เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ศาลสูงสุดของรัสเซียตัดสินให้กลุ่มที่มีความหลากหลายทางเพศเป็นกลุ่มหัวรุนแรง พร้อมสั่งห้ามดำเนินการเคลื่อนไหวทั่วประเทศ หลายคนกลัวว่า สิ่งนี้จะนำไปสู่การปราบปรามกลุ่มหลากหลายทางเพศ และอาจมีการดำเนินคดีเพิ่มขึ้นอีกจำนวนมาก
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ศาลสูงสุดของรัสเซียได้เปิดพิจารณาคดีแบบปิด เกี่ยวกับสิทธิของกลุ่มที่มีความหลากหลายทางเพศ หรือ LGBTQ+ การพิจารณาคดีดังกล่าวใช้เวลานานถึง 5 ชั่วโมง ก่อนจะมีคำตัดสินออกมา และได้อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้ารับฟังคำตัดสินของศาลด้วย
โอเลก เนเฟโดฟ ผู้พิพากษาศาลฎีการัสเซีย ได้ขึ้นบัลลังก์อ่านคำพิพากษาโดยประกาศให้ขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมของกลุ่มที่มีความหลากหลายทางเพศระหว่างประเทศ และชุมชนที่อยู่ภายใต้กลุ่มดังกล่าว เป็นองค์กรหัวรุนแรง
พร้อมทั้งสั่งห้ามคนกลุ่มนี้ออกมาดำเนินกิจกรรมเคลื่อนไหวทั่วประเทศ อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวที่เข้ารับฟังคำตัดสินในศาลรายงานว่า มีการประกาศว่า คำตัดสินครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงยุติธรรมของรัสเซีย
ก่อนหน้านี้กระทรวงยุติธรรมของรัสเซีย ได้ออกแถลงการณ์ยื่นฟ้องกลุ่ม LGBTQ+ ว่า กลุ่มดังกล่าวได้ส่งสัญญาณให้เห็นถึงการเป็นหัวรุนแรง และกล่าวหาว่าพวกเขาลงมือปลุกปั่นให้เกิดความขัดแย้งทางสังคมและศาสนา แต่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของการกระทำที่กล่าวอ้าง ตลอดจนหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหาดังกล่าว
นอกจากนี้ กระทรวงยุติธรรมยังได้เผยแพร่รายชื่อกลุ่มหัวรุนแรงมากกว่า 100 กลุ่มที่ถูกแบนในรัสเซียด้วยเช่นกัน
ด้านดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซีย ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวก่อนที่ศาลจะตัดสินว่า รัฐบาลรัสเซียไม่ได้ติดตามคดีดังกล่าว และไม่มีความเห็นใด ๆ ต่อคดีนี้
ทั้งนี้ คำตัดสินล่าสุดของศาลฎีการัสเซีย ถือเป็นส่วนหนึ่งของการเพิ่มข้อจำกัดด้านสิทธิในการแสดงออกทางรสนิยมทางเพศ และอัตลักษณ์ทางเพศของกลุ่ม LGBTQ+ ในประเทศ
ขณะที่เมื่อคืนที่ผ่านมา สำนักข่าวเดอะมอสโกไทม์สรายงานว่า เพียงหนึ่งวันหลังศาลสูงสุดรัสเซียอ่านคำพิพากษาและตัดสินให้กลุ่ม LGBTQ+ เป็นกลุ่มหัวรุนแรง เจ้าหน้าที่ตำรวจในกรุงมอสโกได้ลงพื้นที่กวาดล้างผับใต้ดิน ซาวน่า และสถานบันเทิงของกลุ่ม LGBTQ+ อย่างไรก็ดี ทางการกรุงมอสโกอ้างว่า การลงพื้นที่ของตำรวจเป็นไปเพื่อตรวจหาและกวาดล้างยาเสพติด ซึ่งเป็นการลงพื้นที่ตามปกติ ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่กลุ่ม LGBTQ+ แต่อย่างใด
คำตัดสินของศาลสูงสุดรัสเซียที่ออกมาล่าสุดนั้น ไม่ได้สร้างความแปลกใจให้กับกลุ่ม LGBTQ+ ในรัสเซียมากนัก เพราะที่ผ่านมา รัฐบาลรัสเซียพยายามจำกัดสิทธิเสรีภาพของคนกลุ่มนี้มาอย่างต่อเนื่อง
หลายปีที่ผ่านมา วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ได้พยายามส่งเสริมภาพลักษณ์ของรัสเซียที่ให้คุณค่ากับสถาบันครอบครัวแบบดั้งเดิม ซึ่งเป็นแนวคิดที่ตรงข้ามกับชาติตะวันตก
ย้อนกลับไปเมื่อปีที่แล้ว ประธานาธิบดีปูติน ได้กล่าวสุนทรพจน์กล่าวหาว่า ชาติตะวันตกรับเอากระแสที่ค่อนข้างตรงข้ามจากเขา เช่นการจำแนกกลุ่มคนหลากหลายทางเพศนับสิบแบบ และขบวนพาเหรดของกลุ่มเกย์ แต่เขาได้ย้ำว่า แม้ว่าชาติตะวันตกจะรับเอากระแสเหล่านั้นมาใช้ ก็ไม่มีสิทธิบังคับประเทศอื่นๆให้ยอมรับสิ่งนี้
แม้รัสเซียจะยกเลิกกฎหมายที่ระบุว่า การรักเพศเดียวกันเป็นความผิดทางอาญาตั้งแต่ปี 1993 และการรักเพศเดียวกันถูกถอนจากรายนามโรคจิตเวชของรัสเซียตั้งแต่ปี 1999 แต่ว่านับตั้งปี 2013 เป็นต้นมา รัสเซียได้ผลักดันกฎหมายควบคุมสิทธิของกลุ่ม LGBTQ+ ที่เรียกว่า กฎหมายการโฆษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับกลุ่มที่มีความหลากหลายทางเพศ ซึ่งกฎหมายดังกล่าวห้ามสนับสนุนกิจกรรมของคนกลุ่มนี้ไปสู่เด็กและเยาวชนรัสเซีย
และเมื่อปีที่แล้ว รัสเซียยังได้ผ่านกฎหมายใหม่ที่ระบุว่า การกระทำหรือข้อมูลใดก็ตามที่ถือว่าเป็นความพยายามในการสนับสนุนแนวคิดรักร่วมเพศ ทั้งในที่สาธารณะ ช่องทางออนไลน์ หรือในรูปภาพของภาพยนตร์ หนังสือ หรือโฆษณา จะต้องได้รับโทษปรับอย่างหนัก
โทษปรับสำหรับประชาชนที่กระทำความผิดจะอยู่ที่ 4 แสนรูเบิลหรือราว 2 แสนบาท ในขณะที่นิติบุคคลจะมีโทษปรับอยู่ที่ 5 ล้านรูเบิลหรือราว 3 ล้านบาท และหากเป็นชาวต่างชาติจะถูกจำคุกเป็นเวลา 15 วันก่อนเนรเทศออกนอกประเทศ
ขณะที่ปีนี้ ประธานาธิบดีปูติน ได้ลงนามรับรองกฎหมายห้ามไม่ให้ชาวรัสเซียผ่าตัดแปลงเพศ รวมถึงห้ามเปลี่ยนเพศในเอกสารทางการราชการ ตลอดจนห้ามคู่รักเพศเดียวกันรับเลี้ยงลูกบุญธรรม
คำตัดสินของศาลฎีกา ส่งผลให้ชาวรัสเซียได้แบ่งความคิดออกเป็นสองฝ่าย โดยมีทั้งกลุ่มที่สนับสนุน และไม่เห็นด้วยต่อคำตัดสินนี้
กลุ่มชาวรัสเซียที่สนับสนุนคำตัดสินของศาลฎีกาบอกว่า พวกเขาสนับสนุนค่านิยมดั้งเดิมของรัสเซีย และเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ก็คิดแบบนั้น เพราะสังคมที่พวกเขาอยู่ก็มีทัศนคติเชิงลบต่อกลุ่มคนหลากหลายทางเพศ
ส่วนคนที่ไม่เห็นด้วยต่อคำตัดสินของศาลระบุว่า แม้จะมีทัศนคติที่เป็นกลางกับเรื่องนี้ แต่ก็อยากให้โลกใบนี้เป็นที่ที่ผู้คนสามารถรักใครก็ได้
ทั้งนี้ กลุ่มนักเคลื่อนไหว LGBTQ+ ยอมรับว่า คำตัดสินของศาลในคดีดังกล่าวเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และสิ่งนี้ได้สร้างความกังวลใจให้กับพวกเขาอย่างมาก เพราะอาจเป็นการเปิดช่องทางให้ทางการรัสเซียปราบปรามผู้ที่ออกมาพูดถึงสิทธิเกย์
และคนข้ามเพศมากขึ้น ตลอดจนเจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคงอาจมาเคาะที่ประตูหน้าบ้าน และสั่งดำเนินคดีอาญาในข้อหามีส่วนร่วมกับกิจกรรมของชุมชนของพวกเขา ที่ถูกขึ้นบัญชีเป็นองค์กรหัวรุนแรง
นอกจากนี้พวกเขายังกลัวว่า กิจกรรมที่ออกแบบมาเพื่อช่วยชาว LGBTQ+ เช่นการสนับสนุนด้านจิตใจและกฎหมาย หรือแม้แต่การนั่งดื่มชาร่วมกันของพวกเขาอาจถูกจำกัด และในที่สุด กลุ่ม LGBTQ+ อาจฆ่าตัวตาย หรืออยู่ในสภาพจิตใจที่ย่ำแย่ เพราะสิทธิและพื้นที่ต่างๆ ที่เป็นแหล่งพักพิงทางใจถูกจำกัด
หนึ่งในหญิงข้ามเพศชาวรัสเซียมองว่า ความเคลื่อนไหวนี้อาจทำให้นักเคลื่อนไหวถูกจับกุมตัวมากขึ้น และกลุ่มชาวสีรุ้งก็อาจถูกสั่งประหารชีวิตได้ง่ายขึ้น และสิ่งเหล่านี้ถือเป็นเผด็จการแห่งความกลัว และผู้คนก็ไม่กล้าออกมาต่อต้าน
ส่วนความเคลื่อนไหวของสหประชาชาติ ราวินา แชมดาซานิ โฆษกสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) ระบุว่า คำตัดสินดังกล่าวกำลังซ้ำเติมสถานการณ์ของชุมชน LGBTQ+ ในรัสเซียให้ย่ำแย่ลงไปอีก และการเลือกปฏิบัติ ความรุนแรง การกีดกัน และการตีตราชุมชนใดชุมชนหนึ่ง ถือเป็นการกัดกร่อนสังคมทั้งหมดของประเทศด้วย
ที่ผ่านมา รัสเซียได้กีดกันคนกลุ่มนี้อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การสั่งห้ามสิ่งที่เรียกว่าโฆษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับกลุ่มชายรักชายในประเทศ และตอนนี้ผู้ที่สนับสนุนผู้ที่มีรสนิยมทางเพศอื่นๆ อาจต้องเผชิญกับคดีความทางอาญา สิ่งเหล่านี้ทำให้โฆษกสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติออกมาเรียกร้องให้รัสเซียยกเลิกกฎหมายนี้ และกฎหมายอื่นๆ ที่ละเมิดสิทธิของชุมชนชาว LGBTQ+
ทั้งนี้กลุ่ม LGBTQ+ มองว่า ความเคลื่อนไหวในการควบคุมกลุ่มคนหลากหลายทางเพศในรัสเซียที่ทวีความรุนแรงขึ้น อาจเป็นส่วนหนึ่งของแผนการรณรงค์หาเสียงของประธานาธิบดีปูตินสำหรับการเลือกตั้งทั่วไปที่จะเกิดขึ้นในปีหน้าและการดำเนินการดังกล่าวอาจมีขึ้นเพื่อตอกย้ำให้ชาวรัสเซียเห็นว่า ตัวเขาในฐานะประธานาธิบดี ยังคงเดินหน้าสนับสนุนการดำรงอยู่ของสถาบันครอบครัวแบบดั้งเดิมของชาวรัสเซียอย่างหนักแน่น
——————————————————————————————————————————————
ที่มา : PPTV / วันที่เผยแพร่ 4 ธ.ค.66
Link : https://www.pptvhd36.com/news/ต่างประเทศ/211842