ผู้ขอลี้ภัยยังคงทะลักเข้าสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง ตามแนวชายแดนสหรัฐฯ ที่ติดกับเม็กซิโกเต็มไปด้วยผู้คนที่พยายามข้ามแดน
การไหลทะลักเข้ามาของผู้ขอลี้ภัยที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ ทำให้ประธานาธิบดีไบเดนประกาศสร้างกำแพงกั้นชายแดนเพิ่มเติม
นี่อาจเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายผู้อพยพครั้งสำคัญของประธานาธิบดีไบเดน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เขาได้ออกมาต่อต้านนโยบายนี้ของทรัมป์ และประกาศว่าจะผลักดันแผนการรับผู้อพยพเข้าเป็นพลเมือง
ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ ได้ใช้อำนาจยกเว้นกฎหมาย 26 ฉบับในพื้นที่ทางตอนใต้ของรัฐเท็กซัส เพื่อดำเนินการสร้างกำแพงชายแดนป้องกันผู้ขอลี้ภัยลักลอบเข้าประเทศ
ฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีไบเดน ประกาศว่า จะขยายโครงการก่อสร้างกำแพงชายแดนเพื่อป้องกันผู้ขอลี้ภัยที่ทะลักเข้ามากเป็นประวัติการณ์ พร้อมย้ำว่า การประกาศดังกล่าว ไม่ได้เป็นการผิดคำมั่นสัญญาของประธานาธิบดีไบเดนที่รับปากไว้เมื่อครั้งที่ได้รับตำแหน่งว่า จะไม่ใช้เงินของผู้เสียภาษีไปสร้างกำแพงดังกล่าว และยืนยันว่าไม่ได้สนับสนุนการสร้างกำแพง เพราะไม่ใช่แนวทางแก้ไขปัญหาที่ถูกต้อง
ส่วนงบประมาณที่สานต่อโครงการนี้ ฝ่ายบริหารประธานาธิบดีไบเดน ระบุว่า เป็นเงินงบประมาณที่คงเหลือจากเมื่อครั้งที่ได้รับการอนุมัติโครงการสมัยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อปี 2019 และกฎหมายได้กำหนดว่าจะต้องใช้เงินจำนวนดังกล่าวในตอนนี้
ความเคลื่อนไหวนี้ ดูเหมือนเป็นการเปลี่ยนแปลงท่าทีนโยบายผู้อพยพครั้งสำคัญของประธานาธิบดีโจ ไบเดน เพราะในช่วงที่ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีและประกาศสร้างกำแพงกั้นชายแดน ไบเดนออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับประเด็นนี้
นอกจากนี้ ในช่วงการหาเสียงเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในการเลือกตั้งเมื่อปี 2020 ไบเดนก็เคยประกาศย้ำจุดยืนนี้ว่า ไม่เห็นด้วยกับการสร้างกำแพง
นี่ทำให้เมื่อคืนที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวได้สอบถามประธานาธิบดีไบเดนว่า ทำไมจึงมีการเปลี่ยนนโยบายที่เคยประกาศไว้
ประธานาธิบดีไบเดน ได้ตอบคำถามนี้ โดยระบุว่า โครงการก่อสร้างกำแพงชายแดนเป็นเงินงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรมาในสมัยประธานาธิบดีทรัมป์ ตัวเขาเองพยายามให้สภาคองเกรสเพิกถอนงบประมาณนี้ไปใช้อย่างอื่น แต่ไม่มีการดำเนินการใด ๆ
ซึ่งเท่ากับว่า รัฐบาลต้องนำเงินส่วนนี้ไปดำเนินการในโครงการนี้ต่อ และย้ำว่า กำแพงป้องชายแดน ใช้ไม่ได้ผลในการสกัดคลื่นผู้ขอลี้ภัย
หลังการประกาศของฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีไบเดนอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมาโพสต์โจมตีเสียดสีผ่านสื่อสังคมออนไลน์ทันที ทรัมป์ระบุว่า เป็นเรื่องน่าสนใจมากที่โจ ไบเดน ฝ่าฝืนกฎหมายสิ่งแวดล้อมทุกมาตราเพื่อพิสูจน์ว่า ตัวทรัมป์นั้นทำในสิ่งที่ถูกต้อง นั่นคือการสร้างกำแพงป้องกันชายแดนใหม่เอี่ยมที่มีความยาว 560 ไมล์ หรือกว่า 900 กิโลเมตร ซึ่งนี่ถือเป็นความสำเร็จของรัฐบาลของเขา พร้อมกันนี้ ทรัมป์ยังได้เรียกร้องให้ไบเดนออกมาขอโทษเขาและประเทศ ที่ทำให้ต้องเผชิญกับคลื่นผู้ขอลี้ภัยที่ผิดกฎหมาย 15 ล้านคน ซึ่งหลั่งไหลมาจากพื้นที่ต่าง ๆ
ความเคลื่อนไหวของรัฐบาลบริหารของประธานาธิบดีไบเดนในการประกาศขยายโครงการสร้างกำแพงป้องกันชายแดนเป็นระยะทางประมาณ 32 กิโลเมตร เกิดขึ้นในห้วงเวลาที่ผู้ขอลี้ภัยจำนวนมากทะลักจากเม็กซิโกเข้าสู่สหรัฐฯ มากเป็นประวัติการณ์ ทำให้ทางการสหรัฐฯ ต้องมีมาตรการจำเป็นเร่งด่วนในการสร้างสิ่งกีดขวางเพื่อป้องกันบริเวณชายแดน ที่เป็นจุดที่มีผู้ขอลี้ภัยเดินทางเข้าประเทศจำนวนมาก
แนวชายแดนของสหรัฐฯ ที่ติดกับเม็กซิโกมีความยาวกว่า 3,200 กิโลเมตร จุดที่มีผู้ขอลี้ภัยเดินทางเข้าสหรัฐฯ อย่างผิดกฎหมายมากที่สุด คือ บริเวณหุบเขาริโอแกรนด์ ของรัฐเท็กซัส ข้อมูลของรัฐบาลสหรัฐฯ ชี้ว่า เฉพาะพื้นที่นี้ ณ ช่วงปีงบประมาณปัจจุบัน มีคนเดินทางเข้ามายังสหรัฐฯ อย่างผิดกฎหมายแล้วประมาณ 245,000 คน
โดยเดือนกันยายนที่ผ่านมา มีผู้ข้ามแดนมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ผู้ขอลี้ภัยส่วนใหญ่มาจากประเทศกัวเตมาลา ฮอนดูรัส และเอลซัลวาดอร์ ซึ่งเป็นประเทศที่ได้ชื่อว่า ไม่มั่นคงและอันตรายที่สุดในโลก
นอกจากนี้ ยังมีประเทศเวเนซุเอลา เม็กซิโก และรวมถึงหลายประเทศในทวีปแอฟริกา เช่น แคมเมอรูน ซึ่งประเทศเหล่านี้ล้วนมีปัญหาความไม่สงบทางการเมือง มาเฟีย และความรุนแรงเช่นกัน
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา รัฐบาลฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีไบเดนได้ออกกฎใหม่ที่เข้มงวดขึ้น หลังจากที่ข้อบังคับ Title 42 สมัยประธานาธิบดีทรัมป์ได้หมดอายุลงเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา กฎหมายดังกล่าวทำให้คลื่นผู้ขอลี้ภัยสงบอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง ก่อนจะกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง โดยส่วนหนึ่งได้รับแรงหนุนมาจากกลุ่มผู้ขอลี้ภัยจากเวเนซุเอลาที่หนีปัญหาเศรษฐกิจและความวุ่นวายทางการเมือง อย่างไรก็ดี หลังจากรัฐบาลไบเดนประกาศเดินหน้าสร้างกำแพง สถานการณ์ที่ชายแดนยังคงเต็มไปด้วยผู้ขอลี้ภัยที่พยายามเข้าสหรัฐฯ
ส่วนสถานการณ์บริเวณชายแดน หลังการประกาศสร้างกำแพงต่อเมื่อวานนี้ ยังมีผู้ขอลี้ภัยทะลักเข้าสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง โดยจำนวนมากทิ้งเสื้อผ้าและข้าวของไว้ตามรั้วลวดหนาม และหลายคนยังไม่ทราบชะตากรรมของตัวเองว่าจะถูกนำตัวไปที่ใด
ภาพมุมสูงที่เผยให้เห็นเสื้อผ้าและข้าวของของผู้ขอลี้ภัยที่ติดตามรั้วลวดหนามในเมืองอีเกิล พาส (Eagle Pass) ของรัฐเท็กซัส ซึ่งอยู่ติดชายแดนเม็กซิโก
ส่วนนี่ คือ ภาพของผู้คนที่ลุยข้ามแม่น้ำริโอแกรนด์ไปถึงฝั่งสหรัฐฯ และเข้าแถวต่อคิวเพื่อเดินเข้าไปจำนนกับเจ้าหน้าที่หน่วยลาดตระเวนชายแดนของสหรัฐฯ ทั้งนี้หลังผู้ขอลี้ภัยเหล่านี้ ได้เดินทางเข้าไปสหรัฐฯ พวกเขาได้เดินเรียงแถวไปยังจุดพักพิงที่ทางการจัดสรรให้ ก่อนจะถูกนำตัวไปดำเนินการตามขั้นตอน
หนึ่งในผู้ขอลี้ภัยชาวเอกวาดอร์คนหนึ่งเล่าว่า หลังจากที่ครอบครัวของเธอ ซึ่งรวมถึง ลูก ๆ สามี และหลาน ได้เดินทางข้ามชายแดนเข้าไปยังรัฐเท็กซัส พวกเขาถูกจับแยกออกจากกัน ตอนนี้เธอรู้สึกเหนื่อยและเสียใจมากที่ต้องมาอยู่ในสหรัฐฯในสภาพแบบนี้
——————————————————————————————————————————————
ที่มา : PPTV / วันที่เผยแพร่ 9 ก.ค.66
Link :https://www.pptvhd36.com/news/ต่างประเทศ/207464