นักเรียนแลกเปลี่ยนชาวจีนคนหนึ่ง ซึ่งตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวง “ลักพาตัวทางไซเบอร์” จนทำให้ผู้ปกครองของเขาถูกกรรโชกทรัพย์เป็นเงิน 80,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.7 ล้านบาท) ถูกพบว่ายังมีชีวิตอยู่ แต่เขา “หนาวและหวาดกลัว” อยู่ในเต็นท์กลางป่าของรัฐยูทาห์
สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากนครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 3 ม.ค. ว่า ตำรวจสหรัฐได้รับรายงานว่า นายไค จ้วง วัย 17 ปี หายตัวไป เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. ที่ผ่านมา หลังผู้ปกครองของเขาในจีน บอกกับเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนแห่งหนึ่งที่บุตรของพวกเขาศึกษาอยู่ ในเมืองริเวอร์เดล รัฐยูทาห์ ว่าไคถูกลักพาตัว และพวกเขาถูกเรียกค่าไถ่
ทั้งนี้ คดีดังกล่าวเป็นไปตามรูปแบบทั่วไปของการลักพาตัวทางไซเบอร์ โดยผู้ลักพาตัวจะบอกให้เหยื่อแยกตัวอยู่คนเดียว และถ่ายภาพให้ดูเหมือนว่าถูกคุมขังอยู่ ซึ่งรูปถ่ายข้างต้นจะถูกส่งไปยังครอบครัวของเหยื่อ เพื่อขู่กรรโชกทรัพย์ ขณะที่เหยื่อต้องยอมทำตามคำสั่งของคนร้าย เพราะเชื่อว่าครอบครัวของพวกเขาอาจได้รับอันตราย หากไม่ปฏิบัติตามแต่โดยดี
NBC News
ภายหลังการค้นหาและการตรวจสอบนานหลายวัน ตำรวจเชื่อว่า ไคกำลังเก็บตัวอยู่ในเต็นท์ ที่อยู่ห่างออกไปทางตอนเหนือประมาณ 40 กิโลเมตร ในพื้นที่ขนาดใหญ่ใกล้เมืองบริกแฮมซิตี
“เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นในรัฐยูทาห์ ในช่วงเวลานี้ของปี เราจึงมีความกังวลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความปลอดภัยของเหยื่อ เพราะเขาอาจเสียชีวิตในชั่วข้ามคืนได้” กรมตำรวจเมืองริเวอร์เดล ระบุในการแถลงข่าว พร้อมกับเสริมว่า เจ้าหน้าที่พบไค ซึ่งยังมีชีวิต แต่อยู่ในสภาพหนาวสั่นและหวาดกลัว ในเต็นท์บนไหล่เขา โดยภายในมีเพียงผ้าห่ม, อาหารและน้ำที่มีอย่างจำกัด และโทรศัพท์มือถือหลายเครื่อง ซึ่งทางตำรวจสันนิษฐานว่า มันถูกใช้เพื่อการลักพาตัวทางไซเบอร์
อีกด้านหนึ่ง ครอบครัวอุปถัมภ์ของไค ในเมืองริเวอร์เดล กล่าวว่า ในตอนแรกพวกเขาไม่รู้ว่าไคหายตัวไป และได้ยินเสียงเขาอยู่ในครัว ช่วงเช้าตรู่ของวันที่เกิดเหตุ
ขณะที่สถานเอกอัครราชทูตจีน ประจำกรุงวอชิงตัน กล่าวเตือนชาวจีนที่อาศัยอยู่ในสหรัฐ ให้เพิ่มความตระหนักด้านความปลอดภัย, ใช้มาตรการป้องกันล่วงหน้าที่จำเป็น และระมัดระวังต่อ “การลักพาตัวเสมือนจริง” รวมถึงการฉ้อโกงทางโทรคมนาคม และทางออนไลน์ในรูปแบบอื่น ๆ.
เครดิตภาพ : AFP
———————————————————————————————————————————————————————————
ที่มา : เดลินิวส์ออนไลน์ / วันที่เผยแพร่ 3 ม.ค.67
Link : https://www.dailynews.co.th/news/3049777/