เพชฌฆาตจากฟากฟ้า ถูกผลิตขึ้นมาเป็นอาวุธสงคราม มีอำนาจสังหารที่น่าสยอง ยากที่จะป้องกัน (แต่ก็มีวิธีป้องกัน) แสดงอิทธิฤทธิ์แบบเปิดเผย และปิดลับ สังหารฝ่ายตรงข้ามแบบ “ไม่รู้ว่ามันมาจากไหน” เป็นของใครวะ..?
สงครามในยูเครนผ่านไป 1 ปีเศษ เครื่องบินรบของรัสเซียสร้างความสูญเสียมหันต์ต่อกองทัพและประชาชนยูเครน หนีตายออกไปนอกประเทศราว 10 ล้านคน ยูเครนมีเครื่องบินรบที่ไม่เพียงพอ ไม่พร้อมใช้ ต้องหันมาใช้อาวุธต่อสู้อากาศยานประทับบ่าของอเมริกา ดักสอยนกเหล็กของรัสเซียร่วงไม่น้อย นั่นหมายถึงชีวิตของนักบินที่กว่าจะผลิตขึ้นมาได้ราคาแสนแพงต้องสูญไป
ช่วงกลางปี พ.ศ.2566 ทั้ง 2 ฝ่ายหันมาใช้โดรนถล่มกันเป็นหลัก
รัสเซียมีบริษัทที่เลือกแล้ว…ถูกใจจากประเทศหนึ่ง มีประสิทธิภาพ บินไปโจมตีเมืองที่มีประชาชนยูเครนเป็นหลัก ที่ตั้งทางทหาร ทั้งกลางวัน กลางคืน
โดรนจากประเทศนี้เลยกลายเป็นสินค้าขายดี ออเดอร์เพียบ
ยูเครน มีประเทศพันธมิตรมอบ “ระบบต่อต้านโดรน” มาให้ เพื่อทำลายโดรนที่บินเข้ามาในพื้นที่ เรื่องของโดรนและต่อต้านโดรน มีทั้ง “ยาสั่ง-ยาแก้” ประดุจนำรถเก๋งไปติดตั้ง “ระบบกันขโมย” แต่ก็มีมนุษย์อัจฉริยะหาวิธีระงับสัญญาณกันขโมยรถจนได้
มีข่าวบ่อยครั้งที่ “โดรนสังหาร” บินเข้าไปถึงย่านสำคัญในกรุงมอสโก ชนตึกระเบิดเสียหาย ที่สำคัญคือเสียหน้า สามัญสำนึกก็ต้องโทษยูเครนไว้ก่อน แต่แท้ที่จริงแล้ว…มาจากไหนก็ไม่รู้ หรือจะเป็นของฝ่ายเดียวกันที่ไม่พอใจปูติน
ล่าสุด…3 กันยายน 2566 ราว 20.00 น. โดรนของกองกำลังต่อต้านรัฐบาลทหารพม่า (PDF) ล่องไปในอากาศเงียบเชียบ…
โดรนนิรนามหย่อนระเบิดใส่สถานีตำรวจและค่ายทหาร 3 ลูกซ้อน แถมยังมีการซ้อนแผน ล่อเจ้าหน้าที่ระดับสูงเข้าตรวจที่เกิดเหตุก่อนทิ้งบอมบ์ถล่มซ้ำอีก 2 ลูก ตูมสนั่นกลางวงกลุ่มเจ้าหน้าที่ สังหารผวจ.เมียวดี พร้อม ผบ.พันทหาร ผกก.ตำรวจ
มีผู้เสียชีวิต 6 คน ประกอบด้วย นายอู โซติ้น ผู้ว่าราชการจังหวัดเมียวดี พ.ท.อ่องจ่อมิน ประธานทหารประสานงานชายแดนไทย-เมียนมา รักษาราชการ ผบ.กองพันทหารราบที่ 275 ส่วนหน้า พ.ต.ท.อ่องแทดวิน ผกก.สถานีตำรวจจังหวัดเมียวดี และนายตำรวจกับฝ่ายปกครองอีก 3 นาย ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ 10 ราย ในจำนวนนี้อาการสาหัส 5 คน
ปีศาจที่ไร้ความปรานีจากฟากฟ้าที่ไปถล่มเมียวดี เป็นโดรนขนาดใหญ่บรรทุกลูกปืน ค.60 (เรียกง่าย ๆ ว่าลูกกระสุนปืนครกขนาด 60 มม.) เป็นแบบเดียวกับที่ยูเครนคิด-ผลิตขึ้นเองในยามยาก
สงครามใหญ่-เล็กที่เกิดขึ้นในโลกในช่วงกว่า 20 ปีมานี้ โดรนคือ “นักฆ่า” ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาแบบไม่หยุด กลายเป็นสินค้าขายดี
ชีวิต ค่าใช้จ่ายในการผลิตนักบิน ต้องมีการฝึก ค่าใช้จ่ายด้วยราคาแพง ต้องมีค่ายทหาร ต้องมีบ้านให้อยู่ ฯลฯ ข้อดีของโดรนคือค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่ามาก ไม่เปลืองชีวิตมนุษย์
เชื่อมั้ยครับว่า…อากาศไร้คนขับ (โดรน) ตัวแรกถูกสร้างขึ้นเมื่อราว 100 ปีที่แล้ว
โดรนหรือ “อากาศยานไร้คนขับ (UAV)” คือเครื่องบินที่ “ไม่มีนักบิน” ถูกสร้างขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ทางการทหาร
พ.ศ.2458 ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ประเทศในยุโรปนำเครื่องบินมาใช้เพื่อการสงครามเป็นครั้งแรก อเมริกาไปร่วมสงคราม ใช้ไป-พัฒนาไปด้วย ในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 1 กองทัพสหรัฐเร่งพัฒนา ก้าวไปถึง “ตอร์ปิโดทางอากาศ”
พ.ศ.2482 กองทัพสหรัฐนำโดรนทหารลำแรกมาใช้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นผลสำเร็จ โดยการผลิตเครื่องบินควบคุมระยะไกลลำแรกที่เรียกว่า “Radioplane OQ-2”
พ.ศ.2516 ทหารอิสราเอลใช้ UAV ลำแรก เรียกว่า “โดรนมาสทิฟ” ยิวคิดผลิต UAV ที่ทันสมัยที่สุดในโลก มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงที่ทำให้สามารถส่งสัญญาณวิดีโอคุณภาพสูงบังคับจากระยะไกลได้
“โดรนตัวเก่ง” ของยิวลำนี้ บรรทุกน้ำหนักได้ 10 กิโลกรัม บินไกลได้ถึงระยะ 50 กิโลเมตร กองทัพอิสราเอลดิ้นรน ขวนขวาย คิดผลิตขึ้นมาเพราะถูกล้อมด้วยเพื่อนบ้านอาหรับที่ไม่ค่อยเป็นมิตร และจำนวนอากาศยานที่ไม่สัมพันธ์กับข้าศึก สนามรบ คือ ทะเลทราย
ความเก่งของยิวทำให้อเมริกาต้องมาขอพัฒนาร่วม
พ.ศ.2529 เกิด “โครงการพัฒนาร่วม” ระหว่างสหรัฐและอิสราเอล ผลผลิตคือ RQ2 Pioneer ซึ่งเป็นโดรน “สอดแนมขนาดกลาง” ซึ่งอัปเกรดจาก Tadiran Mastiff ที่ใช้ในกองทัพเรือสหรัฐ
ปล่อยขึ้นอากาศด้วยแท่นยิงจรวดบนเรือ เมื่อโดรนบินกลับมา จะมีตาข่ายรองรับ บรรทุกน้ำหนักได้ 34 กิโลกรัม
มหาอำนาจแข่งขันกันค้นคว้า ทดลอง วิจัย เป็นความลับสุดยอด เพราะประจักษ์ว่าเป็นอำนาจกำลังรบที่เฉียบขาด แม่นยำ ยากต่อการตรวจจับ พัฒนาให้ใหญ่ขึ้น บินไกลขึ้น ติดตั้งอาวุธได้มากขึ้น ทำงานในอากาศได้นานกว่า 30 ชั่วโมงขึ้นไป
ในเวลาเดียวกัน บางประเทศก็ผลิตมาเป็น “ของเล่น” ยอดฮิต ราคาไม่แพง มีขายทั่วไป เล่นกันเยอะ ขึ้นไปบนท้องฟ้า เป็นอันตรายต่ออากาศยาน จึงต้องออกกฎหมายควบคุมโดรนของเล่นที่มีขายกันในราคาตั้งแต่ 3,000 บาทขึ้นไป อาจบินไม่ได้สูงนักเนื่องจากไม่มีความจำเป็น เช่น สูงไม่เกิน 2,000 ฟุต และระยะที่ไปได้ไม่เกิน 2 กิโลเมตร แต่เทคโนโลยีปัจจุบันนั้นไปไกลมาก
มีข้อมูลว่า ระหว่างเดือนมกราคม 2555 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2556 การโจมตีทางอากาศโดยการปฏิบัติการพิเศษของสหรัฐ ในอัฟกานิสถาน ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 200 ราย ในจำนวนนั้นมีการผิดพลาดของหน่วยข่าวที่ “ชี้เป้า” ทำให้มีผู้เสียชีวิตจากการโจมตีทางอากาศไม่ใช่เป้าหมายที่ตั้งใจไว้
สหรัฐได้เพิ่มการใช้โดรนโจมตีอย่างมีนัยสำคัญในเชิงปริมาณช่วงประธานาธิบดีของโอบามาเมื่อเทียบกับสมัยของบุช
มีเกร็ดเล่ากันว่า บรรดาแม่ทัพ นักรบของกองกำลังอัลเคด้า “เกิดอาการสยอง” เมื่อต้องออกมาในที่โล่ง หรือขณะนั่งรถ หรือพูดโทรศัพท์ เพราะดาวเทียมบนฟ้าจะบ่งบอกว่า “คนนี้คือใคร” พิสูจน์ได้จากเสียงที่ดักฟังและบันทึกไว้แล้ว ยานพาหนะคันนี้ของใคร
ระบบการตรวจจับที่เซตไว้จะใช้เวลาเพียงสั้นๆ คอมพิวเตอร์ประมวลผลแล้วตัดสินใจ จะมีคำสั่งให้ “พยายาม” ลอยบนฟ้าในบริเวณใกล้เคียงพุ่งลงมาสังหารเหยื่อได้ทันที ขอย้ำว่าที่ ผิดเป้าก็มาก เพราะภาคพื้นดินกำหนดเป้าผิดตัว ข่าวกรองผิดพลาด
ขอใช้ข้อมูลจากสำนักข่าว BBC …
“…เพียงหนึ่งชั่วโมงหลังดวงอาทิตย์ขึ้นยามเช้าของ 31 ก.ค. ไอย์มาน อัล-ซาวาฮิรี ผู้นำอัลเคด้าที่ครองตำแหน่งมาอย่างยาวนาน เดินออกมาที่ระเบียงของบ้านที่เขาซ่อนตัวอยู่ ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางกรุงคาบูล ประเทศอัฟกานิสถาน ถือเป็นกิจกรรมที่อดีตผู้นำกองกำลังทหารปฏิบัติหลังการละหมาด
06.18 น. ตามเวลาท้องถิ่น ขีปนาวุธถูกยิงเข้าตรงระเบียงบ้าน ทำให้นายอัล-ซาวาฮิรี ในวัย 71 ปี เสียชีวิต แต่ภรรยาและลูกสาวที่อยู่ภายในบ้านนั้นไม่ได้รับบาดเจ็บ มีเพียงร่องรอยความเสียหายจากการโจมตีทิ้งไว้ตรงกลางของระเบียง…”
เจ้าหน้าที่ของสหรัฐเผยว่า กุญแจสำคัญ คือ ชนิดของขีปนาวุธที่ถูกใช้ในครั้งนี้ ซึ่งก็คือโดรนสังหาร “เฮลไฟร์” (Hellfire) ถือเป็นชนิดของขีปนาวุธอากาศสู่พื้นที่กลายเป็นอาวุธหลักในแผนปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายในต่างประเทศของอเมริกาหลังจากเหตุการณ์วินาศกรรมเขย่าโลกเมื่อ 11 ก.ย.2544
เทคโนโลยีขั้นสูง ทำให้ยิงขีปนาวุธ (มิสไซล์) ถูกปล่อยออกมาจากหลายแหล่ง ไม่ว่าจะเป็นจากเฮลิคอปเตอร์ ยานพาหนะภาคพื้นดิน เรือ อากาศยาน กรณีของนายซาวาฮิรี คือถูกยิงจากอากาศยานไร้คนขับ (โดรน)
นอกจากนั้น เชื่อว่า “เฮลไฟร์” เป็นอาวุธสังหารที่กองทัพสหรัฐใช้สังหารนายคาเซ็ม สุเลมานี นายพลอิหร่านในกรุงแบกแดด ช่วงต้นปี 2563 และยังสังหารผู้ก่อการร้ายไอเอส (IS) สัญชาติอังกฤษที่รู้จักกันในชื่อ “ญิฮาด จอห์น” ในซีเรีย ปี 2558
เฮลไฟร์จึงเป็นสุดยอดปรารถนา ถูกเลือกใช้เรื่อยมา
เรื่องแบบนี้ อเมริกาก็มิได้ปิดบัง ฮอลลีวู้ดนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ เปิดเผยทุกขั้นตอน สนุก ตื่นเต้น…คนสั่งยิง สั่งสังหาร นั่งจิบกาแฟอยู่ ห่างออกไปค่อนโลก ล็อกเป้า…จรวดพุ่งเข้าใส่ เป้าหมายถูกทำลาย ระเบิดเป็นจุณ แถมยังมาเป็นเกมให้เล่นกันสนุกสนาน ที่น่าดูชม คือ ที่หัวจรวดก็ติดกล้องถ่ายภาพให้เห็นตอนวิ่งเข้าชน
การใช้งานแบบ “กรอบเป้าหมาย” (Targeting brackets) บนจอ ผู้ควบคุมผ่านกล้องสามารถ “ล็อก” เป้าหมายและเล็งด้วยเลเซอร์ เมื่อมิสไซล์ถูกยิงออกไปแล้ว ก็จะพุ่งตามวิถีของเลเซอร์นั้นจนกว่าจะพุ่งชนเป้าหมาย
โดรนมิใช่ทำแต่เรื่องร้าย ๆ เกษตรกรไทยจำนวนมากใช้โดรนโปรยเมล็ดพันธุ์พืช พ่นยา ใช้แสดงแสง สี เสียงบนท้องฟ้า ใช้ตรวจการณ์พื้นที่ห่างไกล เฝ้าระวังไฟป่า ทำได้สารพัด
ปัจจุบันมีการใช้งาน 6 ชนิด คือ (1) ใช้เป็นเป้าซ้อมยิงจากพื้นดินหรือเอาไว้บินลวงข้าศึก (2) ใช้ลาดตระเวนเพื่อการรบ (3) ใช้บินโจมตี (4) ใช้สำหรับส่งกำลังบำรุง (5) ใช้สำหรับการตรวจสอบทางภูมิศาสตร์ (6) ใช้สำหรับการเกษตร
เห็นในสารคดีแล้วชื่นใจ เกษตรกรไทยบางส่วนสร้างผลผลิตได้เป็นกอบเป็นกำ ขอแค่ “ผู้บังคับโดรน” ที่ต้องฝึกฝนการใช้ให้ชำนาญ
มาถึง พ.ศ.นี้ เกิดการผลิต “โดรนล่าสังหารโดรน” ขึ้นแล้ว
ใครส่งแกมาไม่สำคัญ…ฉันมีโดรนคอยตรวจจับลอยอยู่บนฟ้าเพื่อ “ล่าสังหาร” โดยไม่ต้องนั่งเฝ้า สั่งการให้เสียเวลา “ยิง ลืม และค้นหา” (fire, forget and find)
หยุดไม่ไหว…ไปไกลแล้ว มีโดรนที่บินด้วยความเร็วชนิดที่เรียกว่า “ไฮเปอร์โซนิก” (Hypersonic)ทำความเร็วเกินกว่ามัค 5 หรือ 5 เท่าของความเร็วเสียง บินสูงถึง 50,000 ฟุต ในรัศมีทำการ 200 กิโลเมตร
ที่กล่าวมานี้…มีขายแบบสำเร็จรูป เลือกแบบจะนำมาใช้ทางการเกษตร ทางการสำรวจ ทางทหาร ฯลฯ ตัดสินใจซื้อ ฝึกฝนแล้วนำมาใช้…
ผู้เขียน พลเอก นิพัทธ์ ทองเล็ก
—————————————————————————————————————————————————
ที่มา : มติชนออนไลน์ / วันที่เผยแพร่ 11 ก.ย.66
Link : https://www.matichon.co.th/columnists/news_4173231