โดยที่แทบไม่มีใครรู้เรื่องดิจิทัลนั้นอย่างลึกซึ้ง ถกเถียงกันเรื่องบล็อกเชนในสภากาแฟว่าเอาไปแจกเงินดีหรือไม่อย่างไร โดยสมาชิกที่ยังไม่รู้เรื่องการจัดการข้อมูลแม้แต่น้อยนิด ก็มีให้เห็นกัน
อีกเรื่องหนึ่งที่เริ่มจะคุยกันคือ Data Center ถ้าเป็นผู้หลักผู้ใหญ่หน่อยก็นึกไปถึงศูนย์คอมพิวเตอร์ที่พบเจอในสำนักงานใหญ่ของบริษัทและหน่วยงานของรัฐ ต่างคนต่างมีศูนย์คอมพิวเตอร์เป็นของตนเอง นึกถึงยี่ห้อไหนก็มักคิดถึงศูนย์คอมพิวเตอร์ของยี่ห้อนั้นตามมาด้วย ซึ่ง Data Center ไม่ใช่จำกัดอยู่แค่การเป็นศูนย์คอมพิวเตอร์ในทำนองนั้น
คนหนุ่มสาวจะบอกว่า Data Center เป็นที่รวมคอมพิวเตอร์แม่ข่าย หรือ Server นานาชนิด ตั้งแต่แม่ข่ายในการประมวลผล แม่ข่ายในการจัดเก็บฐานข้อมูล พร้อมกับมีโครงสร้างพื้นฐานด้านเครือข่ายที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไปได้ทั่วโลก
Data Cen-ter จึงเป็นโครงสร้างพื้นฐานของ Cloud Computing พูดกันแบบชาวบ้าน คือเอาข้อมูลไปเก็บ ไปประมวลผล โดยใช้คอมพิวเตอร์ที่ต่อกับอินเทอร์เน็ตได้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในโลกนี้
แต่ก่อนจะเก็บ จะประมวลผลข้อมูลปริมาณมาก ๆ ก็ต้องไปหาคอมพิวเตอร์แม่ข่ายตัวโต ๆ มาไว้ที่สำนักงานของตนเอง แต่วันนี้อยากได้แม่ข่ายมาเก็บมาประมวลผลก็ถามหาจากอินเทอร์เน็ตได้ อยากใช้แค่ไหนก็ซื้อบริการแค่นั้น วันไหนอยากได้มากขึ้นก็ซื้อเพิ่มชั่วคราวได้ การใช้การยืดหยุ่นได้ตามความต้องการโดยไม่ต้องลงทุนครั้งใหญ่ในตอนแรก เพื่อเตรียมสำรองไว้
บริการ Cloud Computing จึงเป็นที่นิยม เพราะอยากได้อะไรก็ได้ทันใจ ขอแค่มีเงินจ่ายเท่านั้นเอง
รัฐบาลบางประเทศเมื่อหลายปีก่อน ก็พยายามจะตั้ง Cloud Computing ของรัฐ ทุ่มเงินสร้าง Data Center ของรัฐไปมากอยู่ แต่ผลที่ได้ไม่แน่ใจว่าจะดีกว่าที่มาจากบริษัทที่เก่งจริงเรื่องนี้หรือไม่ ที่ลงเงินลงแรงไปเพราะห่วงข้อมูลจะรั่วไหลไปต่างประเทศ ทั้ง ๆ ที่ทุกวันนี้ก็สั่งการงานสำคัญกันผ่านไลน์อยู่แล้ว
Data Center ที่ใหญ่ที่สุดสองอันดับแรกในโลกในปี 2023 ไม่ได้เป็นของบริษัทค้าขายซอฟต์แวร์ แต่เป็นบริษัทโทรคมนาคมของจีน คือ China Telecom ซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาด Data Center ในเมืองจีนเกินกว่าครึ่ง ตั้งอยู่ที่เขตปกครองพิเศษ Inner Mongolia ทางตอนบนของจีน
Data Center อยู่ไกลจากเมืองธุรกิจมาก ๆ อยู่บนที่ราบสูง ที่สูงจากระดับน้ำทะเลมาก จนมีอุณหภูมิเฉลี่ยเพียง 6°C Data Center ที่ใหญ่ที่สุด มีพื้นที่ประมาณสิบล้านตารางเมตร บนที่ดินประมาณ 11 ตารางกิโลเมตร ซึ่งที่ไปตั้งในที่เย็นๆ แบบนั้น เพราะ Data Center ต้องใช้พลังงานไฟฟ้าในการทำงานมาก
จากการทำงานของแม่ข่ายและเครือข่าย มีความร้อนเกิดขึ้นสูง จึงต้องมีการระบายความร้อนที่ดี ถ้าไปอยู่ที่อากาศร้อนจะหมดเปลืองไปกับค่าพลังงานที่ใช้ในการระบายความร้อน ใครที่อยากได้ Data Center จึงต้องมีไฟฟ้าเหลือใช้อยู่มากๆ เพื่อการทำงานและระบายความร้อน เพราะ Data Center ใหญ่ๆ แต่ละแห่งใช้ไฟฟ้าพอๆ กับเมืองหนึ่งทีเดียว
ในปี 2023 มี Data Center ให้บริการอยู่ทั่วโลกประมาณ 8,500 แห่ง โดยที่ใหญ่ที่สุดสิบแห่งแรกของโลกนั้น มีเพียงแห่งเดียวที่เป็นของบริษัทที่ทำกิจการด้านคอมพิวเตอร์โดยตรง คือแอ๊ปเปิ้ลคอมพิวเตอร์ มีพื้นที่เล็กกว่าของ China Mobile ประมาณสิบเท่า
บริษัทที่เป็นผู้นำในวงการ Data Center นอกเหนือไปจาก China Telecom คือ Equinix มี Data Center มากกว่าสองร้อยแห่งในกว่าสามสิบประเทศ Digital Reality มีอยู่กว่าสามร้อยแห่งในกว่ายี่สิบประเทศ NTT Communication ของญี่ปุ่น และที่รู้จักกันดีในบ้านเราคือ Amazon Web Service
กิจการ Data Center ในอนาคตอันใกล้ยังเป็นกิจการที่เติบโต โดยคาดว่ามีมูลค่าตลาดประมาณหกแสนล้านดอลลาร์ในปี 2030 ยังเป็นกิจการที่ใช้ไฟฟ้ามาก แต่จะขยับไปใช้พลังงานหมุนเวียนมากขึ้น แต่จะมีขนาดเล็กลง โดยกระจายตัวมากขึ้น
Data Center เองจึงไม่ใช่แหล่งจ้างงานเพิ่มขึ้นที่สำคัญอีกต่อไป ตั้งที่มองโกเลียก็ไม่ได้ทำให้มีอุตสาหกรรมใหม่ ๆ เกิดขึ้นที่นั่น Data Center ขนาดหนึ่งล้านตารางเมตรมีคนทำงานแค่สิบสองคน รู้เรื่องไว้บ้างจะได้รู้ทัน
บทความโดย ดร.บวร ปภัสราทร
——————————————————————————————————————————————————-
ที่มา : Bangkokbiznews / วันที่เผยแพร่ 23 พ.ย.66
Link : https://www.bangkokbiznews.com/blogs/tech/innovation/1100298