อินเดียเผยแผนการ เตรียมก่อสร้างรั้วเป็นระยะทางยาวกว่า 1,600 กิโลเมตร ตามแนวพรมแดนที่ติดกับเมียนมา หลังทหารเมียนมาหลายร้อยนายหลบหนีการสู้รบเข้ามาในพื้นที่
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย เมื่อวันที่ 21 ม.ค. ว่านายอมิต ชาห์ รมว.มหาดไทยอินเดีย กล่าวระหว่างการลงพื้นที่รัฐอัสสัม ที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เตรียมสร้างรั้วกั้นตลอดแนวพรมแดนระหว่างอินเดียกับเมียนมา ซึ่งมีระยะทางยาว 1,643 กิโลเมตร แต่ยังไม่มีกำหนดการชัดเจน ว่าจะก่อสร้างเมื่อใด
ขณะเดียวกัน ชาห์ กล่าวว่า รัฐบาลอินเดียจะยุติข้อตกลง “การเคลื่อนไหวอย่างเสรี” กับเมียนมา ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา อนุญาตให้พลเมืองของทั้งสองประเทศ ที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดน สามารถเดินทางข้ามพรมแดนเข้าไปในอีกประเทศได้ ภายในขอบเขตและระยะเวลาที่กำหนด โดยไม่จำเป็นต้องขอวีซ่า
ด้านรัฐบาลทหารเมียนมายังไม่มีความเห็นอย่างเป็นทางการ ปัจจุบัน อินเดียมีแนวรั้วกั้นเป็นระยะทางยาวกว่า 2,000 กิโลเมตร ตลอดแนวพรมแดนที่ติดกับปากีสถาน และอีกประมาณ 3,100 กิโลเมตร บนแนวพรมแดนที่ติดกับบังกลาเทศ
การประกาศดังกล่าวของทางการอินเดียเกิดขึ้น หลังเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านั้น มีรายงานจากกองกำลังสารวัตรทหาร แห่งรัฐอัสสัม ว่าทหารเมียนมาอย่างน้อย 278 นาย อาศัยอยู่ที่ศูนย์พักพิงชั่วคราว ของหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ที่อยู่ใกล้กับชายแดนระหว่างสองประเทศ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ของอินเดียมอบความช่วยเหลือขั้นพื้นฐาน ให้แก่ทหารเมียนมาทุกนาย
นอกจากนี้ สื่อท้องถิ่นของอินเดียรายงานด้วยว่า ทหารเมียนมาลี้ภัยมายังรัฐอัสสัม และรัฐมิโซรัม อย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่การสู้รบระหว่างกองทัพเมียนมากับกองกำลังชาติพันธุ์ เปิดฉากเมื่อเดือน ต.ค. ปีที่แล้ว ในรัฐฉาน แต่ลุกลามออกไปสู่พื้นที่บางแห่งทางตะวันตก โดยเฉพาะรัฐยะไข่และรัฐชิน ซึ่งมีพรมแดนติดกับบังกลาเทศและอินเดีย
แม้รัฐบาลทหารเมียนมาและพันธมิตรภราดรภาพ ได้แก่ กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติท่าอ่าง (ทีเอ็นแอลเอ) กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (เอ็มเอ็นดีเอเอ) และกองทัพอาระกัน (เอเอ) ตกลงสงบศึกครั้งใหม่ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยมีจีนทำหน้าที่คนกลาง อย่างไรก็ตาม การหยุดยิงครอบคลุมเฉพาะในรัฐฉาน และพื้นที่บางแห่งทางตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งมีพรมแดนติดกับจีนเท่านั้น
เครดิตภาพ : AFP
————————————————————————————————————————————-
ที่มา : เดลินิวส์ออนไลน์ / วันที่เผยแพร่ 21 ม.ค.67
Link : https://www.dailynews.co.th/news/3103160/