แขวนป้าย-พ่นสีถนนถามหาสันติภาพ “ปัตตานี-นราฯ” คาดต้อนรับนายกฯเศรษฐา

Loading

  แขวนป้าย – พ่นข้อความบนถนน ป่วนนราธิวาส 4 อำเภอ แถมมีวัตถุต้องสงสัยผูกติดไว้ที่เสาไฟฟ้า ส่วนที่ปัตตานีพื้นที่รอยต่อ 3 อำเภอ พบพ่นสีบนถนน เจ้าหน้าที่เชื่อคนร้ายสร้างสถานการณ์รับนายกฯ เศรษฐา   เมื่อเวลา 07.15 น. วันพุธที่ 23 ส.ค. 66 พ.ต.อ.อาภากร วิรูปักษ์อารักษ์ ผู้กำกับการ สภ.ระแงะ จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุคนร้ายแขวนป้ายผ้า พ่นสีเขียนข้อความบนถนน และวางวัตถุต้องสงสัยบริเวณสวนยางพาราริมถนนบ้านทอง หมู่ 13 ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พร้อมกับ พ.อ.ณัฐภูมิ ฉัตรภูมิ รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 45 (รอง ผบ.ฉก.ทพ.45) รวมถึงเจ้าหน้าที่ชุดทำลายวัตถุระเบิดอโณทัย (อีโอดี) เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส   ในที่เกิดเหตุพบว่า คนร้ายได้ผูกป้ายผ้าเขียนข้อความเป็นภาษไทยหลายจุด มีใจความเดียวกันหมดว่า “สันติภาพที่ยั่งยืนมีจริงไหม” โดยคนร้ายมัดเชือกที่มุมผ้าซ้ายขวาผูกโยงขึงไว้กับกิ่งต้นยางพารา และที่เสาไฟฟ้าริมถนน ห่างจากจุดที่ผูกป้ายผ้าประมาณ 5…

อย่ากดเด็ดขาด! การบินไทย เตือน SMS ส่งลิงก์ปลอม แจกบัตรรอยัล ออร์คิดฯ

Loading

  อย่ากดเด็ดขาด! การบินไทย เตือนมิจฉาชีพส่ง SMS แนบลิงก์ปลอม แจกบัตรรอยัล ออร์คิด พลัส แพลทินัม ยันไม่มีนโยบายติดต่อลูกค้าให้ทำธุรกรรมทุกกรณี   วันที่ 22 ส.ค. 2566 การบินไทย ออกประกาศแจ้งเตือน ระบุว่า กรณีที่ปรากฏว่ามีการส่งต่อลิงก์ทาง SMS ให้เพิ่มเพื่อน Line : Thai Airways โดยมีผู้แอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่การบินไทยโทรมาให้เพิ่มเพื่อนและยืนยันตัวตน เพื่อรับสิทธิประโยชน์ต่างๆ จากบริษัทฯ และบัตรสมาชิกโปรแกรมสะสมไมล์รอยัล ออร์คิด พลัส แพลทินัม ของบริษัทฯ จากนั้นได้ให้ผู้เสียหายติดตั้ง Mobile Application การบินไทย   บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ขอแจ้งเตือนลูกค้าและบุคคลทั่วไปว่า บริษัทฯ ไม่มีนโยบายการส่ง SMS, ลิงก์ หรือให้ติดตั้ง Mobile Application เพื่อแจ้งสิทธิประโยชน์ต่อลูกค้าหรือทำธุรกรรม ในทุกกรณี   ขอความกรุณาไม่เปิดอ่านข้อมูลในลิงก์ดังกล่าวเพื่อป้องกันภัยทางด้านไซเบอร์…

มองไฟป่าฮาวาย แล้วย้อนมาดูตัว ไทยพร้อมไหมรับมือภัยโลกร้อน

Loading

    แม้ว่าฮาวายจะมีระบบเตือนภัยธรรมชาติก้าวหน้าที่สุดแห่งหนึ่งในโลก แต่จากโศกนาฎกรรมไฟป่าเผาวอดเมือง Lahaina ชี้ว่า แม้แต่ระบบเตือนภัยที่ล้ำหน้ายังตามภัยพิบัติโลกร้อนไม่ทัน   ไฟป่าฮาวาย จากเหตุไฟป่าเผาเมือง Lahaina บนเกาะ Maui ในมลรัฐฮาวาย ที่ต้องประสบกับไฟป่าโหมรุนแรงจนเป็นผลให้ทั้งเมืองถูกไฟเผาวอด คร่าชีวิตคนไปมากกว่า 111 ชีวิต หนึ่งในข้อกังขาที่หลายคนต่างตั้งคำถามภายหลังเกิดเหตุ นั่นก็คือ ทำไมจึงไม่มีการเตือนภัยแก่ประชาชนในเมือง Lahaina อย่างทันท่วงที จนนำไปสู่โศกนาฏกรรมไฟป่าที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา   ภายหลังเหตุการณ์ดังกล่าว เฮอร์แมน อันดายา ผู้บริหารหน่วยงานจัดการเหตุฉุกเฉินเมาวี กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เขาไม่เสียใจเลยที่ไม่ใช้ไซเรน เนื่องจากไซเรนส่วนใหญ่จะใช้เพื่อเตือนเมื่อคลื่นสึนามิเข้าใกล้เกาะ และหากพวกเขาเปิดสัญญาณไซเรน ผู้อยู่อาศัยจำนวนมากคงจะไปที่เชิงเขา ซึ่งเป็นจุดที่เกิดไฟไหม้รุนแรงที่สุด   ไฟป่าเมื่อวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา เผาเมือง Lahaina เมืองหลวงเก่าของฮาวายจนวอดเกือบทั้งเมือง ที่มาภาพ: รอยเตอร์   อันดายา กล่าวเสริมว่า ระเบียบปฏิบัติสำหรับเหตุเพลิงไหม้คือการส่งประกาศผ่านข้อความ ข้อความเสียง และโทรศัพท์บ้าน และการแจ้งเตือนไปผ่านโทรทัศน์และวิทยุ อย่างไรก็ตามไฟได้ทำลายเครือข่ายการสื่อสารอย่างรวดเร็ว จนระบบการแจ้งเตือนนี้ไม่สามารถทำงานได้   ไชยณรงค์…

พ่อแม่ระวังให้ดี! มิจฉาชีพใช้ AI เลียนเสียง หลอกว่าลูกโดนจับเรียกค่าไถ่

Loading

  กลใหม่ มิจฉาชีพใช้ AI เลียนเสียง หลอกว่าลูกโดนเรียกค่าไถ่ พ่อแม่ – ผู้ปกครอง ต้องระวังให้ดีก่อนตกเป็นเหยื่อเสียเงินไม่รู้ตัว จากกรณีที่ มิจฉาชีพ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ กำลังระบาดอย่างหนัก มีหลอกลวงให้หลงเชื่อในรูปแบบต่างๆ เช่น อ้างชื่อหน่วยงานภาครัฐ หรือการส่ง SMS หลอกลวง ล่าสุดมิจฉาชีพมีการหลอกลวงรูปแบบใหม่ มีการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial intelligence) เลียนเสียงนักศึกษาหรือผู้เสียหาย หลอกให้ผู้ปกครองหลงเชื่อว่านักศึกษาถูกเรียกค่าไถ่ พร้อมขู่โอนเงินเรียกค่าไถ่ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) แจ้งเตือนภัยขอให้ผู้ปกครองอย่าหลงเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้รูปแบบพฤติการณ์เรียกค่าไถ่เสมือน โดยมิจฉาชีพจะโทรศัพท์หาพ่อแม่หรือผู้ปกครอง พร้อมส่งรูปบุตรหลานไปยังพ่อแม่หรือผู้ปกครอง และมิจฉาชีพจะหลอกว่าลูกหลานถูกเรียกค่าไถ่ โดยกลุ่มเป้าหมายของกลมิจฉาชีพ AI เลียนเสียง มี 2 กลุ่ม 1. นักศึกษาที่ตั้งใจเรียนดี อยู่เพียงลำพัง ในระดับชั้นอุดมศึกษา 2. ผู้ปกครอง   วิธีการของคนร้าย ใช้ AI เลียนเสียง หลอกว่าลูกโดนเรียกค่าไถ่ ทำยังไง ?…

วอชิงตันสั่งพลเมืองสหรัฐฯ รีบออกจาก “เบลารุส” ด่วน ปรับระดับเสี่ยงภัยสูงสุด นักการเมืองรัสเซียเตือนดุ “โปแลนด์” อยู่ในอันตราย หลังวิตกวอร์ซออาจส่งกำลังประชิด “คาลินินกราด”

Loading

  เอเจนซีส์/เอพี – กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯวานนี้ (21 ส.ค) ประกาศเตือนพลเมืองสหรัฐฯรีบเดินทางออกจากเบลารุส ปรับความเสี่ยงภัยเป็นระดับ 4 สูงสุด ท่ามกลางตรึงเครียดพุ่ง   อังเดรย์ กูรุลยอฟ (Andrey Gurulyov) สมาชิกรัฐสภาดูม่าและอดีตผู้บัญชาการทหารรัสเซียเตือนดุ โปแลนด์ตกอยู่ในความเสี่ยงสูงกลัวคาลินินกราดโดนยึด หลังผู้นำโปแลนด์-ลิทัวเนียประชุมเครียดสัปดาห์ที่แล้ว พบ ฮ.ลูคาเชนโก 2 ลำบินล้ำน่านฟ้าในโปแลนด์รอบใหม่ระหว่างวากเนอร์กำลังฝึกยุทวิธีทางทหารให้ทหารเบลารุสห่างจากพรมแดนแค่ 5 ก.ม   เดอะฮิลล์ สื่อสหรัฐฯรายงานวันนี้ (22 ส.ค)ว่า ความเปลี่ยนแปลงล่าสุดใกล้สมรภูมิรบยูเครนสะท้อนจากการเปลี่ยนแปลงของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯในวันจันทร์ (21) ออกคำแนะนำใหม่สำหรับการเดินทางแก่พลเมืองสหรัฐฯ ในเบลารุสหลังสั่งปรับความเสี่ยงภัยไปอยู่ที่ระดับ 4 ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดแล้ว   ตามคำแนะนำพบว่ากระทรวงเรียกร้องให้ชาวอเมริกันที่ยังอยู่ในเบลารุสให้รีบออกนอกประเทศทันที เกิดขึ้นหลังประเทศเพื่อนบ้านทั้งโปแลนด์ ลัตเวีย ลิทัวเนีย ที่มีพรมแดนติดต่อกันได้สั่งการให้เพิ่มความมั่นคงควบคุมมากขึ้นเหตุวิตกกลัวกำลังทหารวากเนอร์รัสเซียอาจแทรกซึมเจาะเข้าไปจากฝั่งเบลารุส   นอกจากนี้สถานทูตสหรัฐฯประจำเบลารุสในกรุงมินสค์ยังยกเลิกการให้บริการปกติแต่เข้าสู่โหมดฉุกเฉินให้บริการเฉพาะเร่งด่วนสำหรับพลเมืองอเมริกันเท่านั้น   “อย่าเดินทางไปเบลารุสเนื่องมาจากผู้มีอำนาจเบลารุสยังคงให้การสนับสนุนรัสเซียในการโจมตียูเครน สะสมขุมกำลังกำลังทหารรัสเซียในเบลารุส การบังคับใช้กฎหมายท้องถิ่นแบบตามอำเภอใจ ความน่าจะเป็นสูงต่อความไม่สงบประชาชนเบลารุส ความเสี่ยงต่อการถูกควบคุมตัว และทางสถานทูตสหรัฐฯ มีความสามารถจำกัดในการให้ความช่วยเหลือพลเมืองสหรัฐฯ ที่อาศัยหรือเดินทางเข้าเบลารุส” รายงานจากแถลงการณ์ของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ  …

จีนจับกุมเจ้าหน้าที่รัฐในกระทรวงหนึ่ง อ้างเป็นสายให้กับ CIA

Loading

  กระทรวงความมั่นคงแห่งรัฐของจีนแถลงจับกุมเจ้าหน้าที่รัฐที่ทำงานในกระทรวงหนึ่ง ชี้เป็นสายให้กับสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐฯ หรือซีไอเอ   วันที่ 21 ส.ค. ทางการจีนกล่าวหาเจ้าหน้าที่รัฐบาลคนหนึ่งว่า เป็นสายของสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐฯ หรือซีไอเอ (CIA) และมีส่วนเกี่ยวกับกับคดีจารกรรมที่สำคัญ นับเป็นคดีที่สองแล้วของเดือนนี้ที่จีนออกมากล่าวหาว่าสหรัฐฯ ส่งสายสืบเข้ามาในประเทศ โดยใช้คนจีนด้วยกันเอง   ในถ้อยแถลง กระทรวงความมั่นคงแห่งรัฐ ระบุว่า กำลังสืบสวนเจ้าหน้าที่ในกระทรวงรายหนึ่งที่ไม่เปิดเผยชื่อ ซึ่งถูกกล่าวหาว่าถูกคัดเลือกโดยซีไอเอในขณะที่เขาศึกษาอยู่ที่ญี่ปุ่น     กระทรวงฯ ระบุว่า ชาวจีนวัย 39 ปี ซึ่งถูกระบุเพียงนามสกุลว่ามีแซ่ “ห่าว” ได้รู้จักกับเจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐฯ ในญี่ปุ่นขณะยื่นขอวีซ่าสหรัฐฯ โดยเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ได้พยายามพัฒนาความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับห่าว ทั้งเลี้ยงข้าว ส่งของขวัญให้ และจ่ายเงินช่วยสนับสนุนการเขียนรายงานการวิจัยเพื่อจบการศึกษา   กระทรวงฯ อ้างว่า เมื่อสนิทกัน เจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐฯ ได้แนะนำห่าวให้รู้จักกับเพื่อนร่วมงานคนหนึ่ง ซึ่งภายหลังเปิดเผยว่าตัวเองเป็นเจ้าหน้าที่ซีไอเอ และขอให้ห่าวกลับไปประเทศจีน และแฝงตัวเข้าทำงานในแผนกหนึ่งของกระทรวงหนึ่ง ซึ่งมีความสำคัญอย่างมาก   ถ้อยแถลงระบุว่า ห่าวตกลงรับข้อเสนอ โดยลงนามในข้อตกลงจารกรรมกับสหรัฐฯ และได้รับการฝึกอบรม   เมื่อกลับมาที่จีน…