ดีมากกว่าเสีย? ‘เฟซบุ๊ก’ เก็บเงินยืนยันตัวตน ช่วยแยกเพจปลอมคนดังที่ถูกแอบอ้างได้

Loading

  ผู้เชี่ยวชาญด้านไซเบอร์ ชี้ เฟซบุ๊กเก็บเงินค่ายืนยันตัวตน ช่วยให้รู้ว่าเพจไหนปลอมเพจไหนจริง แต่หวั่นเรื่องข้อมูลส่วนบุคคล ต้องใช้บัตรประชาชนสมัคร ระบุต้องอยู่ภายใต้ ก.ม.พีดีพีเอ   ดร.ปริญญา หอมเอนก ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอซิส โปรเฟสชั่นนัล เซ็นเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า การที่เฟซบุ๊กจะเก็บค่าบริการ ใช้สัญลักษณ์รับรองบัญชีอย่างเป็นทางการ (Meta Verified) ประมาณ 400-500 บาทต่อเดือน นั้น จะช่วยให้ผู้ใช้งานเฟซบุ๊ก รู้ว่าเพจไหนเป็นเพจจริงหรือปลอม หลังจากปัจจุบันจะพบปัญหาเพจปลอมจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่มีชื่อเสียงถูกปลอมหรือแอบอ้างทำเพจปลอมจำนวนมาก ผู้มีชื่อเสียงบางคนถูกนำรูปและข้อมูลไปปลอมเพจมีเป็นสิบเป็นร้อยเพจ ถ้ามีการยืนยันมีเครื่องหมายถูก ก็จะช่วยให้คนที่ใช้งาน รู้ว่าเพจไหนปลอมหรือจริง ช่วยให้ไม่ถูกหลอก   “สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือ การสมัครบริการ จะต้องใช้บัตรประชาชน หรือเอกสารราชการนั้น ทางเฟซบุ๊ก ก็ต้องดำเนินการ ตามกฎหมาย หรือ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ของประเทศไทย ต้องดูแลข้อมูล ไม่ให้เกิดการรั่วไหล และหากเกิดรั่วไหลก็ต้องมีความรับผิดชอบตามกฎหมายประเเทศไทย แต่ที่ผ่านมาผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม จากต่างประเทศเหล่านี้มักอ้างว่า ไม่มีออฟฟิศ หรือสำนักงานในไทย ซึ่งจะทำให้การเอาผิดตามกฎหมายทำได้อยาก ส่งผลให้ไทยไม่มีอธิปไตยไซเบอร์ ที่ไม่สามารถเอาผิดแพลตฟอร์มเหล่านี้ได้ตามกฎหมาย”   ดร.ปริญญา กล่าวต่อว่า การให้บริการนี้ทางเฟซบุ๊ก บอกว่าจะให้บริการในการติดต่อเจ้าหน้าที่ที่รวดเร็วขึ้นหากเกิดปัญหา ถือเป็นพรีเมียมเซอร์วิส แต่ที่จริงควรจะดำเนินการให้กับทุกคนไม่เฉพาะที่ต้องจ่ายเงิน และต้องดูว่า เมื่อมีการจ่ายเงินไปแล้ว จะได้รับบริการเร็วตามที่อ้างหรือไม่ หากมีคนยอมจ่ายเป็นล้านคนจะได้บริการที่รวดเร็วหรือไม่ ต้องดูว่าประสบการณ์ หลังการจ่ายเงินแล้วจะเป็นตามที่โฆษณาหรือไม่ โดยมองว่าบริการนี้จะมีคนจ่ายเฉพาะคนดัง…

แคนาดาเผยพบทุ่นสังเกตการณ์ หลักฐานบ่งชี้จีน “พยายามสอดแนม” พื้นที่อาร์กติก

Loading

  แคนาดาเผยพบทุ่นสังเกตการณ์ หลักฐานบ่งชี้จีน “พยายามสอดแนม” ภูมิภาคอาร์กติก   แคนาดาเผยพบทุ่นสังเกตการณ์ – วันที่ 23 ก.พ. บีบีซี รายงานว่า กองทัพแคนาดา แถลงพบหลักฐานที่บ่งชี้ว่าทางการจีนพยายามสอดแนม ภูมิภาคอาร์กติก หรือบริเวณขั้วโลกเหนือ ซึ่งประกอบไปด้วยพื้นที่บางส่วนของประเทศต่าง ๆ ครอบคลุมถึงแคนาดา กรีนแลนด์ ไอซ์แลนด์ นอร์เวย์ สวีเดน ฟินแลนด์ และสหรัฐอเมริกา   หลังทีมเจ้าหน้าที่ในภารกิจ “โอเปอเรชั่นลิมปิด” ภารกิจสืบภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศด้วยการตรวจตราทางอากาศ ทางบก และทางทะเลของกองทัพแคนาดา ค้นพบทุ่นสังเกตการณ์ช่วงปลายปีก่อน     นายดาเนียล เลอ บูติลิเยร์ โฆษกสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ กล่าวว่ากองทัพตระหนักดีถึงความพยายามของจีนในการสอดแนมน่านฟ้าและเส้นทางการเดินเรือของแคนาดา จีนทำสิ่งนี้โดยใช้เทคโนโลยีเพื่อจุดประสงค์ 2 ด้าน หมายความว่าอุปกรณ์ที่จีนใช้สอดแนมสามารถเก็บรวบรวมข้อมูลทั้งเพื่อการวิจัยและการทหาร   พร้อมเสริมว่ากองทัพได้ยับยั้งการเข้าสอดแนมในแคนาดาตั้งแต่ปี 2565 แต่ไม่ได้ระบุรายละเอียดว่าจีนพยายามล้วงข้อมูลลับด้วยวิธีใด ทั้งนี้ ในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมาจีนส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงเข้าไปในพื้นที่ขั้วโลกเหนือมากถึง 33 ครั้ง หนำซ้ำยังส่งเรือตัดน้ำแข็งและเรือขนาดใหญ่…

พูดคุยดับไฟใต้ นับหนึ่ง “สร้างสันติสุขแบบองค์รวม”

Loading

  คณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมหารือแบบเต็มคณะกับฝ่ายผู้แทน BRN โดยเห็นพ้องจัดทำ “แผนปฏิบัติการร่วมเพื่อสร้างสันติสุขแบบองค์รวม” มุ่งการลดความรุนแรงในพื้นที่   เมื่อวันที่ 21-22 กุมภาพันธ์ 2566 คณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ นำโดย พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ กับคณะผู้แทน BRN นำโดย อุซตาส อานัส อับดุลเราะห์มาน ได้พบหารือและพูดคุยแบบเต็มคณะ ครั้งที่ 6 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย โดยมี พล.อ.ตันศรี ดาโตะซรี ซุลกีฟลี ไซนัล อะบิดิน เป็นผู้อำนวยความสะดวกและมีผู้เชี่ยวชาญร่วมสังเกตการณ์ด้วย ซึ่งผลการพูดคุยฯ มีความคืบหน้าที่สำคัญในการกำหนดแนวทางการปฏิบัติร่วมกันและกรอบเวลาที่ชัดเจนในการแก้ไข ความขัดแย้งและนำสันติสุขสู่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ดังนี้   1.คณะพูดคุยเพื่อสันติสุขฯ และคณะผู้แทน BRN เห็นพ้องที่จะร่วมกันจัดทำ “แผนปฏิบัติการร่วมเพื่อสร้างสันติสุขแบบองค์รวม” หรือ Joint Comprehensive Plan towards Peace (JCPP) เพื่อเป็นแนวทางขับเคลื่อนการพูดคุย ให้คืบหน้าในรูปแบบที่ครอบคลุมและเป็นองค์รวม อีกทั้งมีกรอบเวลาที่ชัดเจนในการปฏิบัติตามเจตนารมณ์ของหลักการทั่วไปของกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้…

มีคลิป : ระทึก! “สถานทูตสหรัฐฯ” ในลอนดอนถูก “ล็อกดาวน์” ระบบเตือนภัยข้างในดัง ทุกคนถูกสั่งหลบให้ห่างจากหน้าต่างเพื่อความปลอดภัย

Loading

  เอเจนซีส์ – สถานทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงลอนดอนถูกล็อกดาวน์เช้าวันพุธ (22 ก.พ.) หลังจากระบบเตือนความปลอดภัยจากด้านในเกิดดังขึ้น ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ทูต พนักงาน และผู้มาติดต่อทุกคนถูกสั่งให้หลบออกห่างจากหน้าต่างเพื่อความปลอดภัย ล่าสุด สถานทูตสหรัฐฯ ทวีตทุกอย่างกลับเข้าสู่ความปกติเรียบร้อย   หนังสือพิมพ์ดิอิฟนิงสแตนดาร์ดของอังกฤษรายงานวันนี้ (22 ก.พ.) ว่า ระบบเตือนความปลอดภัยภายในสถานทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงลอนดอนเกิดดังขึ้นในเช้าวันพุธ (22) สำนักงานตำรวจนครบาลอังกฤษ หรือสกอตแลนยาร์ด แถลงว่า ระบบเตือนภัยเกิดดังขึ้นหลังมีการพบวัตถุสิ่งของต้องสงสัยถูกทิ้งไว้ด้านใน แต่ในแถลงการณ์กล่าวว่า ในท้ายที่สุดเป็นการเตือนผิดพลาด     ตำรวจติดอาวุธอังกฤษ พร้อมสุนัขดมกลิ่นเดินทางเข้าไปหลังได้รับแจ้งเหตุ ภาพถ่ายและวิดีโอคลิปที่เผยแพร่ไปทั่วโซเชียลมีเดียแสดงแถวยาวของผู้มาติดต่อที่มีทั้งเด็กในรถเข็นให้ออกห่างจากหน้าต่างกระจกเพื่อความปลอดภัย   เดลีเอ็กซเพรส สื่ออังกฤษอีกสำนักรายงานว่า หนึ่งในผู้อยู่ในเหตุการณ์ เอโร โคโรล (Aro Korol) ได้เปิดเผยทางทวิตเตอร์ว่า “เสียงเตือนภัยดังขึ้นที่สถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงลอนดอน พวกเขาสั่งให้พวกเราหลบออกมาให้ห่างจากหน้าต่าง เหตุยังคงดำเนินอยู่ต่อไป”     โคโรลโพสต์วิดีโอคลิปแสดงให้เห็นแถวของผู้มาติดต่อกำลังยืนเรียงราย หรือนั่งชิดติดผนังด้านในของอาคาร   ทั้งนี้ ตำรวจสุนัขอังกฤษถูกพบเดินลาดตระเวนด้านในท่ามกลางตำรวจอังกฤษติดอาวุธถือปืนไรเฟิลสังหารกำลังพูดคุยกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย G4S  …

การบินไทย ท่าอากาศยานไทย ทดสอบเทคโนโลยี Biometric ตรวจผู้โดยสารขณะเช็คอินขึ้นเครื่อง

Loading

    การบินไทย ท่าอากาศยานไทย ทดสอบเทคโนโลยี Biometric ก่อนขึ้นเครื่องบิน ยกระดับความปลอดภัย โดยสายการบินไทยเป็นสายการบินนำร่องในโครงการ Biometric Technology ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยร่วมทดสอบในเส้นทางจากกรุงเทพ (สุวรรณภูมิ) ไปยัง ท่าอากาศยานชางงี สิงคโปร์   บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้รับความไว้วางใจจากบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ให้เป็นสายการบินนำร่อง หรือ Pilot Carrier ในโครงการ Biometric Technology ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยเที่ยวบินที่ TG409 เส้นทางกรุงเทพ – สิงคโปร์ จะเป็นเที่ยวบินทดสอบที่นำเทคโนโลยีด้าน Biometric มาใช้ตรวจสอบอัตลักษณ์ของผู้โดยสาร ซึ่งจะมีการถ่ายภาพใบหน้าของผู้โดยสารขณะเช็คอิน ด้วยความสมัครใจ ตั้งแต่วันนี้ – 30 เมษายน 2566     สำหรับผู้โดยสารที่เดินทางในเที่ยวบินดังกล่าวสามารถเช็คอินได้ที่เคาน์เตอร์หมายเลข D9 – D12,…

สื่อเผยจีนห้ามยักษ์ใหญ่เทคโนฯให้บริการ “ChatGPT” หวั่นถูกสหรัฐใช้เป็นเครื่องมือ

Loading

    หน่วยงานกำกับดูแลกฎระเบียบจีนสั่งห้ามบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของจีนให้บริการแชตจีพีที (ChatGPT) ต่อสาธารณชนท่ามกลางกระแสความวิตกกังวลในจีน เกี่ยวกับกรณีที่ ChatGPT ตอบคำถามผู้ใช้งานแบบไม่มีการเซ็นเซอร์คำตอบ   สำนักข่าวนิกเกอิเอเชีย รายงานโดยอ้างอิงข้อมูลจากแหล่งข่าวว่า เทนเซ็นต์ โฮลดิงส์ และแอนท์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทฟินเทคในเครืออาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิง ถูกทางการจีนสั่งห้ามเสนอบริการ ChatGPT บนแพลตฟอร์มของทางบริษัท ไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงแบบโดยตรงหรือผ่านบุคคลที่สามก็ตาม   ขณะเดียวกันแหล่งข่าวระบุว่า บริษัทเทคโนโลยีในจีนต้องรายงานให้หน่วยงานกำกับดูแลกฎระเบียบจีนรับทราบ ก่อนที่จะดำเนินการเปิดตัวบริการแชตบอตสไตล์ ChatGPT ของตนเอง   รายงานระบุว่า ChatGPT ที่พัฒนาโดยโอเพ่นเอไอ (OpenAI) และได้รับการสนับสนุนจากไมโครซอฟท์นั้นไม่ได้มีการเปิดบริการอย่างเป็นทางการในจีน แต่ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตบางรายสามารถเข้าใช้บริการ ChatGPT ผ่านเครือข่ายส่วนตัวเสมือน (VPN) ขณะเดียวกันยังมี “โปรแกรมขนาดเล็ก” (Mini Program) หลายสิบโปรแกรม ที่บรรดานักพัฒนาบุคคลที่สามเปิดตัวบนแอปพลิเคชันสื่อสังคมออนไลน์วีแชท (WeChat) ของเทนเซ็นต์ ซึ่งอ้างว่าสามารถให้บริการ ChatGPT ได้   ภายใต้แรงกดดันด้านกฎระเบียบ เทนเซ็นต์จึงแก้ปัญหาด้วยการระงับบริการของบุคคลที่สาม ไม่ว่าบริการเหล่านี้จะเชื่อมโยงกับ ChatGPT หรือเป็นเพียงโปรแกรมลอกเลียนแบบก็ตาม…