พาสปอร์ต ถือเป็นเอกสารยืนยันตัวตนเวลาเดินทางไปต่างประเทศ หากเกิดการลืมหรือเสียหายถือเป็นเรื่องร้ายแรงสร้างความยุ่งยาก เวลาไปไหนมาไหนจึงต้องเฝ้าระวังอยู่ตลอด แต่จะเป็นอย่างไรถ้ามีระบบ หนังสือเดินทางดิจิทัล ที่บรรจุข้อมูลทั้งหมดไว้ในสมาร์ทโฟน
หนึ่งในเอกสารสำคัญที่ขาดไม่ได้ในการเดินทางไปต่างประเทศคือ พาสปอร์ต เอกสารที่ถูกใช้ยืนยันตัวตนและรับรองสัญชาติของผู้ถือครองที่ออกโดยรัฐบาลแต่ละประเทศ หนังสือเดินทางจะช่วยยืนยันตัวตนและความน่าเชื่อถือของเราเมื่อเดินทางไปต่างแดน จึงมีความสำคัญเทียบเท่ากับบัตรประจำตัวประชาชน
อย่างไรก็ตามด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป เทคโนโลยีเริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน เริ่มมีการแปลงข้อมูลเอกสารเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์เพื่อสะดวกในการเชื่อมโยงและเข้าถึง เช่นเดียวกับหลายภาคส่วนเริ่มปรับตัวรองรับระบบการทำงานออนไลน์มากขึ้น จึงเริ่มมีการผลักดันการใช้งานให้อยู่ในระบบอิเล็กทรอนิกส์ นำไปสู่แนวคิดในการผลักดันเทคโนโลยีหนังสอเดินทางดิจิทัล ทำให้จากนี้เราอาจไม่ต้องพกหนังสือเดินทางอีกต่อไป
มิติใหม่แห่งการเดินทาง พาสปอร์ตดิจิทัล
ประเทศแรกที่เริ่มทดลองนำหนังสือเดินทางดิจิทัลมาใช้งานคือ ฟินแลนด์ ประเทศที่ได้ชื่อว่ามีความสุขที่สุดบนโลก และพวกเขาจะมีความสุขเพิ่มขึ้นไปอีก เมื่อเริ่มมีการนำ Digital Travel Credentials (DTC) ระบบหนังสือเดินทางดิจิทัล มาทดลองการใช้งาน ส่งผลให้ประชากรในประเทศเดินทางไปต่างประเทศได้ด้วยสมาร์ทโฟนเพียงเครื่องเดียว
การใช้งาน DTC จะเริ่มต้นจากการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน FIN DTC Pilot จากนั้นเมื่อกรอกข้อมูลเสร็จสิ้นก็ให้นำหนังสือเดินทางเพื่อยืนยันตัวตนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในจุดให้บริการที่กำหนด ระบบจะใช้เวลาประมาณ 36 ชั่วโมงเพื่อตรวจสอบข้อมูล เท่านี้หนังสือเดินทางดิจิทัลก็จะพร้อมสำหรับใช้งาน
โครงการหนังสือเดินทางดิจิทัลถูกออกแบบมาเพื่อความสะดวกในการเดินทางระหว่างประเทศ ช่วยให้การข้ามพรมแดนเป็นไปได้สะดวกและรวดเร็ว โดยทางสนามบินจะนำเทคโนโลยีจดจำใบหน้ามาใช้งานในการตรวจสอบตัวตน เพื่อใช้ยืนยันข้อมูลระหว่างผู้ใช้งานกับข้อมูลในแอปพลิเคชัน
ด้วยการยืนยันข้อมูลผ่านระบบดิจิทัลนี้เอง จะช่วยลดระยะเวลาที่ต้องเสียในสนามบินลงมาก คาดว่าหนังสือเดินทางดิจิทัลจะช่วยให้ด่านตรวจคนเข้าเมืองทำงานได้เร็วขึ้นถึง 30% อีกทั้งยังเพิ่มความสะดวกในการเดินทางของผู้ใช้งาน ด้วยสามารถใช้แอปพลิเคชันยืนยันตัวตนโดยไม่ต้องพกหนังสือเดินทางเป็นเล่มอีกต่อไป
ปัจจุบันโครงการยังอยู่ในขั้นทดลองจึงมีขอบเขตการใช้งานจำกัด โดยสามารถใช้ระบบ DTC นี้ในการเดินทางจากสนามบินเฮลซิงกิ สู่เมืองแมนเชสเตอร์ ลอนดอน และเอดินบาระ ผ่านสายการบินแห่งชาติ Finnair เป็นหลัก และมีแนวโน้มจะขยายการใช้งานหนังสือเดินทางดิจิทัลเพิ่มเติมในอนาคต
โดยการทดลองใช้นี้จะดำเนินไปจนถึงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2024 แล้วนำผลตอบรับที่ได้มาปรับปรุงระบบต่อไป
สู่อนาคตที่ทุกอย่างจบได้ด้วยสมาร์ทโฟนเครื่องเดียว
หนังสือเดินทางดิจิทัลฟังดูเป็นเรื่องแปลกใหม่น่าตื่นตา แต่อันที่จริงเรามีการผลักดันระบบอิเล็กทรอนิกส์ขึ้นรองรับการใช้งานด้านต่างๆ มาพักใหญ่ เห็นได้ชัดจากข้าวของรอบตัวเราทุกวันนี้ ตั้งแต่บัตรรถโดยสาร บัญชีธนาคาร หรือแม้แต่การชำระเงินเอง ก็มีการใช้งานในรูปแบบดิจิทัลอย่างแพร่หลาย
ในส่วนของการเดินทางระหว่างประเทศเอง ปัจจุบันระบบการยื่นขอเอกสารการเดินทางหรือวีซ่าเริ่มรองรับระบบออนไลน์มากขึ้น เพื่อเพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้ใช้บริการ ส่วนนี้สามารถเห็นได้จากระบบการทำงานของหลายประเทศรวมถึงไทยที่รองรับระบบดิจิทัลกันมากขึ้น
จุดหมายสำคัญในการพัฒนาหนังสือเดินทางดิจิทัลนี้คือ เพิ่มความสะดวกในการเดินทางให้แก่ผู้โดยสาร ช่วยให้การเดินทางและท่องเที่ยวทำได้คล่องคัว ไม่จำเป็นต้องพกพาหนังสือเดินทางเป็นเล่มๆ อาศัยสมาร์ทโฟนเพียงเครื่องเดียวในการสแกน ก็ช่วยยืนยันตัวตนให้แก่นักท่องเที่ยวได้ทันที
แนวทางนี้จะช่วยลดผลกระทบจากการการสูญเสียหนังสือเดินทางโดยไม่ตั้งใจ รวมถึงความเสียหายที่เกิดจากการเดินทางลงมาก เพราะไม่ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการเตรียมเอกสารไปจนติดต่อขอทำพาสปอร์ตใหม่ให้วุ่นวาย เพียงล็อกอินเข้าสู่ระบบพาสปอร์ตนี้ก็พร้อมสำหรับการใช้งาน
แน่นอนว่าฟินแลนด์ไม่ใช่ประเทศเดียวที่เริ่มผลักดันหนังสือเดินทางดิจิทัล หลายประเทศเริ่มเล็งเห็นความสำคัญในการใช้งานส่วนนี้ เช่น โครเอเชียที่มีแนวทางเข้าร่วมการทดสอบระบบ DTC เตรียมเชื่อมพรมแดนและอาจพร้อมเปิดใช้หนังสือเดินทางดิจิทัลในช่วงปลายปี เช่นเดียวกับ แคนาดา และ เนเธอร์แลนด์ ที่มีโครงการ Known Traveler Digital Identity เช่นกัน
โดยมีการตั้งเป้าหมายว่า ผู้โดยสารเที่ยวบินข้ามประเทศในยุโรปจะใช้งานระบบ DTC กันราว 80% ภายในปี 2030
สำหรับประเทศไทยก็เริ่มมีการพัฒนาเทคโนโลยี ผลักดันภาครัฐให้เข้าสู่รัฐบาลยุคดิจิทัลมากขึ้น ล่าสุดเริ่มมีแนวคิดในการวางระบบหนังสือเดินทางดิจิทัล โดยเริ่มมีการใช้ระบบ e-VISA เพื่อเพิ่มความสะดวกในการขอเอกสารและปรับปรุงให้พร้อมรองรับระบบดิจิทัลให้มากขึ้นเช่นกัน
ตอนนี้เราคงต้องรอดูกันต่อไปว่าระบบหนังสือเดินทางดิจิทัลในบ้านเราจะได้รับพัฒนาให้พร้อมใช้งานเมื่อใด
ที่มา
https://www.cntraveler.com/story/finland-is-testing-the-worlds-first-digital-passport-screening
https://www.thaipost.net/hi-light/339963/
https://newatlas.com/technology/digital-passports-finland/
https://raja.fi/en/-/finns-are-the-first-in-the-world-to-test-a-digital-travel-document
————————————————————————————————————————————-
ที่มา : โพสต์ทูเดย์ / วันที่เผยแพร่ 10 ต.ค.66
Link : https://www.posttoday.com/international-news/700059