ทุกปีผมจะได้เขียนบทความเพื่อสรุปแนวโน้มกลยุทธ์เทคโนโลยีที่บริษัทวิจัย Gartner ประกาศออกมา แนวโน้มเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะเป็นตัวบ่งชี้ว่าเทคโนโลยีใดที่กำลังจะมาถึง แต่ยังเป็นกลยุทธ์ที่องค์กรต่าง ๆ ต้องพิจารณาเพื่อนำไปวางแผนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว การวิเคราะห์และการเตรียมพร้อมสำหรับแนวโน้มเหล่านี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการส่งเสริมการเติบโตและการแข่งขันขององค์กรในอนาคตที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง
ในปีนี้ Gartner ได้ประกาศแนวโน้มเทคโนโลยีที่เป็นกลยุทธ์สำคัญสำหรับปี 2024 ในเดือนที่ผ่านมา โดยได้เน้นย้ำว่า จะเป็นตัวขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญและสร้างโอกาสใหม่ๆ ในช่วง 36 เดือนข้างหน้า โดยมีแนวโน้มเทคโนโลยีทั้งหมด 10 ด้าน และหลายด้านจะเกี่ยวข้องกับเรื่องของเอไอ โดยในสัปดาห์นี้ผมจะเขียนเกี่ยวกับแนวโน้มที่เกี่ยวข้องกับ 5 ด้าน โดยประกอบด้วย
1.Democratized Generative AI การเข้าถึงของเทคโนโลยี Generative AI (GenAI) อย่าง ChatGPT กำลังทำให้อะไรหลาย ๆ อย่างกลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นมากซึ่งเกิดขึ้นทั่วโลก ด้วยการพัฒนาโมเดล AI ที่ได้รับการฝึกฝนมาจากข้อมูลมหาศาล ทำให้ GenAI สามารถสร้างเนื้อหาได้เอง และเข้ามาช่วยงานคนได้อย่างมาก
Gartner ทำนายว่า ภายในปี 2026 มากกว่า 80% ขององค์กรต่าง ๆ จะมีการใช้ GenAI หรือได้นำแอปพลิเคชันที่ใช้ GenAI มาใช้ในการทำงาน จากที่มีเพียงไม่ถึง 5% ในต้นปี 2023 การใช้ GenAI จะช่วยนำความรู้และทักษะที่หลากหลายเข้ามาใช้ในองค์กรได้มากขึ้น โมเดลภาษาขนาดใหญ่ของ GenAI จะช่วยให้องค์กรสามารถเชื่อมโยงการทำงานของบุคลากรกับความรู้ใหม่ ๆ ในรูปแบบการสนทนากับ GenAI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. AI Trust, Risk and Security Management เนื่องจากมีการเข้าถึง AI ที่มากขึ้น ดังนั้นการจัดการความเชื่อถือ ความเสี่ยง และความปลอดภัยใน AI หรือที่ Gartner เรียกว่า AI TRiSM จึงกลายเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่ง เพราะหากไม่มีการป้องกันที่เหมาะสม โมเดล AI อาจทำให้เกิดผลลัพธ์เชิงลบได้
AI TRiSM คือเรื่องของการป้องกันการใช้งานข้อมูลอย่างรอบคอบ ความปลอดภัยเฉพาะด้าน AI การตรวจสอบโมเดล (รวมถึงการตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของข้อมูลและโมเดล และผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิด) และการควบคุมความเสี่ยงสำหรับการใช้โมเดลและแอปพลิเคชันจากบุคคลที่สาม ทั้งนี้ Gartner ทำนายว่าภายในปี 2026 องค์กรที่มีระบบควบคุมตามหลักการ AI TRiSM จะเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจโดยลดข้อมูลที่ผิดพลาดและไม่ถูกต้องได้ถึง 80%
3. AI – Augmented Development การพัฒนาซอฟต์แวร์หรือโซลูชันต่าง ๆ จะเป็นการนำเทคโนโลยี AI เช่น GenAI เพื่อมาช่วยวิศวกรซอฟต์แวร์ในการออกแบบ เขียนโค้ด และทดสอบแอปพลิเคชัน การพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ได้รับความช่วยเหลือจาก AI จะสามารถเพิ่มผลผลิตของนักพัฒนาและช่วยให้ทีมงานสามารถตอบสนองต่อความต้องการซอฟต์แวร์เพื่อการดำเนินธุรกิจที่เพิ่มขึ้น
เครื่องมือพัฒนาที่บูรณาการกับ AI นี้ทำให้วิศวกรซอฟต์แวร์ใช้เวลาน้อยลงในการเขียนโค้ด และสามารถใช้เวลามากขึ้นในงานที่มีความสำคัญทางด้านกลยุทธ์ เช่น การออกแบบ และการจัดรูปแบบของแอปพลิเคชันทางธุรกิจให้ตรงความต้องการผู้ใช้มากขึ้น
4. Intelligent Applications หรือ แอปพลิเคชันอัจฉริยะ คือ การนำ AI มาผนวกกับแอปพลิเคชันต่าง ๆ ที่ Gartner นิยามว่าเป็นการทำให้แอปพลิเคชันสามารถปรับตัวได้จากการเรียนรู้ข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้อย่างเหมาะสม และเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานแบบอัตโนมัติได้ดีขึ้น การสำรวจของ Gartner ในปี 2023 พบว่า 26% ของ CEO มองว่าการขาดแคลนบุคลากรเป็นความเสี่ยงสูงสุดสำหรับองค์กร การทำงานโดยใช้แอปพลิเคชันอัจฉริยะก็จะมีส่วนช่วยทำให้พนักงานทำงานได้ง่ายขึ้น และจะช่วยดึงดูดและรักษาบุคลากรในองค์กรได้
5.Augmented – Connected Workforce แนวโน้มของ Augmented – Connected Workforce (ACWF) คือกลยุทธ์ในการเพิ่มมูลค่าที่ได้จากการทำงานของมนุษย์ โดยการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาช่วยในการทำงาน เช่น AI, Big Data, AR หรือ VR และใช้ประโยชน์จากแอปพลิเคชันอัจฉริยะ การพัฒนาทักษะของพนักงานให้สามารถทำงานเชื่อมโยงกับเทคโนโลยี จะมีผลต่อประสิทธิภาพ Gartner ทำนายว่าภายในปี 2027 จะมี CIO อย่างน้อย 25% ที่จะนำกลยุทธ์ ACWF มาใช้เพื่อลดระยะเวลาในการทำงานได้ถึง 50% สำหรับงานที่สำคัญในด้านต่าง ๆ
สำหรับแนวโน้มด้านเทคโนโลยีอีก 5 ด้าน ผมขอมาเล่าต่อในสัปดาห์หน้า
บทความโดย ธนชาติ นุ่มนนท์
——————————————————————————————————————————————
ที่มา : Bangkokbiznews / วันที่เผยแพร่ 27 พ.ย.66
Link : https://www.bangkokbiznews.com/tech/gadget/1100816