กทปส. เปิดแนวคิดพัฒนาแพลตฟอร์มติดตามบุคคลจากกล้องวงจรปิด หลังให้ทุนสนับสนุนนวัตกรรมด้วยการนำ AI เข้ามาช่วยรับมือภัยความไม่สงบและปัญหาอาชญากรรมที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
รศ.ดร.มงคล เอกปัญญาพงศ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยปัญญาประดิษฐ์ จากสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย และเจ้าของโครงการระบบแพลตฟอร์มสำหรับการติดตามบุคคลจากกล้องหลายตัว กล่าวว่า แรงผลักดันที่ทำให้เกิดแนวคิดที่จะทำ “โครงการระบบแพลตฟอร์มสำหรับการติดตามบุคคลจากกล้องหลายตัว” มาจากความสนใจที่จะนำ “AI” มาทำงานค้นหาและติดตามผู้ต้องสงสัยแทนคน
โดยได้นำเหตุระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ เมื่อปี 2558 ที่กล้องวงจรปิดบริเวณรอบศาลพระพรหม ที่สามารถบันทึกเหตุการณ์ก่อนและหลังเกิดเหตุระเบิด รวมถึงจับภาพชายเสื้อเหลือง ผู้ต้องสงสัยก่อเหตุวางระเบิดได้
แต่กว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถแกะรอยหาเส้นทางหลบหนี จนนำไปสู่การจับกุมชายผู้ต้องสงสัยได้สำเร็จ ต้องไล่กล้องวงจรปิดทั้งของส่วนราชการและภาคเอกชน ซึ่งใช้เวลานานหลายสัปดาห์ มาเป็นโจทย์ในการสร้างนวัตกรรมที่จะมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเจ้าหน้าที่ เพื่อสร้างประโยชน์ให้งานด้านความปลอดภัยและความมั่นคงของประเทศ
สิ่งที่เกิดขึ้นคือการเข้าไปพัฒนาให้ AI ทำงานแทนคน ในการค้นหารูปพรรณผู้ต้องสงสัยจากกล้องวงจรปิดด้วยเทคนิค “ดีพ เลิร์นนิง” ซึ่งระบบแพลตฟอร์มสำหรับการติดตามบุคคลจากกล้องหลายตัวที่วิจัยและพัฒนาขึ้น เป็นการนำเทคนิค “ดีพ เลิร์นนิง” ที่ถูกสร้างขึ้นจากปัญญาประดิษฐ์โดยใช้โครงข่ายประสาทเทียมมาใช้ในการเทรนระบบซอฟต์แวร์ multi -camera tracking ที่พัฒนาขึ้นเพื่อหาบุคคลรูปพรรณสัณฐาน ให้เกิดการจดจำลักษณะทางกายภาพของบุคคล ประเภทของสี รูปแบบของเครื่องแต่งกาย ซึ่งชุดคำสั่งนี้จะทำให้คอมพิวเตอร์สามารถประมวลผลข้อมูลจำนวนมากได้
อีกทั้งยังมีความแม่นยำมากกว่าคนในด้านของการเรียนรู้และจดจำ ดังนั้น เวลาเกิดเหตุความไม่สงบ หรือปัญหาอาชญากรรมเพียงแค่ดึงภาพของผู้ต้องสงสัยที่บันทึกได้จากกล้องวงจรปิดป้อนเข้าไปยังระบบ เพียงเท่านี้ซอฟต์แวร์จะทำหน้าที่วิเคราะห์ ประมวลผล ค้นหา และติดตามผู้ต้องสงสัย โดยการเชื่อมต่อกับกล้องวงจรปิดตัวอื่น ๆ ที่ได้ติดตั้งไว้ตามจุดต่างๆ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามผู้ต้องสงสัยได้ทันท่วงที
สำหรับระบบแพลตฟอร์มติดตามบุคคลจากกล้องวงจรปิดหลายตัว เป็นซอฟต์แวร์อันดับต้น ๆ ที่นักวิจัยสามารถพัฒนาขึ้นสำเร็จในประเทศไทย นอกจากจะช่วยลดการนำเข้า ยังช่วยลดการเสียเงินตราออกนอกประเทศ เพราะซอฟต์แวร์ที่ไทยพัฒนาขึ้นมีความสามารถใกล้เคียงกับที่เคยสั่งซื้อจากต่างประเทศในราคา 1 ล้านบาท อีกทั้งระบบยังมีความโดดเด่นในเรื่องของสามารถที่จะปรับจูนให้เหมาะกับการใช้งานในประเทศ
การสอนให้ AI เรียนรู้ที่จะจดจำและค้นหาวัตถุสิ่งของที่มีเอกลักษณ์ความเป็นไทย อย่างเช่น เครื่องแต่งกายชุดไทย รถตุ๊กตุ๊ก หรืออัตลักษณ์ของคนในพื้นที่ ซึ่งซอฟต์แวร์ต่างประเทศไม่สามารถค้นหาได้ มีความแม่นยำในการเปรียบเทียบอัตลักษณ์ใกล้เคียงกับรูปพรรณสัณฐานที่ต้องการอยู่ที่ 85%
เพราะในบางกรณีที่ AI ค้นหาบุคคลที่มีรูปพรรณสัณฐานใกล้เคียงกับผู้ต้องสงสัยมากกว่า 1 คน ระบบยังคงต้องใช้เจ้าหน้าที่ในการช่วยวินิจฉัยเพิ่มเติม แต่การใช้เอไอช่วยค้นหาบุคคลต้องสงสัยจะสามารถช่วยร่นระยะเวลาการไล่กล้องของเจ้าหน้าที่จากเดิม 1&2 สัปดาห์ เหลือเพียงแค่หลักนาที ก็จะตามเกาะรอยผู้ต้องสงสัย
ภายใต้การสนับสนุนเงินทุนโดยกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือ กทปส. เพื่อเป็นการช่วยลดภาระงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในกรณีเกิดเหตุอาชญากรรม จะสามารถติดตามบุคคลต้องสงสัยได้ทันท่วงที เป็นการพัฒนาและยกระดับการรักษาความปลอดภัยให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วยนวัตกรรม
“ปัจจุบันประเทศไทยมีองค์ความรู้ที่สามารถพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมขึ้นมาใช้ในประเทศได้ แต่ต้องมีทุนวิจัยสนับสนุน ขอบคุณ กทปส. ที่เห็นความสำคัญและช่วยสนับสนุนโครงการให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม โดยในอนาคตวางเป้าหมายอยากจะพัฒนาระบบแพลตฟอร์มให้มีความแม่นยำเพิ่มขึ้น เนื่องจากตอนปิดโครงการเคยได้รับคำแนะนำจากผู้ทรงคุณวุฒิ อยากเห็นความต่อเนื่อง โดยเฉพาะการนำไปขยายผลใช้งานจริงในพื้นที่ทางด้านความมั่นคงที่ดูแลโดยตำรวจ ทหาร ซึ่งทางกองทุน กทปส. มีการให้ทุนกับโครงการต่อเนื่อง ขณะนี้อยู่ระหว่างการขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อพิจารณาความเป็นไปได้ของการนำระบบแพลตฟอร์มสำหรับการติดตามบุคคลจากกล้องหลายตัวไปขยายผลใช้จริงในพื้นที่ด้านความมั่นคงของประเทศ”
——————————————————————————————————————————————
ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์ / วันที่เผยแพร่ 21 ธ.ค.66
Link : https://mgronline.com/cyberbiz/detail/9660000114318