เปิดเหตุผลทำไมการเสริมการป้องกันกลโกงการเงิน จึงทำได้ด้วยระบบรักษาความปลอดภัยแบบไบโอเมตริก? โดยหนึ่งในเหตุผลนั้น คือระบบไบโอเมตริกวันนี้เฉลียวฉลาดสุด ๆ และไม่สามารถ “หลอก” ด้วยรูปภาพ หรือการสวมหน้ากากใด ๆ
นายธัชพล โปษยานนท์ ผู้อำนวยการประจำประเทศไทยและอินโดจีน พาโล อัลโต้ เน็ตเวิร์กส์ กล่าวว่า การใช้ระบบสแกนแบบไบโอเมตริกเพื่อป้องกันกลโกงต่าง ๆ ถือเป็นแนวทางการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงที่แนะนำสำหรับการปกป้องเงินของผู้บริโภค และแนวทางรักษาความปลอดภัยขั้นสูงที่ว่าก็จำเป็นต้องใช้ควบคู่ไปกับแนวคิดซีโรทรัสต์ (Zero Trust) ด้วยเช่นกัน
“ธนาคารต้องให้ความรู้แก่ลูกค้าในด้านมาตรการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์เบื้องต้น เช่น ไม่คลิกลิงก์หรือไฟล์แนบที่น่าสงสัย ไม่ป้อนข้อมูลส่วนตัวบนแพลตฟอร์มที่ไม่ปลอดภัย เป็นต้น”
ธัชพล โปษยานนท์ ผู้อำนวยการประจำประเทศไทยและอินโดจีน พาโล อัลโต้ เน็ตเวิร์กส์
พาโล อัลโต้ เน็ตเวิร์กส์ ประเมินสถานการณ์วันนี้ว่ากลโกงของมิจฉาชีพมีการพัฒนาและปรับเปลี่ยนวิธีการอยู่ตลอดเวลา เช่น Smishing (การล่อลวงแบบฟิชชิงด้วย SMS) และ Vishing (การการล่อลวงแบบฟิชชิงด้วยการโทร.) เป็นสาเหตุให้ผู้คนจำนวนมากตกเป็นเหยื่อจนเกิดความสูญเสียนับไม่ถ้วนในปัจจุบัน และเงินในบัญชีของหลายคนถึงกับกลายเป็นศูนย์
เนื่องจากอาชญากรรมทางไซเบอร์มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ธนาคารแห่งประเทศไทยจึงประกาศการปรับเปลี่ยนนโยบายการใช้โมบายแบงกิ้ง โดยบังคับการสแกนใบหน้ายืนยันตัวตนสำหรับธุรกรรมมูลค่าสูง
1.ธุรกรรมการโอนเงินผ่านระบบดิจิทัลเกิน 50,000 บาท ต่อรายการ
2.การโอนเงินเกิน 200,000 บาทต่อวัน
3.การปรับเพิ่มวงเงินเกิน 50,000 บาทต่อวัน ทั้งนี้ข้อกำหนดที่จำนวนเงิน 50,000 บาท คิดเป็นราว 1% ของธุรกรรมธนาคารผ่านมือถือในแต่ละวัน มาตรการใหม่ดังกล่าวเกิดขึ้นสามารถเสริมเกราะป้องกันระบบรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ในไทย รวมทั้งป้องกันลูกค้าจากการตกเป็นเหยื่อกลโกงการเงิน เนื่องจากคนร้ายส่วนใหญ่มุ่งเป้าโจรกรรมเงินตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป
ทุกวันนี้ การโจรกรรมทางการเงินถือเป็นปัญหาใหญ่ รายงานจากธนาคารกลางระบุว่า คนร้ายได้พัฒนาระบบขึ้นมาหลากหลาย มีทั้งแอปเงินกู้ปลอม ข้อความหลอกลวง ตลอดจนอุบายที่ล่อลวงให้ลูกค้าติดตั้งแอปที่มีมัลแวร์บนโทรศัพท์ของตนเอง
เทคโนโลยีไบโอเมตริก เทียบเท่ากับการตั้งรหัสตัวเลขดิจิทัล 6 หลัก
ดังนั้น เทคโนโลยีไบโอเมตริกในธุรกรรมการเงินดิจิทัลจึงมีเป้าหมายเพื่อป้องกันกลโกงการเงินดังกล่าว ระบบตรวจสอบยืนยันใบหน้าที่ทันสมัยที่สุดในปัจจุบันจะฉายจุดแสงอินฟราเรดไปบนใบหน้าในตำแหน่งต่างๆ เพื่อยืนยันรายละเอียดมิติของใบหน้า ทำให้เทคนิคเดิมๆ เช่น การใช้รูปภาพหรือสวมหน้ากากรูปใบหน้าคนจะไม่สามารถหลอกระบบได้อีกต่อไป ทำให้โอกาสที่จะหลุดผ่านระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูงของเทคโนโลยีไบโอเมตริก จนเข้าโทรศัพท์มือถือหรือข้อมูลของผู้ใช้งานได้นั้นมีเพียงไม่ถึงหนึ่งในล้าน
เทคโนโลยีไบโอเมตริก จึงเทียบเท่ากับการตั้งรหัสตัวเลขดิจิทัล 6 หลัก อีกทั้งการสแกนแบบไบโอเมตริกยังเป็นการเสริมระบบรักษาความปลอดภัยให้หนาแน่นขึ้นอีกขั้นเพื่อปกป้องผู้บริโภคจากกลโกงการเงินในที่สุด
—————————————————————————————————————————————-
ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์ / วันที่เผยแพร่ 12 ก.ค.66
Link : https://mgronline.com/cyberbiz/detail/9660000063005