สำนักข่าว บีบีซี รายงานอ้างข้อมูลจากเอกสารคำฟ้องของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ว่า เมื่อวันพุธที่ 29 พ.ย. 2566 เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ สามารถสกัดแผนลอบสังหารชาวอเมริกันคนหนึ่งในนิวยอร์ก ซึ่งให้การสนับสนุนการแบ่งแยกดินแดนของชาวซิกข์ในอินเดียเอาไว้ได้ โดยจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ 1 รายเป็นชาวอินเดีย
เอกสารดังกล่าวระบุว่า ผู้ต้องสงสัยชื่อ นิคิล กุปตา ถูกฟ้องร้องในข้อหา จ้างวานฆ่า และกล่าวหาว่าชายคนนี้ถูกว่าจ้างโดยลูกจ้างรัฐบาลอินเดียคนหนึ่ง ให้ไปติดต่อมือปืนในสหรัฐฯ อีกที แต่เขากลับถูกแนะนำให้พบกับเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบแทน โดยเจ้าหน้าที่ทำทีเป็นขอค่าจ้าง 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ
นายกุปตายอมจ่ายค่าจ้างล่วงหน้าเป็นเงินสด 15,000 ดอลลาร์เมื่อ 9 มิ.ย. โดยในเอกสารคำฟ้องมีการแนบรูปภาพการแลกเปลี่ยนครั้งนี้ด้วย ก่อนที่เจ้าหน้าที่ของสาธารณรัฐเช็กจะจับกุมตัวนายกุปตาในวันที่ 30 มิ.ย. หลังอัยการสหรัฐฯ เปิดเผยเอกสารคำฟ้องเบื้องต้น และเช็กยังคงควบคุมตัวนายกุปตาไว้จนถึงตอนนี้ ตามคำขอของสหรัฐฯ
แต่เอกสารไม่มีการเปิดเผยนามหรือฟ้องร้องลูกจ้างรัฐบาลอินเดีย นอกจากนั้น เอกสารคำฟ้องยังไม่ระบุชื่อของผู้ที่ตกเป็นเป้าหมายสังหารด้วย
อย่างไรก็ตาม สื่อสหรัฐฯ รายงานว่า เป้าหมายในแผนลอบสังหารครั้งนี้ คือ นายกุรปัตวันต์ สิงห์ ปันนุน (Gurpatwant Singh Pannun) ผู้ถือสัญชาติอเมริกันกับแคนาดา เป็นสมาชิกกลุ่มเคลื่อนไหวชาวซิกข์กลุ่มหนึ่งซึ่งมีสำนักงานอยู่ในสหรัฐฯ และเป็นคนรู้จักของนายฮาร์ดีป สิงห์ นิจจาร์ นักเคลื่อนไหวที่ถูกลอบสังหารในแคนาดาเมื่อ 18 มิ.ย.
ทั้งนี้ ผู้นับถือศาสนาซิกข์ในอินเดียมีจำนวนคิดเป็น 2% ของประชากรทั้งหมดในประเทศ โดยชาวซิกข์บางกลุ่มเรียกร้องและเคลื่อนไหวมาอย่างยาวนาน ให้แบ่งแยกดินแดนออกจากรัฐปัญจาบของอินเดีย เพื่อมาตั้งเป็นรัฐคาลิสถาน รัฐเอกราชของชาวซิกข์ ซึ่งผลตอบรับคือการปราบปรามอย่างหนักของรัฐบาลอินเดีย
ทำเนียบขาวสหรัฐฯ ระบุว่า พวกเขาหยิบยกข้อกล่าวหาเรื่องการลอบสังหารนี้เข้าหารือกับรัฐบาลอินเดียในระดับสูงที่สุดแล้ว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่อินเดียตอบสนองกลับมาด้วยความตกใจและกังวล
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลอินเดียออกมาระบุว่า พวกเขาเริ่มการสืบสวนด้านความมั่นคงเรื่องความกังวลที่สหรัฐฯ หยิบยกขึ้นมา เกี่ยวกับแผนลอบสังหารนี้แล้ว หลังจากมีการเปิดเผยเนื้อหาเอกสารคำฟ้อง โดยรัฐบาลอินเดียย้ำว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังตรวจสอบข้อมูล
สหรัฐฯ ได้ขัดขวางแผนการลอบสังหารพลเมืองอเมริกันคนหนึ่งในนครนิวยอร์ก ที่สนับสนุนรัฐแบ่งแยกดินแดนของชาวซิกข์
กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ประกาศตั้งข้อหาเจ้าหน้าที่รัฐบาลอินเดียรายหนึ่ง ที่วางแผนลอบสังหารผู้แบ่งแยกดินแดนชาวซิกข์ซึ่งเป็นพลเมืองอเมริกัน บนดินแดนของสหรัฐฯ แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ
อัยการเขตแมนฮัตตันกล่าวว่า นายนิคิล กุปตา วัย 52 ปี สัญชาติอินเดีย ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลอินเดียรายหนึ่ง ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบด้านการรักษาความปลอดภัยและข่าวกรอง ในแผนลอบสังหารชาวนิวยอร์ก ซึ่งสนับสนุนรัฐอธิปไตยของชาวซิกข์ทางตอนเหนือของอินเดีย
อัยการไม่ได้ระบุชื่อเจ้าหน้าที่ชาวอินเดีย หรือผู้ที่ตกเป็นเป้าหมายการสังหาร ซึ่งฝ่ายหลังเป็นพลเมืองสหรัฐฯ ที่มีเชื้อสายอินเดีย โดยนายกุปตะ ถูกทางการสาธารณรัฐเช็ก จับกุมเมื่อเดือนมิถุนายน และกำลังอยู่ระหว่างการส่งผู้ร้ายข้ามแดน
เดเมียน วิลเลียมส์ อัยการสูงสุดของรัฐบาลกลางในแมนฮัตตัน กล่าวในแถลงการณ์ ว่าจำเลยทำการสมคบคิดในอินเดีย เพื่อก่อเหตุลอบสังหารในนครนิวยอร์ก ต่อพลเมืองสหรัฐฯ ที่มีเชื้อสายอินเดีย”
เจ้าหน้าที่ชาวอินเดียรายนี้ถูกระบุในคำฟ้องที่เกี่ยวข้องว่าเป็น “เจ้าหน้าที่ภาคสนามอาวุโส” โดยมีหน้าที่รับผิดชอบในด้าน “การจัดการความปลอดภัย” และ “หน่วยข่าวกรอง” ที่ว่าจ้างโดยรัฐบาลอินเดียซึ่งควบคุมแผนการนี้จากอินเดีย
ข้อกล่าวหาดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากเจ้าหน้าที่อาวุโสฝ่ายบริหารของประธานาธิบดี โจ ไบเดน กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ทางการสหรัฐฯ ได้ขัดขวางแผนการสังหารผู้แบ่งแยกดินแดนชาวซิกข์ในสหรัฐฯ และออกคำเตือนไปยังอินเดียเกี่ยวกับความกังวลว่ารัฐบาลอินเดียมีส่วนเกี่ยวข้อง
ไบเดนสั่งให้นายบิล เบิร์นส์ ผู้อำนวยการซีไอเอ ติดต่อผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองอินเดีย จากนั้นเดินทางไปอินเดียเพื่อส่งข้อความว่าสหรัฐฯ จะไม่ยอมรับการกระทำดังกล่าว และสหรัฐฯ คาดหวังว่าผู้ที่มีส่วนต่อเรื่องดังกล่าวจะต้องแสดงความรับผิดชอบอย่างเต็มที่
ไบเดนยังได้หยิบยกประเด็นนี้ร่วมกับนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีของอินเดีย ในระหว่างการประชุมสุดยอด จี20 ซึ่งเขา “เน้นย้ำถึงความร้ายแรงของปัญหานี้ และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อความสัมพันธ์ทวิภาคีของทั้งสองประเทศ” ด้านนายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ และนายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ยังได้หารือเรื่องนี้กับรัฐมนตรีต่างประเทศอินเดียด้วย
——————————————————————————————————————————————————-
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ / วันที่เผยแพร่ 30 พ.ย.66
Link : https://www.thairath.co.th/news/foreign/2744493 , https://www.thairath.co.th/news/foreign/2744504