KCNA via REUTERS
โสมใต้-ญี่ปุ่น-มะกัน เริ่มแชร์ข้อมูลขีปนาวุธโสมเหนือแบบเรียลไทม์ ชี้เพื่อความปลอดภัย ปชช.
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เกาหลีใต้ สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ได้เริ่มเปิดใช้งานระบบแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับการปล่อยขีปนาวุธของเกาหลีเหนือแบบเรียลไทม์ เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม ตามรายงานของกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ ขณะที่ทั้งสามประเทศกำลังมุ่งหวังให้มีการกระชับความร่วมมือด้านความมั่นคงท่ามกลางการเคลื่อนไหวทางทหารของเกาหลีเหนือ
การประกาศดังกล่าวมีขึ้นเพียง 1 วันหลังจากที่เกาหลีเหนือได้ทดสอบยิงขีปนาวุธฮวาซอง-18 ขีปนาวุธทิ้งตัวข้ามทวีป (ไอซีบีเอ็ม) ซึ่งเป็นอาวุธที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลีเหนือ เป็นครั้งที่ 3 ด้านกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ระบุในแถลงการณ์ว่า “ยืนยันแล้วว่าระบบแชร์ข้อมูลแจ้งเตือนขีปนาวุธเกาหลีเหนือแบบเรียลไทม์กำลังปฏิบัติงานอย่างเต็มรูปแบบ จากการประเมินล่วงหน้าเมื่อเร็วๆ นี้”
สำนักข่าวกลางเกาหลี (เคซีเอ็นเอ) ได้เผยแพร่ภาพขณะที่นายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ พร้อมด้วยคิม จูแอ ลูกสาวของผู้นำคิม กำลังชมการปล่อยขีปนาวุธทิ้งตัวข้ามทวีป ฮวาซอง-18 ระหว่างการฝึกซ้อมการปล่อยขีปนาวุธในพื้นที่ที่ไม่ได้มีการระบุ เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม (รอยเตอร์)
นอกจากนั้นแล้ว แถลงการณ์ของทางกระทรวงยังบอกอีกว่า “ทั้ง 3 ประเทศได้ตั้งระบบดังกล่าวเพื่อรับรองความปลอดภัยของประชาชนของตนเอง โดยการตรวจจับและประเมินการปล่อยขีปนาวุธของเกาหลีเหนือแบบเรียลไทม์”
ทั้งนี้ ระบบการแชร์ข้อมูลดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงระหว่างรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสหรัฐเมื่อเดือนที่แล้ว และยังรวมถึงการร่างแผนการฝึกซ้อมทางทหารแบบไตรภาคีตลอดหลายปีข้างหน้า การบรรลุข้อตกลงดังกล่าวระหว่างรัฐมนตรีกลาโหมของทั้งสามประเทศเป็นผลมาจากการที่ผู้นำของทั้งสามประเทศได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันในการประชุมสุดยอดไตรภาคีที่แคมป์เดวิด บ้านพักส่วนตัวของประธานาธิบดีสหรัฐในรัฐแมริแลนด์ เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
คิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ที่ได้ไปชมการปล่อยขีปนาวุธครั้งล่าสุดด้วยตัวเอง ได้กล่าวว่าเกาหลีเหนือกำลังแสดงให้เห็นถึงทางเลือกที่เกาหลีเหนือจะใช้หาก “สหรัฐตัดสินใจผิดพลาดในเรื่องเกาหลีเหนือ” รวมถึงให้คำมั่นว่าจะเร่งการสร้างอาวุธนิวเคลียร์อีกด้วย
———————————————————————————————————————————————————————————
ที่มา : มติชนออนไลน์ / วันที่เผยแพร่ 19 ธ.ค.66
Link : https://www.matichon.co.th/foreign/news_4337512