รัฐบาลสิงคโปร์สั่งน้องชายนายกรัฐมนตรี แก้ไขการโพสต์เฟซบุ๊ก

Loading

  นายลี เซียน หยาง น้องชายของผู้นำสิงคโปร์ แก้ไขข้อความบนเฟซบุ๊ก ตามคำสั่งของรัฐบาล ที่ระบุว่า “เป็นเนื้อหาบิดเบือน”   สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากประเทศสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 26 ก.ค. ว่า สำนักนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ออกแถลงการณ์ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ว่าข้อความหนึ่งบนเฟซบุ๊กเพจของนายลี เซียน หยาง น้องชายของนายกรัฐมนตรีลี เซียน ลุง “มีเนื้อหาคลาดเคลื่อนไปจากข้อเท็จจริง” ด้วยเหตุนี้ นายลี เซียน หยาง ต้องแก้ไขข้อมูลดังกล่าวให้ถูกต้อง โดยต้องมีการโพสต์ลิงก์เชื่อมไปยังเพจของรัฐบาล “ซึ่งเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง” ทั้งนี้ การโพสต์ดังกล่าวของน้องชายผู้นำสิงคโปร์ เกี่ยวข้องกับกรณีเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงยุติธรรมเช่าบังกะโล อย่างไรก็ตาม ผลการสืบสวนสอบสวนเป็นการภายในระบุว่า เจ้าหน้าที่กลุ่มนี้ไม่มีความผิดในทางใด   แม้นายลี เซียน หยาง ซึ่งปัจจุบันอาศัยอยู่ในต่างประเทศเป็นหลัก ปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าว ที่รัฐบาลใช้อำนาจตามกฎหมายปราบปรามเนื้อหาเท็จออนไลน์ เมื่อปี 2562 แต่มีการโพสต์ข้อความต่อว่า เขายังคงยึดมั่นกับข้อมูลดั้งเดิม และวิจารณ์รัฐบาลสิงคโปร์ของพี่ชาย “กำลังชี้นำประชาชนไปในทางที่ผิด”   อนึ่ง พี่น้องตระกูลลีแห่งสิงคโปร์ขัดแย้งกันอย่างหนัก ในเรื่องมรดกของบิดาผู้ล่วงลับ…

สายขุด สายสืบข้อมูลอาชญากรรมคนอื่นมาเปิดเผย ระวังสูญเงินล้าน

Loading

  นักสืบขุดประวัติ “บอดี้การ์ด” ของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล แชร์ว่อนเน็ต เคยเป็นผู้ต้องโทษ ทำให้ถูกสั่งพักงาน งานนี้คนขุดมีหนาว เพราะ “ข้อมูลอาชญากรรม” เป็นข้อมูลอ่อนไหวที่ได้รับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมาย “PDPA” เอาผิดทั้งแพ่ง อาญา ปกครอง   ชาวเน็ตขุด “ข้อมูลอาชญากรรม” ของบอดี้การ์ดส่วนตัว “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล แชร์ว่อนโลกโซเชียล เคยผ่านการต้องโทษ พร้อมเปิดเผยภาพใบหน้าขณะนำตัวมาแถลงข่าว ทำให้บอดี้การ์ดคนนี้ถูกสั่งพักงาน   คำถามคือ “ข้อมูลอาชญากรรม” เป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับการคุ้มครองจาก “พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562” หรือ กฎหมาย “PAPA” ถ้าหากเจ้าของข้อมูลเอาเรื่อง คนเปิดเผยข้อมูลจะได้รับโทษอย่างไรบ้าง   “ดร.ศิวรักษ์ ศิวโมกษธรรม” เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) เคยให้สัมภาษณ์ในเวทีอบรมเสวนาเชิงปฏิบัติการการส่งเสริมองค์ความรู้ด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับสื่อมวลชนเมื่อเร็วๆ นี้ว่า “PAPA” ในส่วน “ข้อมูลอาชญากรรม” เป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว หากมีคนนำไปเปิดเผยจนกระทบต่อเจ้าของข้อมูล มีโทษทางแพ่ง อาญา…

Google เพิ่มความเข้มงวดแอปสินเชื่อบน Google Play

Loading

  กูเกิล (Google) ประกาศใช้นโยบายสำหรับการคัดกรองแอปให้บริการสินเชื่อผ่านช่องทางดิจิทัลที่ดำเนินการในไทย ต้องแนบเอกสาร หลักฐานการให้บริการก่อนปล่อยให้ดาวน์โหลดผ่าน Google Play หวังเสริมความปลอดภัยให้แก่ผู้ใช้ ย้ำผู้ใช้งาน Android ระมัดระวังไม่ติดตั้งแอปจากภายนอกสุ่มเสี่ยงการหลอกลวงจากมิจฉาชีพ   แจ็คกี้ หวาง Country Director , Google ประเทศไทย กล่าวว่า นโยบายใหม่นี้จะช่วยปกป้องผู้ใช้ในไทยจากการละเมิดที่อาจเกิดขึ้นจากแอปสินเชื่อส่วนบุคคลที่ฉ้อฉล ภายเป้าหมายของกูเกิลในการกำจัดแอปที่ไม่ดีออกจาก Play Store   “การบังคับใช้มาตรการเชิงรุก โดยกำหนดเกณฑ์ที่เข้มงวดสำหรับแอปบริการสินเชื่อผ่านช่องทางดิจิทัล จะช่วยลดความเสี่ยงทางการเงินและปกป้องผู้บริโภค”   สำหรับการปรับปรุงนโยบายบริการทางการเงินของ Google ในครั้งนี้ กำหนดให้แอปที่มีฟีเจอร์ทางการเงินต้องส่งแบบฟอร์มการประกาศฟีเจอร์ทางการเงิน พร้อมด้วยข้อมูลและเอกสารเพิ่มเติม โดยนโยบายนี้จะมีผลตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม 2566 เป็นต้นไป   ทั้งนี้ นักพัฒนาแอปสินเชื่อส่วนบุคคลที่มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในไทยจะต้องกรอกแบบฟอร์มการประกาศแอปสินเชื่อส่วนบุคคล และส่งเอกสารที่จำเป็นก่อนที่จะเผยแพร่แอป จากนั้นต้องส่งหลักฐานการอนุมัติจากธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อให้บริการหรือช่วยอำนวยความสะดวกในการให้บริการสินเชื่อดิจิทัลในไทย   ระหว่างนี้แอปสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่ได้รับใบอนุญาตให้ดำเนินการในไทยจะถูกนำออกจาก Google Play Store ทันที หากใบอนุญาตการจดทะเบียน หรือการประกาศไม่เป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง นักพัฒนาแอปจะต้องนำแอปออกจาก…

ไหนบอกโปร่งใส!! หลักฐานชี้กลุ่มกบฏ ISIS ใช้คริปโตเพื่อขับเคลื่อนองค์กรก่อการร้าย

Loading

    TRM Labs แพลตฟอร์มข่าวกรองบล็อกเชนเปิดเผยในรายงานว่า พบการใช้ USDT บนเครือข่าย Tron ซึ่งเป็นตัวเลือกหลักสำหรับการทำธุรกรรมของกลุ่มรัฐอิสลามแห่งอิรักและซีเรีย หรือ ISIS ระหว่างบริษัทที่เกี่ยวข้องทั่วเอเชีย   TRM Labs แพลตฟอร์มข่าวกรองบล็อกเชนเพิ่งเปิดตัวรายงานที่เน้นการใช้ cryptocurrency ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม โดยระบุถึงการใช้คริปโตเพื่อสนับสนุนการก่อการร้าย เพื่อสนับสนุนการใช้ความรุนแรงขึ้นโดยกลุ่มรัฐอิสลามแห่งอิรักและซีเรีย (ISIS) ทั่วเอเชีย โดยมีการเชื่อมโยงการเชื่อมต่อแบบออนไลน์ที่สำคัญระหว่างกลุ่มเหล่านี้กับแคมเปญระดมทุนสนับสนุน ISIS ในซีเรียและกลุ่มอิสลาม ที่มีนโยบายด้านกฎหมายศาสนาอิสลามที่เชื่อมโยงในกลุ่มประเทศอื่นอีกด้วย   โดยในรายงานระบุว่ามี “หลักฐานบนเครือข่ายที่เพิ่มขึ้น” จาก 12 เดือนที่ผ่านมาพบว่า เครือข่ายที่สนับสนุน ISIS ในทาจิกิสถาน อินโดนีเซีย และอัฟกานิสถาน ได้ใช้สกุลเงินดิจิทัลเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการดำเนินงาน   จากข้อมูลของ TRM ธุรกรรมส่วนใหญ่ที่เชื่อมโยงกับกรณีที่เกี่ยวข้องกับการใช้ Tether USDT $1.00 บนเครือข่าย Tron   นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม…

ร.ศ. 112 ฝรั่งเศสมีสายลับอยู่ในป้อมพระจุลฯ หรืออย่างไร ได้แปลนป้อมไทยจากไหน?

Loading

เรือรบฝรั่งเศสสามลำจอดทอดสมอคุมเชิงอยู่ด้านหน้าสถานทูตฝรั่งเศส ในวิกฤตการณ์ ร.ศ. 112   จากการศึกษาตามบันทึกและปูมเรือของฝรั่งเศสในช่วงก่อนการเข้าตีฝ่าปากน้ำเจ้าพระยานั้น จะพบข้อมูลที่เรือลูแตงของฝรั่งเศสได้พยายามมาจอดบริเวณปากน้ำ หลังจากเข้ามาถึงกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 14 มีนาคม และไม่ยอมถอนออกไปตามกำหนดวันที่ 21 มีนาคม รวมทั้งยังแอบสังเกตการณ์ในวันที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ ทางชลมารค และขึ้นตรวจการก่อสร้างที่ ป้อมพระจุลฯ ในวันที่ 10 เมษายน ร.ศ. 112 อย่างใกล้ชิด และยังติดตามดูการเสด็จตรวจป้อมผีเสื้อสมุทรด้วย   ที่น่าสังเกตก็คือ ในเที่ยวเรือนี้ เรือลูแตงได้นำผู้บัญชาการสถานีทหารเรือไซ่ง่อนเข้ามาร่วมสังเกตการณ์ด้วย จนหลังการเสด็จตรวจป้อมเมื่อวันที่ 10 เมษายน แล้ว วันที่ 11 เมษายน เรือโคแมตที่ฝ่ายสยามไม่ยอมให้ขึ้นไปจอดที่กรุงเทพฯ (เพราะเรือลูแตงยังไม่ถอนออกไป) จึงได้จอดรออยู่ที่สมุทรปราการ และรับ ผบ. สถานีทหารเรือไซ่ง่อนถ่ายลำจากเรือลูแตงกลับไปด้วย ซึ่งน่าจะเป็นที่เข้าใจว่านายทหารระดับบัญชาการท่านนี้ได้มาหาข่าวและเตรียมการที่บุกไว้ก่อนที่จะกลับไปกำหนดแผนบุกในขั้นรายละเอียด (มีการตรวจดูพื้นที่เกาะเสม็ดและบริเวณใกล้เคียง ในระหว่างการเดินเรือช่วงเดือนมีนาคม – กรกฎาคม พ.ศ. 2436 ด้วย)   การพยายามบันทึกที่หมายทางเรือ และตำแหน่งเสาธงของป้อมผีเสื้อสมุทร ที่ได้มีการก่อสร้างปรับปรุงเพื่อเตรียมการติดตั้งปืนเสือหมอบแบบเดียวกับของป้อมพระจุลฯ ในขณะวิ่งเรือผ่าน…

ชีวิตน่าพิศวงของ “ออปเพนไฮเมอร์” บิดาแห่งระเบิดปรมาณู

Loading

จูเลียส โรเบิร์ต ออปเพนไฮเมอร์ บิดาแห่งระเบิดปรมาณู   เมื่อเอ่ยถึงอาวุธนิวเคลียร์ที่มีอานุภาพทำลายล้างมหาศาลนั้น หลายคนมักนึกถึงเหตุโศกนาฏกรรมครั้งประวัติศาสตร์ที่เมืองฮิโรชิมาและนางาซากิของญี่ปุ่น คนจำนวนไม่น้อยเข้าใจผิดคิดว่า อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ผู้คิดค้นความรู้ทางทฤษฎีที่นำไปสู่การพัฒนาระเบิดปรมาณูนั้น คือผู้ที่จะต้องรับผิดชอบต่อมรณกรรมของผู้คนเรือนแสน ในช่วงสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง   อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์กลับบันทึกชื่อของ จูเลียส โรเบิร์ต ออปเพนไฮเมอร์ (J. Robert Oppenheimer) นักฟิสิกส์รุ่นน้องของไอน์สไตน์ ชี้ว่า เขาต่างหากที่เป็นผู้มีส่วนรับผิดชอบโดยตรงต่อเหตุการณ์ดังกล่าว ทั้งยังเป็นคนที่เกิดความสำนึกเสียใจอย่างมาก หลังทราบว่าอาวุธที่เขาประดิษฐ์ขึ้นได้ล้างผลาญชีวิตเพื่อนมนุษย์ไปมากมายเพียงใด   เหล่านักประวัติศาสตร์ต่างชี้ตรงกันว่า ออปเพนไฮเมอร์คือ “บิดาแห่งระเบิดปรมาณู” ตัวจริง เนื่องจากเป็นผู้บุกเบิกและดำเนินโครงการแมนฮัตตัน (Manhattan Project) ที่พัฒนาระเบิดนิวเคลียร์ลูกแรกของโลกจนสำเร็จ ทั้งยังเป็นผู้แนะนำให้รัฐบาลสหรัฐฯ รีบนำอาวุธร้ายแรงนี้ไปใช้เพื่อยุติสงครามโลกอีกด้วย   ชีวิตของออปเพนไฮเมอร์นั้นน่าพิศวง และเต็มไปด้วยความขัดแย้งในตนเอง จากเด็กอัจฉริยะที่พุ่งทะยานสู่ความสำเร็จในวงการฟิสิกส์ยุคใหม่อย่างรวดเร็ว จนเป็นผู้มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในหมู่นักวิทยาศาสตร์รุ่นเดียวกัน มาสู่การเป็นนักวิจัยผู้ทรงอิทธิพลอย่างยิ่งต่อการกำหนดนโยบายความมั่นคงของชาติมหาอำนาจในยุคหนึ่ง แต่ความสำเร็จนี้กลับนำพาเขาสู่วังวนความขัดแย้งทางการเมือง ซึ่งได้ทำลายชีวิตของเขาจนย่อยยับในที่สุด   อัจฉริยะของวงการฟิสิกส์ยุคใหม่   ออปเพนไฮเมอร์เกิดที่นครนิวยอร์กของสหรัฐฯ เมื่อปี 1904 ในครอบครัวชาวยิวผู้มั่งคั่งที่อพยพมาจากเยอรมนี ตั้งแต่วัยเยาว์เขามีความสนใจในวิชาธรณีวิทยาและผลึกคริสตัลเป็นพิเศษ และได้เขียนจดหมายโต้ตอบเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้กับเหล่านักธรณีวิทยาผู้มีชื่อเสียงอยู่เสมอ…