บนความเชี่ยวชาญของทีมวิศวกร ผนวกกับคลื่นความถี่ที่มีมากที่สุด 1460 เมกะเฮิรตซ์ และโซลูชันที่มีความหลากสำหรับภาคอุตสาหกรรม เอไอเอส และ ARV ได้ยกระดับการทำงานของโดรน ด้วยการเปิดตัว 5G AI Autonomous Drone System ในชื่อ “Horrus” ครั้งแรกในไทย
หลังจากที่ปลุกปล้ำกับโปรเจ็ค โดรน เอไอ ไร้คนบังคับ ที่วิ่งบนคลื่นความถี่ 26 กิกะเฮิรตซ์มาเกือบ 3 ปี ล่าสุด เอไอเอสและพันธมิตรกลุ่ม ปตท. ร่วมกันส่งนวัตกรรมใหม่ AI Autonomous Drone System บนโครงข่ายอัจฉริยะ 5G ครั้งแรกในไทยพร้อมเชื่อมต่อสู่การทำงานจริงในภาคอุตสาหกรรม พร้อมผลักดันสู่การแสวงหาโอกาสที่ลุยธุรกิจในพื้นที่ EECi ที่ต้องการสร้าง New S-Curve ด้วยนวัตกรรมและดิจิทัลเทคโนโลยี
พื้นที่วังจันทร์แซนด์บ็อกซ์แหล่ง R&D
นายธนพงษ์ อิทธิสกุลชัย หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าองค์กร บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) กล่าวว่า แนวคิด Ecosystem Economy ของเอไอเอสกับพันธมิตรคือการสร้างการเติบโตไปด้วยกัน เพื่อสนับสนุนดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชันของภาคอุตสาหกรรมและองค์กรภาคธุรกิจของประเทศ
โดยในปี 2561 เอไอเอสได้ทำงานร่วมกับ กลุ่ม ปตท. ในฐานะ Strategic Partner เพื่อพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่สำหรับภาคอุตสาหกรรมในหลากหลายพื้นที่รวมถึงการลงทุนสร้างโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลเพื่อสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรม ในพื้นที่โครงการวังจันทร์วัลเลย์ และ EECi
เป็นพื้นที่เพื่อการทดสอบทดลองจากการผ่อนปรนกฎระเบียบพิเศษ ถือเป็นครั้งแรกที่มีการพัฒนาโดรนอัจฉริยะฝีมือคนไทยที่มีระบบ เอไอ เข้ามาเป็นหัวใจหลักในการทำงานด้วยเครือข่ายไร้สายอัจฉริยะ
ซึ่งทีมวิศวกรเอไอเอสได้จัดเตรียมโครงสร้างพื้นฐานไว้อย่างสมบูรณ์ อาทิ การออกแบบ Network Architecture หรือ สถาปัตยกรรมโครงข่าย 5G SA (Standalone) บนคลื่น 26 กิกะเฮิรตซ์
โดยใช้ศักยภาพของเทคโนโลยี Autonomous Network ซึ่งมีความอัจฉริยะในการจัดการระบบได้ด้วยตัวเอง, การใช้ Network Slicing เพื่อตอบสนองแอปพลิเคชันที่ต้องการคุณสมบัติทางเครือข่ายที่แตกต่างกัน
และล่าสุดเอไอเอสและบริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส จำกัด (ARV) ในเครือ ปตท. สผ. ซึ่งได้ยกระดับการทำงานของโดรนไปอีกขั้นสู่ 5G AI Autonomous Drone System หรือ AI Drone ในชื่อ “Horrus” ครั้งแรกของไทยที่พัฒนาโดยฝีมือคนไทย จะช่วยให้บริหารจัดการระบบการรักษาความปลอดภัยได้ตลอด 24 ชม. สร้างโอกาสใหม่ให้กับภาคอุตสาหกรรม และนำไปสู่การสร้างจุดแข็งให้กับประเทศ
โซลูชันหลากหลายเพื่อธุรกิจคือแต้มต่อ
นายวสิษฐ์ วัฒนศัพท์ หัวหน้าหน่วยธุรกิจงานปฏิบัติการและสนับสนุนด้านเทคนิคทั่วประเทศ เอไอเอส กล่าวว่า เอไอเอสไม่หยุดนิ่งที่จะส่งมอบเครือข่ายอัจฉริยะให้กับผู้ใช้งานลูกค้าทุกระดับผ่านแนวทาง 2 ประการ การมีโครงข่าย 5G ที่ครอบคลุมมากที่สุดด้วยจำนวนคลื่นความถี่ 1460 เมกะเฮิรตซ์มากที่สุดในประเทศไทย และ การมีโซลูชันที่สามารถปรับเปลี่ยนประยุกต์ให้เข้ากับลูกค้าหลากหลายอุตสาหกรรม
สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรม AIS 5G Manufacturing Platform ที่วันนี้ทำงานอยู่บน PARAGON Platform (แพลตฟอร์ม 5G ที่รวมศูนย์การบริหารจัดการ 5G, Edge Computing, Clouds และ Applications มาไว้ที่เดียวแบบ One Stop Service ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้เองอย่างสอดคล้องกับลักษณะธุรกิจและงบประมาณในแต่ละช่วงเวลา) ควบคู่ไปกับเทคโนโลยี IoT ที่ทำงานอยู่บน 5G Private Network และ Network Slicing ช่วยเพิ่มความเร็วในการรับส่งข้อมูล ลดความหน่วงในการสั่งการควบคุมโดรน
อีกทั้งยังรองรับการควบคุมระยะไกลที่เสถียรมากกว่าสัญญาณวิทยุและ Wifi การทำงานร่วมกับ เอไอเอส ในครั้งนี้เป็นการยกระดับศักยภาพการทำงานของโดรนให้ก้าวไปอีกขั้น ด้วยการทำงานได้แบบอัตโนมัติตามเวลาและเส้นทางการบินที่กำหนด
โดรน เอไอ คือ Use Case ที่ใช้ได้จริง
ขณะที่นายธนา สราญเวทย์พันธุ์ ผู้จัดการทั่วไป ARV กล่าวเสริมว่า Horrus เป็นอีกหนึ่งใน Use Case ที่ประสบความสำเร็จ สามารถใช้งานได้จริงแล้วในพื้นที่วังจันทร์วัลเลย์ ซึ่ง Horrus ถือเป็นครั้งแรกที่มีการพัฒนาโดรนอัจฉริยะฝีมือคนไทยที่มีระบบ เอไอ เข้ามาเป็นหัวใจหลักในการทำงานด้วยเครือข่ายไร้สายอัจฉริยะ
นอกจากนี้ยังสามารถตรวจจับสิ่งผิดปกติและส่งแจ้งเตือนกลับมาที่ศูนย์ควบคุมได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในการบริหารจัดการความปลอดภัย และยังลดความเสี่ยงจากการปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงหรือมีข้อจำกัด อาทิ การใช้โดรนตรวจสอบการทำงานในพื้นที่โรงงาน หรือในพื้นที่สำรวจแหล่งก๊าซธรรมชาติ และโรงแยกก๊าซธรรมชาติ ในธุรกิจของกลุ่ม ปตท.ด้วย
————————————————————————————————————————-
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ / วันที่เผยแพร่ 11 ก.ค.66
Link : https://www.bangkokbiznews.com/tech/gadget/1077685