อดีตสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐ ใจกลางกรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน เป็นสถานที่ซึ่งยากจะมองข้ามได้ เพราะกำแพงด้านนอกมีกราฟฟิตี้ ที่แสดงชัดเจนถึงการต่อต้านอเมริกัน
ตัวอาคารสถานเอกอัครราชทูต ซึ่งปัจจุบันเป็นที่รู้จักกันในชื่อ “พิพิธภัณฑ์แหล่งซ่องสุมของจารชน” รวบรวมความเป็นปรปักษ์ในความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่านกับสหรัฐ อันเป็นผลจากความไม่ไว้วางใจและวิกฤติการณ์ที่มีมานานหลายสิบปี รวมถึงสงครามอิสราเอล-ฮามาส ที่ดำเนินอยู่ในปัจจุบัน
ผู้มาเยือนสถานที่แห่งนี้จะพบกับธงชาติสหรัฐที่ขาดรุ่งริ่ง และภาพวาดเทพีเสรีภาพ ซึ่งไม่มีแขนข้างที่ถือคบเพลิง และอีกภาพหนึ่งที่แทนใบหน้าด้วยกะโหลกศีรษะ ส่วนภายในอาคารเปรียบเสมือน “แคปซูลกาลเวลา” จากเหตุการณ์ที่กลุ่มนักศึกษาชาวอิหร่านบุกยึด เมื่อวันที่ 4 พ.ย. 2522
ด้านในอดีตสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐมีเฟอร์นิเจอร์ และอุปกรณ์สำนักงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องทำลายเอกสาร, คอมพิวเตอร์ และเอกสารที่สร้างขึ้นใหม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตพยายามทำลายมันอย่างลุกลี้ลุกลน ในช่วงไม่กี่ชั่วโมงก่อนการบุกโจมตี ขณะที่ภาพของอดีตประธานาธิบดีจิมมี คาร์เตอร์ ยังคงแขวนอยู่ผนังห้อง ที่เคยเป็นสำนักงานของเอกอัครราชทูต
ในเวลานั้น เจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูต 52 คน ถูกจับเป็นตัวประกันนานถึง 444 วัน โดยกลุ่มนักศึกษาชาวอิหร่านที่เรียกร้องให้รัฐบาลวอชิงตันส่งตัวพระเจ้าชาห์ โมฮัมหมัด เรซา ปาห์ลาวี ซึ่งขอลี้ภัยและเข้ารับการรักษาโรคมะเร็งในสหรัฐ
เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้รัฐบาลวอชิงตันยุติความสัมพันธ์ทางการทูตกับรัฐบาลเตหะรานอย่างเป็นทางการ เมื่อปี 2523 และมันหยุดนิ่งอยู่เช่นนั้น ไม่มีวี่แววที่จะฟื้นคืนกลับมาเป็นปกติ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
นับตั้งแต่การปฏิวัติในปี 2522 อิหร่านยังคงรักษาวาทกรรมต่อต้านอเมริกันอย่างเข้มแข็ง ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในนโยบายต่างประเทศของรัฐบาลเตหะราน โดยอยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน กล่าวชื่นชม เหตุการณ์บุกยึดสถานสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐ ในกรุงเตหะราน ซึ่งตรงกับวันที่ 4 พ.ย. ของทุกปี และครบรอบ 44 ปีในปีนี้
“กลุ่มนักศึกษาเข้าไปในสถานเอกอัครราชทูตอเมริกา ยึดครอง และเปิดโปงความลับกับเอกสารลับ ชื่อเสียงของอเมริกาหมดสิ้นแล้ว นี่คือการโจมตีที่อิหร่านทำกับอเมริกา” คาเมเนอี กล่าวกับนักศึกษาและฝูงชนชาวอิหร่าน เพื่อประณาม “ความเย่อหยิ่ง” ของสหรัฐ
ทั้งนี้ อิหร่านตกอยู่ภายใต้การคว่ำบาตรของสหรัฐ นับตั้งแต่รัฐบาลวอชิงตันถอนตัวจากข้อตกลงสำคัญเมื่อปี 2561 ซึ่งความตึงเครียดระหว่างสองประเทศนี้ เลวร้ายกว่าเดิมจากเหตุการณ์ในวันที่ 7 ต.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่สงครามปะทุ ระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส
แม้ทั้งสองฝ่ายมีความเกลียดชังต่อกันมานานเกือบ 50 ปี แต่สถานที่แห่งนี้อาจเปิดทำการได้อีกครั้ง หากสหรัฐยอมรับ และเคารพจุดยืนของอิหร่านในภูมิภาคนี้ เพราะโดยทั่วไปแล้ว ชาวอิหร่านไม่เคยมีปัญหาส่วนตัวกับชาวอเมริกัน
——————————————————————————————————————————————
ที่มา : เดลินิวส์ออนไลน์ / วันที่เผยแพร่ 14 พ.ย.66
Link : https://www.dailynews.co.th/articles/2883807/