ภาพ : AFP/Roslan Rahman
เมื่อ 3 ต.ค.66 นาง Josephine Teo รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการสื่อสารและสารสนเทศ และรัฐมนตรีคนที่สองกระทรวงมหาดไทยของสิงคโปร์ แถลงต่อรัฐสภา หลังมีสมาชิกรัฐสภามากกว่า 20 คน ตั้งคำถามเกี่ยวกับประสิทธิภาพของรัฐบาลในการดำเนินการกรณีคดีฟอกเงินครั้งใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์เมื่อไม่นานมานี้ รวมถึงมาตรการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินของสิงคโปร์ต่ออาชญากรต่างชาติ
คดีฟอกเงินดังกล่าวเกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติ 10 คน และทรัพย์สินที่ถูกยึดหรืออายัดไว้มากกว่า 2.04 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (7.56 หมื่นล้านบาท) ซึ่งได้มาจากการก่ออาชญากรรมในต่างประเทศ รวมถึงการหลอกลวง และการพนันออนไลน์ มีการยึดทรัพย์สิน 152 รายการ ยานพาหนะ 62 คัน กระเป๋าหรู 294 ใบ เครื่องประดับ 546 ชิ้น และอื่น ๆ อีกจำนวนมาก
นาง Teo กล่าวว่า มาตรการป้องกันการฟอกเงินได้ “สร้างขึ้นอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ” ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ครอบคลุมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ สถาบันการเงิน ธุรกิจจดทะเบียน และสำนักงานครอบครัว (Family offices) หรือบริษัทที่ดูแลผลประโยชน์ของครอบครัวที่ร่ำรวย ตลอดจนผู้ค้าอัญมณีและโลหะมีค่า ฯลฯ
รัฐบาลกำหนดให้สถาบันการเงิน เช่น ธนาคาร ธนาคารกลางสิงคโปร์ ดำเนินกระบวนการ “รู้จักลูกค้าของคุณ” เมื่อมีการเปิดบัญชี โดยการตรวจสอบวิเคราะห์สถานะของลูกค้าในการทำธุรกรรมอย่างเข้มงวด หากลูกค้ามีพฤติกรรมที่ผิดปกติ สถาบันการเงินจะต้องแจ้งและยื่นรายงานธุรกรรมที่น่าสงสัย (STR) ต่อรัฐบาลทันที เช่น หากลูกค้าปฏิเสธการให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง หรือจงใจให้ข้อมูลเท็จ หรือทำให้เข้าใจผิดเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ เป็นต้น หากสถาบันการเงินเพิกเฉยและไม่ยื่น STR จะถือเป็นความผิด
สำหรับอสังหาริมทรัพย์ เจ้าของบ้าน ทนายความ และนักบัญชีจะต้องตรวจสอบผู้เช่าหรือผู้ซื้อในลักษณะเดียวกัน นอกจากนี้ ชาวต่างชาติจะไม่ได้รับอนุญาตให้ซื้อหรือถือครองอสังหาริมทรัพย์หากไม่ได้รับการอนุมัติภายใต้พระราชบัญญัติที่พักอาศัย (Residential Property Act) และชาวต่างชาติที่ไม่ใช่ผู้อยู่อาศัยถาวรจะได้รับอนุญาตให้เป็นเจ้าของที่ดินได้เฉพาะในเกาะเซนโตซาเท่านั้น หากตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ไม่ปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวอาจถูกปรับสูงสุด 200,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (5.4 ล้านบาท)
การจัดตั้งบริษัทในสิงคโปร์ หน่วยงานด้านการบัญชีและกำกับดูแลองค์กร (ACRA) จะต้องคัดกรองเจ้าหน้าที่และผู้ถือหุ้นทั้งหมดในทะเบียนของบริษัท อีกทั้ง ชาวต่างชาติที่ไม่มีถิ่นที่อยู่ในสิงคโปร์ที่ต้องการจัดตั้งบริษัทในสิงคโปร์จำเป็นต้องแต่งตั้งกรรมการอย่างน้อยหนึ่งคนที่อาศัยอยู่ในสิงคโปร์เพื่อรับผิดชอบต่อการละเมิดใด ๆ ที่เกิดขึ้นจากบริษัท
สำนักงานครอบครัวที่สมัครขอรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี จะต้องแสดงหลักฐานการเปิดบัญชีกับสถาบันการเงินในสิงคโปร์ ทั้งนี้ ธนาคารกลางสิงคโปร์ยังต้องทำหน้าที่คัดกรองบุคคลและนิติบุคคลที่เกี่ยวข้องกับสำนักงานครอบครัวก่อนการอนุมัติให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี
กรณีผลิตภัณฑ์ล้ำค่า ซึ่งหมายถึงอัญมณี นาฬิกา หรือผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปอื่น ๆ ภายใต้พระราชบัญญัติหินและโลหะมีค่า ตัวแทนจำหน่ายจะต้องดำเนินการตรวจสอบลูกค้าก่อนทำธุรกรรม และต้องยื่นรายงานธุรกรรมทุกกรณีหากมีการจ่ายด้วยเงินสดเกินกว่า 20,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ห้าแสนสี่หมื่นบาท) แม้ลูกค้าจะไม่มีพฤติกรรมที่น่าสงสัยก็ตาม
รัฐบาลสิงคโปร์มีการตรวจสอบและคัดกรองชาวต่างชาติกรณีการขออนุญาตทำงานและการโยกย้ายถิ่นฐานในสิงคโปร์ โดยเฉพาะบุคคลที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ผู้ที่มีประวัติอาชญากรรม หรือเป็นบุคคลที่เขตอำนาจศาลต่างประเทศต้องการ หรือผู้ที่อาจเคยใช้ข้อมูลประจำตัวที่เป็นเท็จ โดยประเมินจากข้อมูลหลายแหล่งจากหลายหน่วยงานและการเทียบกับฐานข้อมูลของบุคคลที่อยู่ในบัญชีดำ ชาวต่างชาติที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดในสิงคโปร์อาจถูกเนรเทศออกจากสิงคโปร์ หรืออาจถูกสั่งห้ามกระทำการใด ๆ อย่างถาวร
———————————————————————————————————————————————————————————
ที่มา : เว็บไซต์ Channel News Asia / วันที่เผยแพร่ 3 ต.ค.66
Link : https://www.channelnewsasia.com/singapore/billion-dollar-money-laundering-case-explainer-rules-3816976