หน่วยงานฝรั่งเศส สั่งปรับ Apple 8 ล้านยูโร เหตุใช้ Targeted Ad ใน App Store โดยไม่ขอผู้ใช้งานก่อน

Loading

  หน่วยงานกำกับดูแล National Commission for Informatics and Liberty ของฝรั่งเศส หรือ CNIL สั่งปรับแอปเปิล เป็นเงิน 8 ล้านยูโร ระบุว่าทำผิดแอปเปิล เนื่องจากแอปเปิลไม่มีการขออนุญาต (consent) ผู้ใช้งานในฝรั่งเศสก่อน เพื่อแสดงโฆษณาแบบเจาะจง (Targeted Ad)   รายละเอียดระบุว่าแอปเปิลเก็บข้อมูลผู้ใช้งาน เพื่อใช้แสดงโฆษณา ซึ่งกำหนดไว้เป็นค่าเริ่มต้น และหากต้องการปิดการทำงาน จะต้องทำหลายขั้นตอนมากในส่วน Settings และ Privacy ทั้งนี้ปัญหาดังกล่าวพบใน App Store บน iOS เวอร์ชันต่ำกว่า 14.6   อย่างไรก็ตามตัวแทนของแอปเปิล ได้ชี้แจงต่อ Fortune ว่าบริษัทผิดหวังกับคำตัดสิน และเตรียมยื่นอุทธรณ์ โดยยืนยันว่าการแสดงโฆษณาสำหรับผู้ใช้งานแต่ละคนนั้น บริษัทใช้ข้อมูลของแอปเปิลเองเท่านั้นในการเลือกโฆษณาแสดง ไม่ได้ใช้ข้อมูลผู้ใช้งาน รวมทั้งไม่ได้ใช้ข้อมูลแทร็กจาก 3rd party ผู้ใช้งานสามารถเลือกเปิดให้ใช้ข้อมูลส่วนตัวประมวลผลได้โดยกำหนดเอง ซึ่งความเป็นส่วนตัวเป็นสิ่งที่แอปเปิลให้ความสำคัญเป็นพื้นฐาน     ที่มา:…

ผู้เชี่ยวชาญเผยสถิติการโจมตีด้วยมัลแวร์เรียกค่าไถ่ในสหรัฐฯ ของปี 2022

Loading

  รายงาน ‘The State of Ransomware in the US: Report and Statistics 2022’ (สถานะของมัลแวร์เรียกค่าไถ่ในสหรัฐอเมริกา: รายงานและสถิติ 2022) ที่เผยแพร่โดย Emsisoft เผยให้เห็นถึงสถานการณ์โจมตีด้วยมัลแวร์เรียกค่าไถ่ที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ ในปีที่ผ่านมา   Emsisoft ชี้ว่าข้อมูลส่วนใหญ่ที่นำมาใช้ในการวิเคราะห์มาจากแหล่งข้อมูลเปิด อาทิ คำแถลงทางการ บทแถลงข่าว ข้อมูลรั่วจากเว็บไซต์บน Tor และฟีดข้อมูลจากภายนอก เป็นไปได้ว่ามีข้อมูลจำนวนมากที่หลุดรอดออกไป ตัวเลขจริงอาจมากกว่านี้มาก   องค์กรที่ถูกโจมตีด้วยมัลแวร์เรียกค่าไถ่โจมตีในรายงาน ได้แก่ รัฐบาลท้องถิ่น 105 แห่ง มหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษาขั้นสูง 44 แห่ง เขตการศึกษา 45 เขตที่ดูแลโรงเรียน 1,981 แห่ง ผู้ให้บริการด้านสุขภาพ 25 แห่งที่ดูแลโรงพยาบาล 290 แห่ง ซึ่งตัวเลขโดยรวมไม่ต่างจากปีก่อน ๆ มากนัก   เมื่อแบ่งผลกระทบของการโจมตีตามประเภท…

ผู้นำเกาหลีใต้ขู่พร้อมยกเลิกสนธิสัญญาทางทหาร หากเกาหลีเหนือรั้นส่งโดรนป่วนน่านฟ้าอีก

Loading

  วันที่ 4 มกราคม ประธานาธิบดียุนซอกยอลแห่งเกาหลีใต้เปิดเผยว่า เขาพร้อมพิจารณาระงับสนธิสัญญาทางทหารระหว่างสองเกาหลีที่จัดทำขึ้นเมื่อปี 2018 หากเกาหลีเหนือส่งโดรนรุกล้ำน่านฟ้าของเกาหลีใต้อีกครั้ง   คำกล่าวของยุนมีขึ้นหลังจากที่เขาได้ร่วมประชุมเพื่อกำหนดมาตรการตอบโต้ต่อเกาหลีเหนือ โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเกาหลีเหนือได้ส่งโดรนขนาดเล็กหลายลำรุกล้ำน่านฟ้าของเกาหลีใต้เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 5 ปี ขณะที่ฝั่งเกาหลีใต้ได้ส่งโดรน 3 ลำเข้าไปในเกาหลีเหนือเพื่อเป็นการตอบโต้   คิมอึนเฮ เลขาธิการอาวุโสฝ่ายกิจการสื่อของยุน เปิดเผยว่า “ในระหว่างการประชุม ท่านประธานาธิบดีสั่งการให้สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติพิจารณาระงับข้อตกลงทางทหาร หากเกาหลีเหนือยังดึงดันกระทำการยั่วยุด้วยการบุกรุกดินแดนของเราอีกครั้ง”   ย้อนกลับไปเมื่อปี 2018 คิมจองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ และอดีตประธานาธิบดีมุนแจอินแห่งเกาหลีใต้ ได้ร่วมกันทำข้อตกลงฉบับหนึ่งขึ้นมา โดยเรียกร้องให้มีการยุติ ‘การกระทำที่เป็นปรปักษ์ทุกรูปแบบ’ รวมถึงจัดตั้งเขตห้ามบินตามแนวพรมแดน และร่วมกันเก็บกู้ทุ่นระเบิดในเขตปลอดทหาร (Demilitarized Zone) แต่ถึงเช่นนั้นข้อตกลงดังกล่าวก็ไม่ถือเป็นสนธิสัญญาสันติภาพอย่างเป็นทางการ   การยกเลิกสนธิสัญญาทางทหารนี้อาจทำให้ทั้งสองประเทศส่งทหารกลับมาประจำการอีกครั้ง รวมถึงมีความเป็นไปได้ที่จะจัดการซ้อมรบด้วยกระสุนจริงในเขตห้ามบิน และการส่งใบปลิวโฆษณาชวนเชื่อข้ามพรมแดน ซึ่งล้วนเป็นกิจกรรมที่ทำให้ฝั่งเกาหลีเหนือโกรธเกรี้ยวอย่างมากจนมีการงัดใช้มาตรการตอบโต้หลายครั้งก่อนที่จะมีการทำข้อตกลงนี้   นักวิเคราะห์ระบุว่า แม้ความสัมพันธ์ระหว่างสองเกาหลีจะมีปัญหามายาวนานหลายทศวรรษ แต่สถานการณ์กลับยิ่งตึงเครียดมากขึ้น นับตั้งแต่ยุนเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยเขาเป็นผู้นำที่ให้คำมั่นว่าจะใช้ไม้แข็งเพื่อจัดการกับการยั่วยุของเกาหลีเหนือ โดยในระหว่างการหาเสียงเมื่อปีที่แล้ว ยุนกล่าวว่าเกาหลีเหนือได้กระทำการละเมิดข้อตกลงหลายครั้งจากการกระหน่ำทดสอบยิงขีปนาวุธ และเตือนว่าเขาพร้อมคว่ำข้อตกลงหากชนะการเลือกตั้ง และหลังจากที่ขึ้นครองตำแหน่งผู้นำประเทศแล้ว เขากล่าวว่าชะตากรรมของสนธิสัญญานี้ขึ้นอยู่กับความประพฤติของเกาหลีเหนือเอง    …

ศาลสหรัฐสั่งจำคุกชาวนิวยอร์กผู้ขโมยความลับทางการค้า “เจเนอรัล อิเล็กทริก” ให้จีน

Loading

  กระทรวงยุติธรรมสหรัฐเปิดเผยว่า ชายชาวนิวยอร์กคนหนึ่งถูกตัดสินจำคุก 2 ปีในข้อหาสมรู้ร่วมคิดในการขโมยความลับทางการค้าของบริษัทเจเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) เพื่อผลประโยชน์ต่อจีน   กระทรวงฯ ระบุว่า นายเสี่ยวฉิง เจิง วัย 59 ปี จากเมืองนิสกายูนา รัฐนิวยอร์ก ถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดฐานสมรู้ร่วมคิดกระทำการจารกรรมทางเศรษฐกิจ หลังการพิจารณาคดีของคณะลูกขุนเป็นเวลา 4 สัปดาห์ ซึ่งสิ้นสุดลงในเดือนมี.ค.ปีที่แล้ว นอกจากนี้ นางแมร์ ดีอาโกสติโน ผู้พิพากษาเขตของสหรัฐยังสั่งปรับนายเจิงอีก 7,500 ดอลลาร์และถูกคุมประพฤติอีก 1 ปีหลังออกจากคุก   เจ้าหน้าที่สหรัฐระบุว่า รัฐบาลจีนเป็นภัยคุกคามระยะยาวที่ใหญ่ที่สุดต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงของสหรัฐ และกำลังดำเนินการขโมยเทคโนโลยีที่สำคัญจากธุรกิจและนักวิจัยของสหรัฐในลักษณะที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ซึ่งเบื้องต้นจีนปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว   ทั้งนี้ กระทรวงฯ เผยว่า นายเจิงทำงานอยู่ที่บริษัทจีอี พาวเวอร์ ในเมืองสเกอเนคเทอดี รัฐนิวยอร์กในตำแหน่งวิศวกรผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการซีลกังหัน โดยเขาทำงานที่จีอีมาตั้งแต่ปี 2551 จนถึงช่วงฤดูร้อนปี 2561   กระทรวงฯ เสริมว่า หลักฐานในการพิจารณาคดีแสดงให้เห็นว่า นายเจิงและพรรคพวกในประเทศจีนสมรู้ร่วมคิดกันวางแผนขโมยความลับทางการค้าของจีอีเกี่ยวกับเทคโนโลยีกังหันที่ใช้สำหรับภาคพื้นดินและการบิน เพื่อผลประโยชน์ต่อจีน รวมถึงบริษัทและมหาวิทยาลัยในจีนที่ทำการวิจัยและผลิตชิ้นส่วนสำหรับกังหัน…

“มัสยิดอัล-อักซอ” ชนวนขัดแย้งอิสราเอล-ปาเลสไตน์

Loading

  แนวโน้มความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์อาจปะทุขึ้นอีกครั้งในเร็ว ๆ นี้ หลังรัฐมนตรีในรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ที่เพิ่งจะสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง ได้เดินทางไปยังมัสยิดอัล-อักซอ สถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิมที่ตั้งอยู่ในบริเวณเมืองเก่าของนครเยรูซาเลม และยังเป็นหนึ่งในพื้นที่เปราะบางที่สุดในความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์   เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้กลุ่มฮามาสออกมาประณามและระบุว่าการกระทำนี้เป็นการยั่วยุ และ เหตุการณ์นี้จะก่อให้เกิดความขัดแย้งรอบใหม่หรือไม่   ภาพของรัฐมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ “อิตามาร์ เบน กวีร์” ที่กำลังเดินเข้าไปในบริเวณมัสยิดอัล-อักซอ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิมที่ตั้งอยู่ในเขตเมืองเก่าของนครเยรูซาเล็ม ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างหนาแน่น     เบน กวีร์เป็นหนึ่งในคนที่มีแนวคิดขวาจัด เขามาจากพรรคพลังชาวยิว (Jewish Power) ซึ่งเป็นพรรคพันธมิตรลัทธิไซออนิสต์เคร่งศาสนา และเพิ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูเมื่อวันที่ 29 ธันวาคมที่ผ่านมา   มีรายงานว่าเบน กวีร์ เดินทางไปมัสยิดอัล-อักซอในช่วงเวลาเช้าตรู่ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับการละหมาด   เบน กวีร์ใช้เวลาอยู่ภายในมัสยิดอัล-อักซอไม่นาน ก่อนจะทวีตภาพตัวเองบนบัญชีทวิตเตอร์พร้อมกับเขียนข้อความที่มีระบุถึง Temple Mount หรือ เนินพระวิหาร ซึ่งเป็นชื่อที่ชาวยิวใช้เรียกสถานที่ศักดิ์สิทธิ์นี้   เขาให้สัมภาษณ์สั้นๆ กับสื่อมวลชน ระบุว่า รัฐบาลอิสราเอลจะไม่ยอมยกสถานที่แห่งนี้ให้กับองค์กรอาชญากรรม   โฆษกของกลุ่มฮามาส ซึ่งปกครองพื้นที่ฉนวนกาซาของปาเลสไตน์ออกมาแถลงการณ์ประณามทันที…

“สกมช.”ห่วงหน่วยงานรัฐขาดผู้บริหารด้านไอที

Loading

  เผย หน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ยังขาดผู้บริหารความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ ตามที่กฎหมายกกำหนดให้ต้องมี เพื่อป้องกันและบริหารความเสี่ยงด้านภัยไซเบอร์ เร่งจัดอบรมและประสานหน่วยงานต่าง ๆ ให้ปฏิบัติตามเกณฑ์มาตรฐานขั้นต่ำที่กำหนด   พล.อ.ต.อมร ชมเชย เลขาธิการคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (สกมช.) เปิดเผยว่า กฎหมายลูกของ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. 2562 ได้บังคับให้หน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศ (ซีไอไอ) ของประเทศ เช่น ด้านการเงิน โทรคมนาคม  สาธารณูปโภค สาธารณสุข การศึกษา ฯลฯ  ต้องมีตำแหน่งผู้บริหารความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ หรือซิโซ่ (CISO) เพื่อทำหน้าที่บริหารความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ให้กับหน่วยงาน ให้ได้ตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนดและป้องกันความเสี่ยง และผลกระทบต่อที่อาจเกิดขึ้น กรณีถูกโจมตีจนเกิดความเสียหายต่อระบบ ทำให้บริการหรือธุรกิจหยุดชะงัก จนส่งผลต่อประชาชนในวงกว้าง   อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันบางหน่วยงานของรัฐ รวมถึงรัฐวิสาหกิจ ที่เกี่ยวข้องกับงานโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศ ยังไม่มีการตั้งบุคคลมาดำรงตำแหน่งนี้ เนื่องจากขาดแคลนบุคลากรที่เชี่ยวชาญ ที่จะขึ้นมาในระดับผู้บริหาร ขณะที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่เป็นภาคเอกชน เช่น สถาบันการเงิน ฯลฯ ไม่น่าเป็นห่วง เนื่องจากมีบุคลากรที่พร้อมกว่า รวมถึงมีงบประมาณในการจ้างผู้เชี่ยวชาญในส่วนนี้ ให้มาทำงานได้ ซึ่งที่ผ่านมาทาง สกมช. ก็ได้เร่งแก้ปัญหาในกับหน่วยงานรัฐ ด้วยการเปิดหลักสูตรด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ระดับผู้บริหาร (เอ็กซ์คูลซีฟ ซิโซ่) ในรุ่นที่ 1 ซึ่งมีผู้บริหารหน่วยงานรัฐ สำเร็จจบหลักสูตรแล้ว 69 คน   พล.อ.ต.อมร กล่าวต่อว่า ทาง สกมช. ได้พยายามประสานและแจ้งหน่วยงานเหล่านี้แล้ว…