารถเข้ามาแทนที่มนุษย์ในบางอาชีพได้เลย
หลังจากที่มีการเปิดตัว “ChatGPT” มีผู้ใช้งานสูงกว่า 50 ล้านคน และคาดว่าจะมีผู้ใช้งานหน้าใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพราะสามารถทำงานได้ดีสามารถตอบได้ทุกข้อสงสัย หากเปรียบเทียบกับการทำงานของ Google นั้นเรียกได้ว่าทำงานได้ละเอียดและสามารถหาข้อมูลที่ซ้ำซ้อนได้มากกว่า อย่างไรก็ตาที่ผ่านมา “ChatGPT” เติบโตอย่างรวดเร็วแซงหน้าแพลตฟอร์มอื่น ๆ แน่นอนว่าการเติบโตของเทคโนโลยีที่รวดเร็วมากขึ้นย่อมส่งผลเสียได้เช่นกัน
ผู้เชี่ยวชาญระบุไว้ว่า แท้จริงแล้ว “ChatGPT” ก็มีข้อเสียที่ควรจะระวัง เพราะที่ผ่านมาความนิยมของแพลตฟอร์มดังกล่าวไปเร็วและแรงมาก เพียงแค่เวลา 2 เดือนกลับมีคนทั่วโลกใช้งานไปแล้วกว่า 50 ล้านคน ตัวเลขดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า เทคโนโลยีและดิจิทัลเติบโตไปเร็วมากๆ และแม้ว่าเทคโนโลยีจะทำให้การทำงาน หรือการทำธุรกิจเกิดความได้เปรียบ ต้องทำความเข้าใจว่า “ChatGPT” มีมานานแล้ว แต่ที่ผ่านมายังไม่มีใครให้ความสำคัญมากหนักมันจึงเป็นเสมือนเทคโนโลยีที่มาก่อนกาล แต่ในอดีตอาจจะทำได้ไม่ดีพอเนื่องจากมีหน้าที่ที่ค่อนข้างจำกัด แต่ปัจจุบันฐานข้อมูลมีมากขึ้นจึงทำให้ AI สามารถเรียนรู้ชุดข้อมูลในเชิงลึกมากขึ้น
ส่งผลให้ปัจจุบัน “ChatGPT” สามารถคิดและเขียนแทนมนุษย์ ดังนั้นข้อควรระวังในการใช้ “ChatGPT” การใช้งานที่ผิดวัตถุประสงค์ โดยเฉพาะนักเรียน นักศึกษา ที่ใช้แพลตฟอร์มให้ทำงานแทน สุดท้ายจะเกิดความเคยชินและไม่ได้ประโยชน์จากการใช้งานดิจิทัลเป็นเครื่องมือ การใช้ “ChatGPT” สร้างความปลอม หรือข่าวลวง รวมไปถึงการบูลลี่ได้ด้วย
อย่างไรก็ตามแม้ว่าแพลตฟอร์มจะมีความแม่นยำแต่ก็มีโอกาสในการเกิดข้อผิดพลาดได้เช่นกัน เนื่องจากตอนนี้ข้อมูลของแชทจีพีที เป็นการใช้ข้อมูลในปี 2021 แต่หากมีการถามถึงข้อมูลของปี 2022 จะส่งผลให้ระบบ Error ได้เช่นกัน
ขณะเดียวกันมีรายงานว่าข้อมูลจาก Group-IB ผู้นำด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ระดับโลก ตรวจพบอุปกรณ์ที่ติดไวรัสจำนวน 101,134 เครื่องที่มีข้อมูลอ้างอิงการเข้าถึงบัญชีของ “ChatGPT” โดยแพลตฟอร์ม Threat Intelligence ของ Group-IB พบว่าข้อมูล credentials เหล่านี้ถูกมัลแวร์ (Malware) โจรกรรมข้อมูลมาปล่อยซื้อขายอยู่บนตลาด Dark Web ที่ผิดกฎหมาย ในปีที่ผ่านมามีข้อมูลบัญชี ChatGPT รั่วไหลสูงสุดอยู่ที่ 26,802 บัญชีในเดือนพ.ค. 2023 เเละ Group-IB พบว่าภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกประสบปัญหาข้อมูลบัญชี ChatGPT รั่วไหลสูงสุดเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นในช่วงปีที่ผ่านมา
ที่ผ่านมามี พนักงานจำนวนมากใช้ Chatbot เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาซอฟต์แวร์หรือการสื่อสารทางธุรกิจ โดยปกติ “ChatGPT” จะจัดเก็บประวัติการค้นหาของผู้ใช้และการตอบกลับของ AI ดังนั้น การเข้าถึงบัญชี ChatGPT โดยไม่ได้รับอนุญาตอาจเป็นการเปิดเผยข้อมูลที่เป็นความลับหรือข้อมูลอื่น ๆ ที่ละเอียดอ่อน ซึ่งสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ในการโจมตีต่อบริษัทและพนักงานที่เจาะจงได้ เเละ Group-IB ค้นพบว่าบัญชี ChatGPT เป็นข้อมูลที่ได้รับความนิยมอย่างมากในชุมชนตลาดมืด
ทีมวิเคราะห์ตลาดใต้ดินของ Group-IB Threat Intelligence เปิดเผยว่าบัญชี ChatGPT ส่วนใหญ่ถูกโจรกรรมโดยมัลแวร์ Info stealers ชนิด Raccoon เเละบัญชี ChatGPTที่รั่วไหลไหลเหล่านี้มีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามความนิยมที่เพิ่มขึ้นของ Chat bot ที่ถูกขับเคลื่อนด้วย AI ตลอดปีที่ผ่านมา
—————————————————————————————————————————————
ที่มา : คมชัดลึกออนไลน์ / วันที่เผยแพร่ 27 มิ.ย.66
Link : https://www.komchadluek.net/quality-life/well-structured/552188