กัมพูชาสั่งเตรียมพร้อมทหารเข้ารักษาความสงบเรียบร้อย รับมือคนขัดขวางกระบวนการเลือกตั้ง

Loading

  MGR ออนไลน์ – พล.อ.เตีย บัญ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ทหาร ร่วมมือกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการกับบุคคลใดก็ตามที่ตั้งใจขัดขวางกระบวนการเลือกตั้งในวันที่ 23 ก.ค. และสั่งการให้กองทัพเตรียมพร้อมรับมือกับสิ่งผิดกฎหมายในวันเลือกตั้ง พร้อมให้คำมั่นว่าจะดำเนินความพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อให้แน่ใจว่ากระบวนการการเลือกตั้งจะเป็นไปอย่างราบรื่น และปลอดภัย   พล.อ.เตีย บัญ ระบุว่า การเตรียมความพร้อมดังกล่าวยังรวมถึงการปรับปรุงอาวุธ และสิ่งจำเป็นต่าง ๆ เพื่อให้ทหารสามารถตอบสนองได้ทันท่วงทีในทุกสถานการณ์   “กองทัพต้องร่วมมือกับกระทรวง สถาบัน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อปกป้องความมั่นคง รักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชน และรับประกันความมั่นคงปลอดภัยของสังคม” รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ระบุ   พล.อ.เตีย บัญ ยังเรียกร้องให้ทหารทำงานร่วมกันเพื่อให้แน่ใจว่าการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นนั้นเสรี ยุติธรรม และเป็นธรรม เพื่อส่งเสริมประชาธิปไตยและการพัฒนาประเทศ   “เราต้องดำเนินมาตรการที่เหมาะสมสอดคล้องตามกฎหมายเพื่อป้องกันกิจกรรมที่พยายามขัดขวางกระบวนการเลือกตั้ง ปกป้องรัฐบาลที่ชอบธรรมที่มาจากการเลือกตั้ง และปกป้องความสำเร็จของชาติเพื่อรักษาเสถียรภาพ” พล.อ.เตีย บัญ กล่าว   ด้านโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวว่ากองกำลังรักษาความปลอดภัยกว่า 70,000 นายจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง จะประจำการในวันเลือกตั้ง เพื่อรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยทั่วประเทศ   การเลือกตั้งแห่งชาติของกัมพูชาจะจัดขึ้นในวันที่ 23…

หวั่นประท้วงใหญ่ต่อเนื่อง หลังอิสราเอลเดินหน้าแผนปฏิรูปศาล สถานทูตยืนยันยังไม่กระทบคนไทยในอิสราเอล

Loading

  รัฐบาลอิสราเอลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู เดินหน้าผลักดันแผนปฏิรูประบบตุลาการภายในประเทศ หวังจำกัดอำนาจศาลสูงสุด ชี้เป็นร่างกฎหมายที่มีความสมเหตุสมผล หลังจากมองว่าศาลสูงสุดแทรกแซงการเมืองมากจนเกินไป   เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ชาวอิสราเอลนับแสนคนได้ออกมาชุมนุมประท้วงครั้งใหญ่ในเมืองเทลอาวีฟ และอีกหลายเมืองสำคัญทั่วประเทศ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลอิสราเอลยกเลิกร่างกฎหมายดังกล่าวที่อาจนำไปสู่การกัดกร่อนระบอบประชาธิปไตยของประเทศนี้ โดยหลายฝ่ายคาดการณ์ว่า เหตุชุมนุมประท้วงใหญ่จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่วิกฤตทางการเมืองในครั้งนี้ดำเนินมานานถึง 28 สัปดาห์แล้ว   โดยร่างกฎหมายปฏิรูปศาลฉบับนี้ยังจำเป็นต้องได้รับมติเห็นชอบจากรัฐสภาอิสราเอลอีก 2 ครั้ง ก่อนที่จะประกาศบังคับใช้อย่างเป็นทางการ หลายฝ่ายคาดว่าการลงมติดังกล่าวจะเสร็จสิ้นภายในเดือนกรกฎาคมนี้   เนทันยาฮูปกป้องร่างกฎหมายฉบับนี้ พร้อมระบุว่า “รัฐบาลอิสราเอลจะไม่ยอมรับการดื้อแพ่งใด ๆ โดยรัฐบาลจะดำเนินการต่อต้านและปฏิบัติตามขั้นตอนที่จำเป็น เพื่อสร้างหลักประกันให้แก่ความมั่นคงและอนาคตของพวกเรา”   ทางด้านบรรดากลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงต่างมองว่า พวกเขาอาจมีความจำเป็นต้องยกระดับการชุมนุมขึ้น หลังจากที่พวกเขาเหลือเวลาประมาณ 2 สัปดาห์เศษในการยุติการผลักดันร่างกฎหมายฉบับนี้ของรัฐบาลเนทันยาฮู โดยหลายฝ่ายหวั่นสถานการณ์อาจตึงเครียดและมีแนวโน้มรุนแรงยิ่งขึ้น จนบานปลายกลายเป็นเหตุปะทะกันในท้ายที่สุด   ด้าน พรรณนภา จันทรารมย์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ให้ข้อมูลกับ THE STANDARD ว่า การประท้วงแผนปฏิรูประบบตุลาการของอิสราเอลเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องมากว่า 28 สัปดาห์แล้ว ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในบริเวณเมือง ชุมชน รวมถึงสถานที่สำคัญทางการเมืองในอิสราเอล…

ยอดเสียชีวิตเหตุน้ำท่วมเกาหลีใต้เพิ่มเป็น 40 คน ประธานาธิบดีชี้ การรับมือภัยพิบัติล้มเหลว

Loading

  ยุนซอกยอล ประธานาธิบดีของเกาหลีใต้ กล่าวตำหนิถึงความล้มเหลวในการปฏิบัติตามแผนรับมือภัยพิบัติแห่งชาติของบรรดาเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง หลังประสบเหตุภาวะน้ำท่วมครั้งใหญ่ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในจังหวัดชุงชองเหนือ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 40 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้หญิงไทย 1 คน ขณะที่ยังสูญหายอีก 9 คน และได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง   ทางการเกาหลีใต้คาดว่า จำนวนผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุน้ำท่วมนี้จะยังคงเพิ่มสูงขึ้นอีกอย่างต่อเนื่องภายในระยะเวลาอันสั้นนี้ โดยเจ้าหน้าที่ทีมกู้ภัยเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยและค้นหาร่างผู้เสียชีวิตที่อาจติดอยู่ภายใต้อุโมงค์หรือจมอยู่ใต้น้ำอย่างเต็มความสามารถ   เหตุการณ์ดังกล่าวก่อให้เกิดการตั้งคำถามถึงความพยายามในการป้องกันและการตอบสนองต่อภาวะวิกฤตที่เกิดขึ้นของรัฐบาลเกาหลีใต้และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขณะที่ผู้ขับขี่ยานพาหนะบางคนชี้ว่า ทางการเกาหลีใต้ไม่สามารถควบคุมการใช้รถใช้ถนนบริเวณอุโมงค์ทางลอดหรือเส้นทางที่คาดว่าจะมีความเสี่ยงในการเกิดน้ำท่วมฉับพลันได้ จนนำไปสู่เหตุสูญเสียในท้ายที่สุด   ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ที่เพิ่งเดินทางกลับจากทริปเยือนต่างประเทศยอมรับว่า ภาวะน้ำท่วมในประเทศเลวร้ายลง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการบริหารจัดการพื้นที่เสี่ยงไม่ดี โดยยุนซอกยอลระบุว่า เราได้เน้นย้ำหลายต่อหลายครั้งถึงความสำคัญในการเข้าถึงพื้นที่เสี่ยงภัย รวมถึงการเตรียมพร้อมที่จะอพยพหากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา แต่ถ้าหากหลักการขั้นพื้นฐานในการรับมือกับสถานการณ์ภัยพิบัติไม่ได้รับการยึดถือหรือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ก็จะส่งผลต่อความปลอดภัยของสาธารณชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้   เมื่อปี 2022 รัฐบาลเกาหลีใต้ได้ให้คำมั่นที่จะดำเนินการเพื่อรับมือกับภัยพิบัติที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศให้ดียิ่งขึ้น หลังเผชิญหน้ากับเหตุน้ำท่วมครั้งใหญ่ เนื่องมาจากพายุฝนที่ตกลงมาอย่างหนักที่สุดในรอบ 115 ปี คร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 14 คน และสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง   นับเป็นอีกหนึ่งความท้าทายในการบริหารจัดการสถานการณ์วิกฤตของเกาหลีใต้ในปีนี้ แม้ในช่วงหลาย ๆ ปีที่ผ่านมาเกาหลีใต้จะเคยเผชิญกับภัยพิบัติครั้งใหญ่มาแล้วหลายต่อหลายครั้งก็ตาม   ด้านสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ…

ศาลรัฐธรรมนูญประกาศกำหนดพื้นที่รักษาความปลอดภัย รับวินิจฉัยสมาชิกภาพ “พิธา”

Loading

  ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ลงนามประกาศกำหนดพื้นที่รักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อย รับมือการพิจารณาสมาชิกภาพ ส.ส.ของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หลัง กกต. ยื่นเรื่องให้วินิจฉัย   วันที่ 18 กรกฎาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวรวิทย์ กังศศิเทียม ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ลงนามในประกาศศาลรัฐธรรมนูญ เรื่อง อาณาบริเวณหรือพื้นที่ที่กำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญและสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ   ใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติงาน รักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อย ประกาศ ณ วันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ.2566 มีรายละเอียดดังนี้   ด้วยศาลรัฐธรรมนูญกำหนดนัดประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ในวันพุธที่ 19 กรกฎาคม 2566 เวลา 09.30 น. ณ ที่ทำการศาลรัฐธรรมนูญ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ พิจารณาคำร้องที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ว่า สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ…

ระวังเสียงปลอม AI เลียนเสียงเป็นคนรู้จักหรือคนมีชื่อเสียง! คนร้ายอาจใช้หลอกโอนเงินได้

Loading

ภาพ : กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม   ระวังเสียงปลอม AI เลียนเสียงเป็นคนรู้จักหรือคนมีชื่อเสียง เพื่อหลอกโอนเงิน เนื่องด้วยมีเทคโนโลยีที่ทำให้เปลี่ยนเสียงตัวเราเองเป็นเสียงคนอื่นหรือคนที่มีชื่อเสียง นำมาใช้ในการโทรผ่านโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือเพื่อหลอกโอนเงิน ทางกระทรวงดิจิทัลฯ ได้ฝากเตือนพร้อมวิธีป้องกันดังนี้   วิธีเช็ก AI SCAM CALLS ก่อนโดนหลอก –  ปลายสายเสียงเหมือนคนรู้จัก แต่ใช้เบอร์แปลกโทรมา หรืออ้างว่าเปิดเบอร์ใหม่ –  พูดเรื่องประเด็นเงิน ๆ ทอง ๆ มาก่อนเรื่องอื่น หลอกยืมเงิน –  สอบถาม ตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกให้แน่ใจก่อน อาทิเช่น ทำงานที่ไหน เกิดวันอะไร เป็นต้น   แนวทางการป้องกัน โปรดสงสัยไว้ก่อนเมื่อรับสายเบอร์แปลก ตรวจสอบให้แน่ใจก่อนโอนเงินและไม่เผยแพร่คลิปวีดีโอหรือเสียงสู่สาธารณะโดยไม่จำเป็น หรือแชร์ให้เฉพาะเพื่อนหรือครอบครัวอนุญาต   ลักษณะการปลอมเสียงเป็นอย่างไร สามารถชมได้ที่วิดีโอด้านล่าง   อ้างอิง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม       ————————————————————————————————————————————————— ที่มา :     …

มิล้าสมัยแม้จะห้ามใช้โทรศัพท์

Loading

  โทรศัพท์อัจฉริยะ เป็นเครื่องใช้ที่มีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตของเราในปัจจุบัน ถึงขั้นขาดไม่ได้จนกลายเป็นเสมือนปัจจัยที่ 5 แล้ว   แต่รัฐบาลและโรงเรียนเนเธอร์แลนด์เพิ่งประกาศว่า ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไปโรงเรียนจะห้ามนักเรียนใช้โทรศัพท์ในห้องเรียน ยกเว้นสำหรับผู้ที่มีความจำเป็นจำพวกด้านสุขภาพและในวิชาที่เกี่ยวกับการเพิ่มทักษะทางเทคโนโลยีดิจิทัล โรงเรียนแต่ละแห่งจะนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติตามแนวที่ตนเห็นว่าเหมาะสม   นโยบายใหม่นี้ยังไม่มีกฎหมายใช้บังคับ หลังจากเวลาผ่านไป 1 ปีจึงจะมีการประเมินว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปรวมทั้งการจะตรากฎหมายใหม่ออกมาบังคับใช้หรือไม่ด้วย เนเธอร์แลนด์เป็นประเทศยุโรปล่าสุดที่ประกาศนโยบายแนวนี้หลังจากฟินแลนด์ทำล่วงหน้าไป 1 สัปดาห์ มีรายงานว่าอังกฤษและฝรั่งเศสกำลังพิจารณาว่าจะทำเช่นนั้นด้วยหรือไม่   ประเทศต่าง ๆ อ้างผลการวิจัยที่สรุปว่า การอนุญาตให้ใช้โทรศัพท์ได้ในเวลาเรียนขัดขวางกระบวนการเรียนรู้ เพราะมันทำลายสมาธิของนักเรียน ข้อสรุปนี้น่าจะเป็นที่ประจักษ์มานานก่อนการวิจัยแล้ว   โรงเรียนจำนวนมากในสหรัฐอเมริกา จึงห้ามนักเรียนใช้โทรศัพท์มือถือในโรงเรียน ตั้งแต่ครั้งโทรศัพท์จำพวกนี้เริ่มมีใช้อย่างแพร่หลาย ก่อนที่จะกลายมาเป็นโทรศัพท์อัจฉริยะ   รัฐบาลกลางอเมริกันไม่มีคำสั่ง หรือนโยบายจากส่วนกลางว่าโรงเรียนจะต้องทำอย่างไร เนื่องจากการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นงานของรัฐบาลท้องถิ่น   ในปัจจุบัน โรงเรียนอเมริกันใช้แนวปฏิบัติต่อการใช้โทรศัพท์ในโรงเรียนต่างกันโดยส่วนใหญ่ห้ามใช้ อย่างไรก็ตาม ความเข้มงวดของการห้ามมีความแตกต่างกัน เช่น ในย่านนอกกรุงวอชิงตันอันเป็นเมืองหลวง บางโรงเรียนเข้มงวดมากถึงกับยึดโทรศัพท์และกักตัวนักเรียนผู้ละเมิดข้อห้าม   แม้เด็กจะทำผิดครั้งแรกก็ตาม จนกว่าผู้ปกครองจะไปลงชื่อรับรู้ความผิดของเด็กและรับเด็กกลับบ้านด้วยตัวเอง ตัวอย่างนี้น่าจะชี้ว่า นักเรียนอเมริกันมิได้มีอิสระสารพัดที่จะทำอะไรก็ได้ดังชาวไทยมักเข้าใจกัน การบังคับใช้ข้อห้ามต่าง ๆ เขาทำกันอย่างเข้มงวด   สำหรับประเทศในยุโรป เช่น…