“ทรอน” กลายเป็นเครือข่ายคริปโตที่เติบโตรวดเร็วที่สุดและได้กลายเป็นแพลตฟอร์มหลักสำหรับกลุ่มสนับสนุนการถ่ายโอนคริปโตของกลุ่มก่อการร้ายเช่นกลุ่ม ฮามาส และฮิซบอลเลาะห์
สำนักข่าว Reuters ระบุว่า ด้วยศักยภาพในความเร็วที่มากกว่าเครือข่ายอื่น และราคาเหรียญ และค่าธรรมเนียมที่ถูกกว่าเหรียญคริปโตอื่น ๆ เช่น Bitcoin ทำให้ ทรอน (TRON) กลายเป็นเหรียญคริปโตคู่แข่งรายใหญ่ในอุตสาหกรรมบล็อกเชนที่สำคัญ และได้แซงหน้าคู่แข่งในฐานะแพลตฟอร์มสำหรับการถ่ายโอนคริปโตที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มที่กำหนดให้เป็นองค์กรก่อการร้ายโดยสหภาพยุโรป อิสราเอล สหรัฐอเมริกา และประเทศอื่น ๆ
ขณะที่จากการรายงานผลการอายัดคริปโตที่ประกาศโดยบริการรักษาความปลอดภัยของอิสราเอลตั้งแต่ปี 2021 สะท้อนให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในการกำหนดเป้าหมายกระเป๋าเงินทรอนและการยึดกระเป๋าเงินบิทคอยน์ที่ลดลง
“ก่อนหน้านี้เป็น Bitcoin และตอนนี้ข้อมูลของเราแสดงให้เห็นว่าองค์กรก่อการร้ายเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะสนับสนุนทรอน มากขึ้น” Mriganka Pattnaik ซีอีโอของบริษัทวิเคราะห์บล็อคเชนในนิวยอร์ก Merkle Science กล่าวกับรอยเตอร์ โดยอ้างถึงเวลาการทำธุรกรรมที่เร็วขึ้น ค่าธรรมเนียมต่ำ และความเสถียรของเครือข่าย
การวิเคราะห์ของรอยเตอร์ ระบุถึงรายงานของสำนักงานแห่งชาติเพื่อการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย (NBCTF) ของอิสราเอล ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในการอายัดสินทรัพย์ดังกล่าว ระบุว่า ได้อายัดกระเป๋าเงิน Tron จำนวน 143 ใบระหว่างเดือนกรกฎาคม 2021 ถึงตุลาคม 2023 ที่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับ “องค์กรก่อการร้ายที่กำหนด” หรือใช้สำหรับ “อาชญากรรมก่อการร้ายขั้นรุนแรง”
การยึดบัญชีคริปโตของกลุ่มก่อการร้าย
หลังจากการโจมตีของกลุ่มฮามาสเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม โดยสงครามดังกล่าวคร่าชีวิตผู้คนไปราว 1,200 คน การทิ้งระเบิดและการบุกรุกฉนวนกาซาของอิสราเอลในเวลาต่อมาได้คร่าชีวิตผู้คนไปประมาณ 14,000 คน ในการตอบโต้อิสราเอลยังได้เพิ่มการตรวจสอบการจัดหาเงินทุนของกลุ่มฮามาสอย่างละเอียดอีกด้วย
ตามข้อมูลของอิสราเอล ระบุเพิ่มเติมว่า เกือบ 2 ใน 3 ของการยึดสินทรัพย์ดิจิทัลของอิสราเอลพบว่าเป็นเหรียญทรอนมากถึง 87 รายการ ในปีนี้ รวมถึงกระเป๋าเงินดิจิทัลจำนวน 39 ใบ ที่เป็นของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์แห่งเลบานอน และ 26 รายการเป็นของกลุ่มญิฮาด อิสลามปาเลสไตน์ ซึ่งเป็นพันธมิตรของกลุ่มฮามาส
“การยึดยังรวมถึงกระเป๋าเงินทรอน 56 ใบที่เชื่อมโยงกับกลุ่มฮามาส ซึ่งส่วนใหญ่เชื่อมโยงกับบริษัทแลกเปลี่ยนเงินในฉนวนกาซาแห่งเดียวชื่อ Dubai Co. For Exchange” หน่วยงานต่อต้านการก่อการร้ายอิสราเอลกล่าว
ขณะที่สัปดาห์หลังการโจมตีของกลุ่มฮามาส อิสราเอลได้ประกาศยึดบัญชีคริปโตครั้งใหญ่ที่สุด โดยระงับบัญชีประมาณ 600 บัญชีที่เชื่อมโยงกับ Dubai Co. ซึ่งพวกเขาเรียกว่ากลุ่มก่อการร้าย “เนื่องจากความช่วยเหลือที่พวกเขามอบให้กับองค์กรก่อการร้ายฮามาส โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กองทัพในการโอนเงินจำนวนหลายสิบล้านดอลลาร์ต่อปี”
ขณะที่ตัวแทนของบริษัท Dubai Co. ปฏิเสธข้อกล่าวหาความเกี่ยวข้องที่เชื่อมโยงกับกลุ่มก่อการร้ายดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม มาตรการคว่ำบาตรพอร์ตการลงทุนลับของฮามาสไม่น่าจะส่งผลกระทบสำคัญต่อเงินทุนของกลุ่ม โดยพบว่าผู้คนจำนวนมากที่ถูกระงับเงินจากบัญชีกว่า 600 บัญชี เปิดเผยกับทางรอยเตอร์ว่าพวกเขาใช้เหรียญทรอนในการทำธุรกรรมทางการเงิน แต่ปฏิเสธความเกี่ยวข้องใด ๆ กับกลุ่มฮามาสหรือญิฮาดอิสลาม โดยกล่าวว่าพวกเขาซื้อขาย คริปโต เพื่อช่วยเหลือธุรกิจหรือการเงินส่วนบุคคล
มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ระบุว่าตนเองคือนีโอ กล่าวว่าเป็นไปได้ที่พวกเขาโอนเงินให้กับคนที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มฮามาสในโอกาสเดียว
ขณะที่การประมาณจำนวนเงินที่เข้าถึงกลุ่มที่ถูกสั่งห้ามผ่านคริปโตนั้นไม่น่าเชื่อถือ เนื่องจากเป็นการยากที่จะบอกว่าเงินที่ส่งไปยังกระเป๋าเงินที่ถูกยึดนั้นถูกกำหนดไว้สำหรับกลุ่มเหล่านั้นจริงๆ หรือไม่
ด้านเฮวาร์ด หว่อง โฆษกของทรอน ที่จดทะเบียนในหมู่เกาะบริติชเวอร์จิน กล่าวว่าเทคโนโลยีทั้งหมด “ในทางทฤษฎีสามารถนำไปใช้ในกิจกรรมที่น่าสงสัยได้” เขากล่าวว่าตรอนไม่สามารถควบคุมผู้ที่ใช้เทคโนโลยีของตนได้ และไม่ได้เชื่อมโยงกับกลุ่มที่ระบุโดยอิสราเอล
อย่างไรก็ดี มูลค่าของธุรกรรมคริปโตและที่อยู่กระเป๋าเงินดิจิทัลที่ใช้สามารถตรวจสอบได้ในบล็อกเชน ซึ่งเป็นบัญชีแยกประเภทสาธารณะ ที่สนับสนุนคริปโต
อย่างไรก็ตาม มันเป็นเรื่องยากสำหรับผู้บังคับใช้กฎหมายภายนอกหรือแพลตฟอร์มการซื้อขาย คริปโต ที่จะทราบตัวตนที่แท้จริงของผู้ที่เกี่ยวข้องในการทำธุรกรรม
สกุลเงินดิจิทัลใด? ที่โดดเด่นในเครือข่ายทรอน
สำนักข่าวรอยเตอร์ระบุถึงข้อบ่งชี้เพิ่มเติม โดยอ้างอิงตามข้อมูลของ CoinGecko ว่าจากการวิจัยของพวกเขาแสดงให้เห็นว่า Tether เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีความโดดเด่นในเครือข่ายทรอน โดย Tether เป็นโทเค็นคริปโตที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 โดยมีมูลค่าตลาดมากกว่า 89 พันล้านดอลลาร์ (81.29 พันล้านยูโร) เพิ่มขึ้นประมาณ1 ใน 3 ในปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ Tether ซึ่งเป็นเหรียญ stablecoin ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้รับการสนับสนุนโดยทุนสำรองและตั้งเป้าที่จะตรึงเงินดอลลาร์ไว้ที่ 1:1 บริษัทกล่าวในแถลงการณ์ว่า ได้ติดตามและล็อกโทเค็น “เพื่อวัตถุประสงค์ในการนำไปใช้ทางความลับ” เป็นประจำ และประสานงานความพยายามเหล่านี้กับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย
นอกจากนี้ Tether ยังได้ทำการระงับที่อยู่ของกระเป๋าเงินดิจิทัลและที่เก็บสินทรัพย์จำนวน 32 แห่งที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายและการทำสงครามในอิสราเอลและยูเครน แม้ว่าจะไม่ได้รับการยอมรับจากชื่อนอกแวดวงคริปโตแต่ทรอน ก็เป็นบล็อกเชนที่โดดเด่นสำหรับธุรกรรม ซึ่งใช้เหรียญของ Tether โดยปัจจุบันมีโทเค็นมูลค่า 48 พันล้านดอลลาร์ ตามเว็บไซต์ของ Tether รายงานธุรกรรมเฉลี่ยต่อวันบนทรอนสูงถึง 9.1 ล้านรายการ ตั้งแต่เดือนเมษายนถึงมิถุนายน ตามข้อมูลของบริษัท Messari ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่า 70% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ขณะที่ จัสติน ซัน ผู้ก่อตั้งทรอน ถูกฟ้องโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา (SEC) ในเดือนมีนาคมปี 2560 เนื่องจากถูกกล่าวหาว่าเพิ่มปริมาณการซื้อขายและขายโทเค็นทรอนในรูปแบบหลักทรัพย์ที่ไม่ได้จดทะเบียน ซึ่งซันกล่าวโต้แย้งต่อข้อกล่าวหาของ ก.ล.ต.ว่า “ขาดคุณธรรม”
จัสติน ซัน ผู้ก่อตั้งทรอน
————————————————————————————————————————————-
ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์ / วันที่เผยแพร่ 28 พ.ย.66
Link : https://mgronline.com/stockmarket/detail/9660000106907