นายพลกองทัพไนเจอร์ประกาศตัวเป็นผู้นำคนใหม่ของประเทศ หลังกระทำรัฐประหาร
นายพลผู้ทรงอำนาจชาวไนเจอร์ซึ่งก่อการรัฐประหารประกาศตนเป็นผู้นำคนใหม่ของประเทศ และเตือนว่าการแทรกแซงทางทหารของต่างชาติจะนำไปสู่ความโกลาหล
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันเสาร์ที่ 29 กรกฏาคม 2566 กล่าวว่า จากกรณีการก่อรัฐประหารในประเทศไนเจอร์โดยฝีมือของกองทัพ และมีการควบคุมตัวประธานาธิบดีโมฮาเหม็ด บาซูมไว้แล้วนั้น
ล่าสุด กองทัพได้ยึดอำนาจและส่งนายพลระดับสูงเข้าดำรงตำแหน่งผู้นำคนใหม่ของประเทศเรียบร้อยแล้ว
พลเอกอับดุลราห์มาน ทะเชียอานี ซึ่งเคยเป็นหัวหน้าหน่วยอารักขาประธานาธิบดีตั้งแต่ปี 2554 ได้ปรากฏตัวทางสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ และประกาศตัวว่าเป็น “ประธานสภาแห่งชาติเพื่อการปกป้องมาตุภูมิ”
นายพลวัย 50 ปี เป็นผู้เสนอการทำรัฐประหารเพื่อแก้ไข “ความเสื่อมโทรมของสถานการณ์ความมั่นคง” ที่เชื่อมโยงกรณีการต่อสู้นองเลือดกับนักรบญิฮาดซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธแบ่งเเยกดินเเดนชาวมุสลิม
แม้จะเผชิญกับการประณามจากนานาชาติสำหรับการยึดอำนาจจากประธานาธิบดีที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย แต่กองทัพที่ทำรัฐประหารก็ส่งเสียงเตือนถึงความโกลาหลที่จะเกิดขึ้นจากการแทรกแซงทางทหารของต่างชาติ
ในวันที่สามนับตั้งแต่ประธานาธิบดีถูกควบคุมตัว อดีตเจ้าอาณานิคมอย่างฝรั่งเศสได้ออกมาเรียกร้องให้มีการฟื้นฟูรัฐบาลประชาธิปไตยกลับคืนมาโดยเร็วที่สุด และประกาศยอมรับสถานะผู้นำประเทศของประธานาธิบดีโมฮาเหม็ด บาซูม คนเดียวเท่านั้น
การรัฐประหารในไนเจอร์ก่อให้เกิดความกังวลในประชาชาติแอฟริกา ซึ่งบรรดาผู้นำแอฟริกาตะวันตกจะประชุมกันในวันอาทิตย์ในกรุงอาบูจา เมืองหลวงของไนจีเรีย เพื่อหารือเกี่ยวกับความไม่สงบดังกล่าว
“ECOWAS และประชาคมระหว่างประเทศจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องประชาธิปไตยและรับประกันว่าการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยจะยังคงหยั่งรากอย่างมั่นคงในภูมิภาคนี้” โบลา อาเหม็ด ทินูบู ซึ่งเป็นประธานประชาคมเศรษฐกิจแห่งแอฟริกาตะวันตก (ECOWAS) กล่าวในแถลงการณ์ และเสริมว่า “ความทะเยอทะยานของชาวไนเจอร์ที่มีต่อระบอบประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญจะไม่ถูกล้มล้างโดยการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ”
ชาติตะวันตกทั้งสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกาขู่ว่าจะตัดความช่วยเหลือแก่ไนเจอร์และจะยุติการรักษาความปลอดภัยและความร่วมมือด้านอื่นๆ ภายหลังการกระทำของกองทัพถูกประณามว่าเป็น “การโจมตีอย่างร้ายแรงต่อเสถียรภาพและประชาธิปไตย”
นายพลทะเชียอานี ถูกตอบโต้จากอดีตรัฐมนตรีในรัฐบาลเดิมเช่นกันว่า ถ้อยแถลงที่อ้างเรื่องความมั่นคงนั้นเป็นการโกหก และการทำรัฐประหารนั้นเป็นไปเพื่อ “ผลประโยชน์ส่วนตัว”
แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับประธานาธิบดีบาซูมกล่าวว่า เขากำลังเตรียมการสั่งปลดทะเชียอานีอยู่ก่อนแล้ว แต่นายพลรู้ตัวเสียก่อนและชิงลงมือรัฐประหาร
โมฮาเหม็ด บาซูมและครอบครัวของเขาถูกควบคุมตัวตั้งแต่เช้าวันพุธ และถูกคุมขังไว้ในบริเวณทำเนียบประธานาธิบดีซึ่งตั้งอยู่ภายในค่ายทหารของกองกำลังรักษาการณ์ที่มีกำลังพล 700 นาย
ว่ากันว่าเขายังคงมีสุขภาพที่ดีและสามารถพูดคุยทางโทรศัพท์กับผู้นำแห่งรัฐอื่น ๆ ได้
ทั้งนี้ ไนเจอร์ไม่มีทางออกสู่ทะเล และเป็นหนึ่งในประเทศที่ยากจนที่สุดในโลก โดยมีประชากร 26 ล้านคน, มีพื้นที่ 2 ใน 3 เป็นทะเลทราย และมักอยู่ในอันดับท้ายสุดของเกณฑ์การพัฒนามนุษย์ของสหประชาชาติ
นับตั้งแต่ได้รับเอกราชจากฝรั่งเศสในปี 2503 ก็เกิดรัฐประหาร 4 ครั้งและความพยายามอื่น ๆ อีกหลายครั้ง ซึ่งรวมถึง 2 ครั้งก่อนหน้านี้ในสมัยของประธานาธิบดีโมฮาเหม็ด บาซูม
โดยบาซูมเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีหลังการเลือกตั้งเมื่อ 2 ปีก่อน ซึ่งเป็นการถ่ายโอนอำนาจอย่างสันติครั้งแรกของไนเจอร์นับตั้งแต่ได้รับเอกราช.
AFP
สหภาพยุโรปทยอยอพยพพลเมืองของตนออกจาก ‘ไนเจอร์’
ภายหลังการรัฐประหารของกองทัพในไนเจอร์หนึ่งสัปดาห์ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของฝรั่งเศสและอิตาลีประกาศผ่านทวิตเตอร์ว่า ตอนนี้ได้เริ่มอพยพพลเมืองของตนและชาวต่างชาติออกจากประเทศทางฝั่งแอฟริกาตะวันตกแล้ว
จากข้อมูลของแคเทอรีน โคลอนนา-รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของฝรั่งเศส ระบุว่า จำนวนคนที่ต้องอพยพออกจากเมืองหลวงนีอาเมของไนเจอร์มีทั้งสิ้น 260 คน ในจำนวนนั้นมีเด็กทารก 12 คน โดยที่เครื่องบินได้ลงจอดปลายทางที่ปารีส แต่ยังไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติมว่า ผู้ที่เดินทางออกจากไนเจอร์ด้วยเครื่องบินลำดังกล่าวประกอบไปด้วยพลเมืองชาติใดบ้าง
ส่วนเครื่องบินพิเศษอีกลำหนึ่งเดินทางออกจากไนเจอร์ถึงกรุงโรมตอนเช้าวันพุธ บนเที่ยวบินลำนี้มีผู้โดยสารทั้งหมด 87 คน เป็นชาวอิตาลี 36 คน ชาวอเมริกัน 21 คน ชาวบัลแกเรีย 4 คน และชาวออสเตรียอีก 2 คน นอกจากนี้ยังมีข้อมูลเพิ่มเติมด้วยว่า จะมีเครื่องบินลำที่สามบินไปรับผู้คนที่ต้องการอพยพออกจากไนเจอร์ ซึ่งฝรั่งเศสยื่นข้อเสนอว่า นอกจากพลเมืองของสหภาพยุโรปแล้ว จะยังเปิดรับพลเมืองนอกสหภาพยุโรปด้วย ตามรายงานพบว่ามีชาวฝรั่งเศสอาศัยอยู่ในไนเจอร์ราว 500-600 คน
ขณะนี้พรมแดนทางบกและทางอากาศระหว่างประเทศเพื่อนบ้านของไนเจอร์ทั้ง 5 ประเทศได้เปิดอีกครั้ง ทหารในกลุ่มรัฐประหารนายหนึ่งแถลงผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติไนเจอร์เมื่อวันอังคารว่า พรมแดนด้านที่ติดกับแอลจีเรีย, บูร์กินาฟาโซ, ลิเบีย, มาลี และชาด จะเปิดอีกครั้งนับ “ตั้งแต่วันนี้” หลังจากมีการสั่งปิดพรมแดนทางบกและทางอากาศทั้งหมดของประเทศในตอนเย็นของการรัฐประหาร
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กองทัพทำการรัฐประหารในไนเจอร์ และจับกุมประธานาธิบดีโมฮาเหม็ด บาซูม ซึ่งดำรงตำแหน่งมาตั้งแต่ปี 2021 เมื่อปลายสัปดาห์ นายพลอับดูราฮามาน ติอานี-หัวหน้าหน่วยอารักขาประธานาธิบดีคนก่อน ได้ประกาศแต่งตั้งตนเองเป็นผู้ปกครองรัฐคนใหม่ นับตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมาไนเจอร์นับเป็นประเทศที่สามในโซนซาเฮล ถัดจากมาลี และบูร์กินาฟาโซ ที่ประสบกับเหตุการณ์รัฐประหาร
แอนโทนี บลิงเกน-รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา กล่าวว่าได้โทรศัพท์ติดต่อกับคณะรัฐประหารในบาซูม แจ้งว่าสหรัฐฯ ต่อต้านความพยายามที่จะล้มล้างรัฐธรรมนูญทุกรูปแบบ แต่จะสนับสนุนการปกครองในระบอบประชาธิปไตย และเคารพในหลักนิติธรรมและสิทธิมนุษยชน.
————————————————————————————————————————-
ที่มา : ไทยโพสต์ / วันที่เผยแพร่ 29 ก.ค.66 , 3 ส.ค.66
Link : https://www.thaipost.net/abroad-news/422042/ , https://www.thaipost.net/abroad-news/424593/