ตำรวจเกาหลีใต้ประกาศ จะไม่ลังเลที่จะใช้ปืนอีกต่อไปแล้ว หากเผชิญกับการก่ออาชญากรรมโดยใช้อาวุธมีดอีก หลังเกิดขึ้น 3 คดีติด
“เกาหลีใต้” ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่ปลอดภัย ในปี 2021 มีอัตราการเกิดคดีฆาตกรรมต่ำมาก ที่ 1.3 ต่อประชากร 100,000 คนเท่านั้น น้อยกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกถึงเกือบ 5 เท่า
แต่ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ในเกาหลีใต้กลับเกิดคดีฆาตกรรมและไล่แทงอุกอาจกลางเมืองต่อเนื่องกัน จนประชาชนพากันหวาดกลัว และไม่มั่นใจในความปลอดภัยของตัวเอง ว่าวันคืนดี หากเดิน ๆ อยู่จะถูกใครมาไล่แทงหรือไม่
เหตุไล่แทงครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม เกิดเหตุชายวันประมาณ 30 ปี ใช้อาวุธมีดไล่แทงคนในย่านซิลลิมดงของกรุงโซล บริเวณใกล้กับสถานีรถไฟใต้ดินซิลลิมดง เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บอีก 3 คน ขณะตำรวจเข้าควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้ตะโกนว่า “ผมไม่ต้องการมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว”
ผ่านไปราว 2 สัปดาห์ ในวันที่ 3 สิงหาคม ใกล้สถานีรถไฟใต้ดินซอฮยอน “ชเว” ชายหนุ่มวัย 23 ปี ได้ก่อเหตุขับรถชนคนเดินถนน ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 5 ราย จากนั้นวิ่งเข้าไปในห้างสรรพสินค้าใกล้เคียงและไล่แทงคนแบบไม่เลือกหน้า จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 9 ราย รวมมีผู้บาดเจ็บจากคดีนี้ 14 คน ในจำนวนนี้ยังอยู่ในภาวะวิกฤต 2 ราย
หลังเกิดเหตุการณ์นี้ ยุน ซ็อกยอล ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ได้ออกมาประณามเรื่องที่เกิดขึ้น “การโจมตีโดยใช้อาวุธมีดตามอำเภอใจที่สถานีซอฮยอนถือเป็นการก่อการร้ายต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ … รัฐบาลต้องระดมกำลังตำรวจทั้งหมดเพื่อให้แน่ใจว่าประชาชนไม่รู้สึกวิตกกังวล”
อย่างไรก็ดี ในวันที่ 4 สิงหาคม หลังประธานาธิบดียุนแถลงประณามไม่นาน ก็เกิดเหตุชายคนหนึ่งอายุราว 20 ปีใช้อาวุธมีดแทงครูโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในเขตแทด็อกของเมืองแทจอน โดยอ้างว่าเขาเป็นลูกศิษย์ของครูรายนี้ แต่เคราะห์ดีที่ผู้ถูกแทงไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต
เหตุการณ์แทงคนที่เกิดติดต่อกันเหล่านี้ยังทำให้มีคนบางกลุ่มออกมาสร้างสถานการณ์ ด้วยการขู่ว่าจะก่อเหตุเลียนแบบ หนึ่งในนั้นมีชายรายหนึ่งในวัย 20 ปีถือของมีคมเข้าไปที่สถานีขนส่งด่วนในเขตซอโชของกรุงโซล ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวไว้ได้
จากสถานการณ์เหล่านี้ ทำให้ทางตำรวจออกมาประกาศว่า พวกเขา “จะไม่ลังเล” ที่จะใช้อาวุธปืนอีกต่อไปแล้ว โดยบอกว่า นี่เป็นสถานการณ์ฉุกเฉินเร่งด่วน รวมถึงประกาศใช้โครงการริเริ่มด้านความปลอดภัยพิเศษ เพื่อจัดการกับความรุนแรงที่เกี่ยวข้องกับการใช้มีดและป้องกันอาชญากรรมเลียนแบบ
ยุน ฮีกึน ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติเกาหลีใต้ “เราจะใช้กำลังตำรวจให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น ตำรวจท้องที่ หน่วยตำรวจปราบจลาจล และตำรวจสอบสวน”
เขาเสริมว่า ตำรวจซึ่งได้รับอนุญาตให้พกปืนและเครื่องช็อตไฟฟ้าแต่มักจะลังเลที่จะใช้มัน จะไม่ลังเลที่จะใช้มันอีกต่อไปแล้ว หากเผชิญกับการก่ออาชญากรรมโดยใช้อาวุธมีด
ผบ.ตร.เกาหลีใต้ยังบอกอีกว่า นอกจากนี้ ตำรวจจะบังคับใช้บทบัญญัติความคุ้มกันอย่างแข็งขันสำหรับการบังคับใช้กฎหมาย โดยจะพิจารณาจากความปลอดภัยสาธารณะเป็นสำคัญ
“การตรวจค้นและซักถามจะดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย สำหรับผู้ต้องสงสัยที่ถือมีดหรือแสดงพฤติกรรมผิดปกติ … ขอความเข้าใจและความร่วมมือจากประชาชนอย่างเต็มที่” ยุน ฮีกึน กล่าว
ที่ผ่านมา ตำรวจเกาหลีใต้ถูกวิพากษ์วิจารณ์มาเสมอเมื่อเกิดเหตุร้ายว่า ตำรวจไม่สามารถตอบสนองหรือรับมือสถานการณ์ได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพพอ โดยบอกว่า ตำรวจเหมือน “ถูกจำกัดอย่างมาก” จากการใช้กำลัง แม้ในสถานการณ์ที่ควรจะต้องใช้
ภายในวงการตำรวจ มีความต้องการอย่างต่อเนื่องในการอนุญาตให้ตำรวจใช้กำลังมากขึ้นได้ในระหว่างการเผชิญหน้ากับผู้ต้องสงสัยที่ใช้ความรุนแรง เพื่อจับกุมตัว และปกป้องตนเองและประชาชนคนอื่น ๆ
ตามคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งในกรุงโซลบอกว่า “หลังเกิดเหตุการณ์โจมตีด้วยอาวุธมีดมากขึ้น เชื่อว่าความต้องการเหล่านี้จะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน”
นอกจากนี้ ทางด้านกระทรวงยุติธรรมเกาหลีใต้ก็เปิดเผยว่า กำลังทบทวนข้อเสนอแก้บทลงโทษในกฎหมายอาญา โดยจะนำโทษ “จำคุกตลอดชีวิตที่ไม่สามารถรอลงอาญาได้” มาใช้กับผู้ที่ก่อคดีในลักษณะดังกล่าว
ขณะเดียวกัน จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ตอนนี้ความต้องการสินค้าประเภทผลิตภัณฑ์เพื่อการป้องกันตัวในเกาหลีใต้กำลังเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากผู้คนต้องการหาอาวุธป้องกันตัวในกรณีที่เกิดเหตุไล่แทง
ตามข้อมูลของบริษัท Interpark แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในเกาหลีใต้ พบว่า จำนวนธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ป้องกันตัวเพิ่มขึ้น 123% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว
เนื่องจากความไม่ปลอดภัยและความวิตกกังวลกำลังทวีความรุนแรงขึ้นในหมู่ประชาชน ศาสตราจารย์ อี คยอน-ซู จากมหาวิทยาลัยเพ็กซ็อก ได้แนะนำให้ประชาชนพกอาวุธป้องกันตัวที่ไม่อันตรายถึงชีวิต
เขาแนะนำให้พกอาวุธที่สามารถใช้ได้โดยไม่คำนึงถึงอายุ เพศ และขนาดหรือพละกำลัง รวมถึงไม่ผิดกฎหมาย เช่น สเปรย์พริกไทย ปืนอัดแก๊สที่พ่นแก๊สพิษ หรือยิงแก๊ส หรือกระบองสามท่อน เพื่อป้องกันตัวเองในกรณีที่ถูกทำร้าย
“การมองตาหรือมือของผู้คนในขณะเดิน เดินทาง หรือใช้บริการขนส่งสาธารณะ ก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน เพราะคุณไม่มีทางรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น” เขากล่าวเสริม
ศาสตราจารย์อี กล่าวอีกว่า ในสถานการณ์ที่ถูกโจมตีด้วยมีด เหยื่อควรขอความช่วยเหลือเพื่อให้คนอื่น ๆ โทรแจ้งตำรวจ หากผู้สัญจรผ่านไปมาพบเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บุคคลนั้นควรหลบหนีไปยังอาคารใกล้เคียงทันที โทรหาตำรวจเพื่อขอความช่วยเหลือ และออกมาหลังจากที่ตำรวจมาถึงเพื่อจัดการกับสถานการณ์แล้ว
ศาสตราจารย์อียังแนะนำให้รัฐบาลเปิดตัวระบบติดตามอาชญากรรมแบบเรียลไทม์ ซึ่งสามารถแจ้งสถานการณ์เมื่อมีบุคคลที่ถืออาวุธอันตรายอยู่ในมือ หรือบุคคลที่ดูอันตราย เพื่อให้ประชาชนได้รับความปลอดภัยโดยเร็วที่สุด
เรียบเรียงจาก The Korea Herald / The Straits Times
ภาพจาก AFP
—————————————————————————————————————————————————
ที่มา : PPTV Online / วันที่เผยแพร่ 9 ส.ค.66
Link : https://www.pptvhd36.com/news/ต่างประเทศ/202901