ผบ.ตร. แถลงผลการปฎิบัติการ “Gun Clearanc Operation“ สนธิกำลังตำรวจหน่วยปราบปราม บุกค้นตรวจยึดจับกุมคดีปืนผิดกฎหมายทั่วประเทศ ของกลางจำนวนมาก ผู้ต้องหากว่า 1.5 พันคน เซ่นเหตุเด็กชาย 14 ปี กราดยิงพารากอน
เมื่อวันที่ 12 ต.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. รรท. รอง ผบ.ตร. ร่วมกันแถลงผลปฎิบัติการกวาดล้างจับกุมอาวุธปืนผิดกฎหมายทั่วประเทศ “Gun Clearanc Operation” โดยใช้กองกำลังจากกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ บช.สอท. กองบัญชาการตำรวจนครบาล กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1-9 และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(บช.ก.)
ลงพื้นที่สืบสวนหาเบาะแสผู้กระทำความผิดจนนำมาสู่การขอศาลอนุมัติออกหมายค้น และเข้าตรวจค้นเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่าย ดัดแปลง และซื้อขายอาวุธปืนรวม 3,224 จุด จับกุมผู้กระทำผิด 1,593 คดี มีผู้ต้องหา 1,585 คน และตรวจยึดอาวุธปืน และเครื่องกระสุนผิดกฎหมายได้จำนวนมาก ประกอบด้วย อาวุธปืนไม่มีทะเบียน แบลงค์กัน และปืนบีบีกัน 1,789 กระบอก ในจำนวนนี้มีแบลงค์กัน 528 กระบอก ปืนบีบีกัน 202 กระบอก อาวุธปืนมีทะเบียน ซึ่งเป็นของบุคคลอื่น หรือปืนผิดมือ 219 กระบอก และ เครื่องกระสุน 75,973 นัด
ทั้งนี้กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ยังร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการปิดกั้นสื่อสังคมออนไลน์ที่กระทำความผิดเกี่ยวข้องกับอาวุธปืน ประกอบด้วย Facebook 79 บัญชี TikTok 14 บัญชี X (Twitter) 148 บัญชี YouTube 26 ช่อง และ Instagram 14 บัญชี รวม 291 รายการ
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้มีการระดมกวาดล้างอาวุธปืนมาอย่างต่อเนื่อง เพราะเล็งเห็นว่าเป็นภัยสังคมที่ต้องกวาดล้าง โดยจากสถิติการก่ออาชญากรรมพบว่าส่วนใหญ่ผู้ก่อเหตุจะใช้ปืนผิดกฎหมาย และแบลงก์กันมีส่วนน้อยที่จะใช้ปืนถูกกฎหมายก่อเหตุ อีกทั้งยังได้เชิญตัวแทนผู้ประกอบการแอปพลิเคชันจำหน่ายสินค้าออนไลน์ และบริษัทรับส่งพัสดุ เพื่อช่วยตรวจสอบป้องกันไม่ให้มีการจำหน่าย และส่งอาวุธปืนผิดกฎหมาย เพราะที่ผ่านมายังไม่มีการตรวจสอบจากต้นทาง จึงทำให้การจำหน่ายและส่งอาวุธปืนผิดกฎหมายทำได้โดยง่าย
อย่างไรก็ตาม ปฎิบัติการครั้งนี้สืบเนื่องมาจากเหตุการณ์เด็กอายุ 14 ปี ก่อเหตุกราดยิงประชาชนในห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน เมื่อวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา จึงเรียกประชุมคณะทำงาน และได้มอบหมายงานให้ พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ดูแลงานสืบสวน ให้ดำเนินมาตรการเชิงรุก โดยให้ทุกหน่วยเพิ่มความเข้มในการบังคับใช้กฎหมาย และระดมกำลังทั่วประเทศในการกวาดล้างอาชญากรรม ในห้วงระหว่างวันที่ 9-11 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายหลักคือ การทำความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน, อาวุธสงคราม, เครื่องกระสุน และการลักลอบจำหน่ายอาวุธปืนโดยผิดกฎหมาย ทั้งทางออฟไลน์ และออนไลน์ รวมทั้งปิดกั้นสื่อสังคมออนไลน์ทุกประเภท ที่มีการลักลอบซื้อขาย ดัดแปลง แก้ไข อาวุธปืนผิดกฎหมาย
นอกจากนี้ยังเชื่อว่าปฎิบัติการครั้งนี้ จะทำให้ความรุนแรงของอาชญากรรม และการกระทำผิดกฏหมายเกี่ยวกับอาวุธปืนลดลง ซึ่งยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน นักท่องเที่ยว และนักลงทุนต่างชาติ อันจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ และภาพลักษณ์ของประเทศ โดยจะเดินหน้ากวาดล้างจับกุมอย่างต่อเนื่องต่อไป ซึ่งหากประชาชนพบเบาะแสการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนและอาชญากรรม สามารถแจ้งมาได้ที่สายด่วน 191 และ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
————————————————————————————————————————————-
ที่มา : เดลินิวส์ออนไลน์ / วันที่เผยแพร่ 12 ต.ค. 66
Link : https://www.dailynews.co.th/news/2802884/