ศูนย์ข่าวภาคใต้ – เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส สกัดจับรถขับหลบหนีด่านตรวจ พบผู้ต้องหาชาว อ.เทพา จ.สงขลา มีหมายจับคดีความมั่นคง 18 หมาย หลักฐานการจดบันทึกเฝ้าสังเกตความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่
วานนี้ (17 ก.ย.) เวลา 13.20 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ตั้งจุดตรวจบนทางหลวงหมายเลข 42 หน้าสถานีตำรวจภูธรปะลุกาสาเมาะ ได้ปรากฏรถยนต์เก๋ง 1 คันแสดงอาการพิรุธไม่ยอมขับเข้าจุดตรวจ แต่ได้กลับรถบริเวณกลางถนนและขับหลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ติดตามสกัดจับ ตรวจพบบุคคลภายในรถยนต์คันดังกล่าวเป็นชายจำนวน 5 คน โดยพบว่า หนึ่งในนั้นคือ นายอัซมัน เปาะเล๊าะ อายุ 28 ปี ภูมิลำเนา ต.ลำไพล อ.เทพา จ.สงขลา เป็นผู้มีหมายจับในคดีความมั่นคง จำนวน 18 หมาย
หมายจับนายอัซมัน ที่สำคัญได้แก่ ก่อเหตุลอบวางระเบิดและซุ่มโจมตีเจ้าหน้าที่ อส.ชุดคุ้มครองครูตำบลห้วยเต่า อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2562 เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 6 นาย ก่อเหตุลอบวางระเบิดชาวบ้านหาปลาและเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2565 ทำให้ประชาชนและเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสรวม 3 ราย และก่อเหตุลอบวางระเบิดขบวนรถไฟขนสินค้าสายหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2565 เป็นเหตุให้ขบวนรถไฟตกราง ตู้สินค้าได้รับความเสียหายจำนวนมาก รวมทั้งทำให้เจ้าหน้าที่การรถไฟที่เข้าไปกู้ซ่อมรางรถไฟถูกระเบิดซ้ำลูกที่สอง เสียชีวิต 3 ราย ได้รับบาดเจ็บ 4 ราย
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจค้นภายในรถยนต์พบหลักฐานการจดบันทึกเฝ้าสังเกตความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ รวมทั้งธงสัญลักษณ์ของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงจำนวนหนึ่ง จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยไปศูนย์ซักถามในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อขยายผลต่อไป
ทั้งนี้ ภายหลังทราบเหตุ พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติงานในศูนย์ซักถาม ให้ปฏิบัติต่อบุคคลที่ถูกควบคุมตัวตามหลักกฎหมายและตามหลักมนุษยธรรมอย่างเคร่งครัด โดยทุกขั้นตอนต้องมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้และต้องไม่กระทำการอันใดอันเป็นการละเมิดต่อหลักสิทธิมนุษยชนเป็นอันขาด
รวมทั้งหากประชาชนพบเห็นเบาะแสผู้กระทำผิด บุคคลที่มีพฤติกรรมต้องสงสัย โทร.แจ้งได้ที่หน่วยงานความมั่นคง หรือหมายเลขสายตรง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า หมายเลข 1341 หรือหมายเลขโทรศัพท์สายตรงผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 หมายเลข 06-1173-2999 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
อย่างไรก็ตาม ผู้ให้การสนับสนุนผู้กระทำผิดด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น การนำพาซ่อนเร้น การให้การสนับสนุนที่พักพิง หรือการสนับสนุนเสบียงอาหาร จะมีความผิดตามกฎหมาย ป.วิอาญา มาตรา 189 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
————————————————————————————————————————-
ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์ / วันที่เผยแพร่ 18 ก.ย.66
Link : https://mgronline.com/south/detail/9660000084073