สถิติของโครงการประเมินความมั่นคงและปลอดภัยทางไซเบอร์ (Security Posture Assessment) ประจำปี พ.ศ. 2566 จาก สกมช. องค์กรที่เข้าร่วมมีจุดอ่อนด้านไหนบ้าง พร้อมทั้งความสำคัญ และแนวทางรับมือเพื่อลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์
ปัจจุบันมีหน่วยงานที่ร่วมโครงการการประเมินความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ในระดับองค์กร (Security Posture Assessment) ประจำปี 2566 กับ สกมช. (สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ) ทั้งสิ้น จำนวน 17 หน่วยงาน
ทั้งหมดประกอบด้วย หน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศ จำนวน 7 หน่วยงาน รวมทั้งหน่วยงานควบคุมกำกับหรือดูแล จำนวน 5 หน่วยงาน และหน่วยงานของรัฐ จำนวน 5 หน่วยงาน
การจัดตั้งโครงการฯ นี้ มีเป้าหมายเพื่อประเมินสุขภาพด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของหน่วยงาน CII และ Regulators ทั้งหมดในโครงการเพื่อให้ทราบถึงช่องโหว่ จุดอ่อน และจุดแข็งขององค์กรทำให้สามารถนำไปต่อยอดออกแบบแผน หรือกลยุทธ์ในการรับมือต่อภัยคุกคามไซเบอร์ได้ ซึ่งการประเมินนี้เป็นไปตามมาตรฐานสากล คล้ายกับการตรวจสุขภาพประจำปีทางไซเบอร์ฯ ระบบสารสนเทศที่สำคัญขององค์กร
สกมช. ใช้เกณฑ์การประเมินทั้ง 5 ด้าน ในการตรวจสอบประกอบไปด้วย
1. Network = การควบคุม Security ต่าง ๆ บน Network หรือ Traffic ต่างๆ ที่มีการไหลเข้าออกภายในเครือข่ายขององค์กร
2. Endpoint = เครื่อง PC/Laptops ขององค์กรที่มีการอนุญาตให้ใช้ภายใต้เครือข่าย Network ขององค์กร
3. Cloud = Public Cloud และ Private Cloud
4. SaaS = Application ที่ on อยู่บน cloud เช่น O365 MS365 เป็นต้น
5. SOC = ทีม Security ที่ดูแลเรื่องความมั่นคงปลอดภัยให้กับองค์กรตลอด 24/7 ทั้งทีมภายใน และทีมภายนอก (Outsource)
พลอากาศตรี อมร ชมเชย เลขาธิการคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (ลธ.กมช.)
พลอากาศตรี อมร ชมเชย เลขาธิการคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (ลธ.กมช.) ได้เผยถึงผลการประเมินความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ของทั้ง 17 หน่วยงาน พบว่า “ผลการประเมินทำให้เห็นภาพที่ชัดเจนว่าต้องปรับปรุงเรื่องใด และส่วนใดที่ทำได้ดีแล้ว เพื่อให้หน่วยงานได้ทราบถึงจุดที่เป็นโอกาสในการปรับปรุง และจุดที่ทำได้ดีเพื่อรักษามาตรฐานนั้นไว้”
จากเกณฑ์การประเมินทำให้เห็นว่า Network เป็นส่วนที่หน่วยงานต่าง ๆ ทำได้ดีกว่าส่วนอื่นๆ เนื่องจากหากพิจารณาการลำดับความสำคัญในการวางรากฐานความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แล้ว Network ถือเป็นส่วนนึงที่จะถูกพิจารณาเป็นอันดับแรก เช่น การพิจารณาจัดหา Firewall รุ่นใหม่, การควบคุม หรือการแบ่งโซนการป้องกันแยกออกจากกัน เป็นต้น นอกจากนี้ในส่วนของ Endpoint, Cloud, SaaS และ SOC ผลลัพธ์ภาพรวมอยู่ใน ระดับกลางค่อนต่ำโดยมีคะแนนค่าเฉลี่ยต่ำกว่า 50%
แนวทางการรับภัยคุกคามทางไซเบอร์ปี 2566
แนวทางการรับมือความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ ที่หน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศ หน่วยงานควบคุมกำกับหรือดูแล และหน่วยงานของรัฐ จะต้องพัฒนาประสิทธิภาพการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถรับมือกับภัยคุกคามที่พัฒนาความซับซ้อน และรุนแรงอยู่ตลอดเวลา โดยสามารถกำหนดภาพรวมในการพัฒนาใน 3 ด้าน ได้แก่
ด้านบุคลากร : ดำเนินการอบรมด้านความตระหนักรู้ (Awareness) ถึงภัยคุกคามทางไซเบอร์ให้กับบุคลากร Non-IT และ IT team รวมถึงการนำหลักการ Zero Trust มาปรับใช้ในการทำงาน
ด้านกระบวนการทำงาน : ปฏิบัติตามหลัก ISO 27001 และจัดทำแผน IR (Incident Response) เพื่อกำหนดมาตรฐานในการรับมือภัยคุกคาม
ด้านเทคโนโลยี : นำเทคโนโลยีที่มี AI/ML ที่มีความสามารถขั้นสูงในการตรวจจับภัยคุกคามเข้ามาช่วยในการดำเนินงาน และพัฒนารูปแบบการดำเนินงานของ SOC ให้เป็นรูปแบบที่ทันสมัยด้วย Automation ตลอดจนนำหลักการผนวกรวม Security ที่หลากหลาย และสร้างความซับซ้อนต่อการปฏิบัติงานโดยไม่จำเป็น (Platformization) และนำระบบ Threat Investigation Platform มาช่วยตรวจสอบตัวบ่งชี้การโจมตี (Indicator of Compromise หรือเรียกว่า IOC) จากแหล่งภัยคุกคามหลายแหล่ง (Threat Intelligence) พร้อมตรวจค้น ภัยคุกคามหรือไฟล์อันตรายในเครือข่ายตนเอง เพื่อนำมาพัฒนาแนวทางการป้องกันได้ก่อนที่จะเกิดภัย
อย่างไรก็ตาม องค์กรที่มีเกณฑ์คะแนนอยู่ในระดับดีมาก จะมีปัจจัยประกอบด้วยกัน 2 อย่าง ได้แก่ ในองค์กรมีแผนการดำเนินงานที่ชัดเจน ผู้คนมีความตระหนักและจริงจังต่อเรื่องการผลักดันเรื่องความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ตั้งแต่ระดับผู้บริหารระดับสูงจนถึงระดับผู้ปฏิบัติงาน และมีการใช้เครื่องมือที่ทันสมัย ช่วยทุ่นแรงของบุคลากรที่มีอยู่อย่างจำกัดได้ โดยนำ AI และ Machine Learning เข้ามาช่วยในการจัดการ
อนุพงษ์ ไชยฤทธิ์ รองผู้อำนวยการ ส.ส.ท. ด้านเทคโนโลยีการกระจายสื่อ ThaiPBS
ThaiPBS (ไทยพีบีเอส) หนึ่งในหน่วยงานที่ได้คะแนนการประเมินในระดับดีเยี่ยม โดย อนุพงษ์ ไชยฤทธิ์ รองผู้อำนวยการ ส.ส.ท. ด้านเทคโนโลยีการกระจายสื่อ ThaiPBS ได้ให้ความเห็นว่า “การบริหารจัดการองค์กรให้ประสบความสำเร็จในด้านภัยคุกคามทางไซเบอร์ ผู้บริหารจะต้องให้ความสำคัญในการด้านภัยคุกคามไซเบอร์อย่างจริงจัง และให้ความสำคัญในการผลักดันแนวทางการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ให้เป็นภารกิจหลักขององค์กร จะต้องไม่มองว่าเรื่องไซเบอร์ เป็นภารกิจรอง หรือเป็นสิ่งที่ละเว้นก่อนได้”
นอกจากนี้ “ในเรื่องของการสร้างความตระหนักรู้แก่บุคลากรขององค์กร ให้เข้าใจและให้ความสำคัญต่อภัยคุกคามทางไซเบอร์ ยังถือเป็นหัวใจสำคัญหลักอีกเรื่องหนึ่งเช่นกัน ในการขับเคลื่อนแนวทางการป้องกันภัยไซเบอร์ให้ประสบผลสำเร็จ จะต้องไม่มองว่าหน้าที่นี้เป็นหน้าที่ของบุคคล หรือกลุ่มคนใดกลุ่มคนนึง แต่เป็นหน้าที่ของบุคลากรในหน่วยงาน ต้องเฝ้าระวัง ให้ความสำคัญ และปฏิบัติตามหลักและแบบแผนที่ควรพึงกระทำ ในการรักษาความลับ ไม่ทำข้อมูลรั่วไหล หรือทำสิ่งที่ก่อให้เกิดอันตรายทางไซเบอร์ต่อองค์กรได้”
ดร. ธัชพล โปษยานนท์ ผู้อำนวยการประจำประเทศไทยและอินโดจีน บริษัท พาโล อัลโต เน็ตเวิร์กส์
ด้าน ดร. ธัชพล โปษยานนท์ ผู้อำนวยการประจำประเทศไทยและอินโดจีน บริษัท พาโล อัลโต เน็ตเวิร์กส์ กล่าวถึงแนวทางการป้องกัยภัยทางไซเบอร์ในระดับองค์กรว่า “โครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศ (Critical Information Infrastructure : CII) เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด และจำเป็นต้องรองรับการทำงานได้อย่างมีเสถียรภาพ ทั้งนี้ภารกิจในการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันของแต่ละองค์กรนั้น CII จำเป็นต้องมีโครงสร้างที่สามารถจัดการได้ และลดพื้นที่การโจมตี (Attack Surface) ที่อาจเกิดขึ้น รวมทั้งลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์รูปแบบใหม่ ซึ่งองค์กรควรนำแนวทาง Zero Trust หรือความไม่วางใจสิ่งใดๆ มาใช้งาน ครอบคลุมการตรวจสอบด้านความปลอดภัยไซเบอร์”
พร้อมกล่าวเสริมว่า “ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยไซเบอร์มีการพัฒนารูปแบบการโจมตีอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา ดังนั้น องค์กรต่าง ๆ จึงจำเป็นต้องพิจารณาถึง การรวบรวมและเชี่อมโยงเครื่องมือด้านความปลอดภัยไซเบอร์ที่หลากหลายซับซ้อนให้ทำงานร่วมกันได้ และมีการอัปเดตตลอดเวลา เพื่อป้องกันภัยไซเบอร์ และต่อสู้กับภัยคุกคามขั้นสูง”
การจัดโครงการในครั้งนี้ของ สกมช. ถือเป็นการเตรียมความพร้อมให้หน่วยงานได้รับทราบถึงศักยภาพขององค์กรในด้านการรับมือกับความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ เพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นจากภัยคุกคามทางด้านไซเบอร์ อย่างไรก็ตาม ทาง สกมช. และพันธมิตร ยังคงวางแผนเดินหน้าจัดโครงการนี้ต่อไปในปีหน้า โดยตั้งใจที่จะขยายขอบเขตให้หน่วยงานในภาครัฐ และเอกชนสามารถเข้าร่วมโครงการนี้ ได้เพิ่มเติมมากขึ้น
——————————————————————————————————————————————————–
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ / วันที่เผยแพร่ 28 พ.ย.66
Link : https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/2744077