ประเด็นกฎหมายอวกาศกลับมาเป็นที่พูดคุยกันอีกครั้ง หลังองค์กรเอกชนเริ่มมองดวงจันทร์เป็นจุดหมายปลายทางของการทำธุรกิจ เช่น ส่งอัฐิมนุษย์ ไปจนถึงสร้างไม้กางเขน หวั่นเกิดความขัดแย้งระหว่างประเทศหากไร้การควบคุม ตามการรายงานของรอยเตอร์
เดือนมกราคมที่ผ่านมา บริษัทสัญชาติสหรัฐฯ ชื่อแอสโทรโบติค (Astrobotic) เพิ่งประสบความล้มเหลวในการนำยานลงจอดบนดวงจันทร์ โดยในยานลำดังกล่าว ได้บรรทุกสิ่งของไปหลายชิ้น รวมถึงอัฐิมนุษย์และกระป๋องเครื่องดื่มเกลือแร่ยี่ห้อโพคาริ สเวท (Pocari Sweat) จากญี่ปุ่น
บริษัทเอกชนหลายแห่งมีแผนที่จะนำยานอวกาศไปลงจอดบนดวงจันทร์ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าเพื่อทำโครงการทางธุรกิจของตน และได้สร้างความกังวลในแง่กฎหมายว่ามนุษย์สามารถทำอะไรบนดวงจันทร์ได้บ้าง
แม้สหรัฐฯ จะมีกฎหมายว่า สิ่งของที่ยานอวกาศจะสามารถบรรทุกออกจากโลกได้ จะต้องไม่ก่ออันตรายในด้านสุขภาพและความปลอดภัยต่อสาธารณะ รวมถึงความมั่นคงของสหรัฐฯ หรือพันธะระหว่างประเทศที่สหรัฐฯ ผูกพันอยู่ แต่ก็ยังไม่มีรายละเอียดหรือมาตรฐานที่จะวางกรอบที่ชัดเจนว่าสามารถนำอะไรขึ้นไปสู่ดวงจันทร์หรือวัตถุบนท้องฟ้าอื่น ๆ ได้บ้าง
รอยเตอร์ระบุว่า ประเด็นข้างต้นจะยิ่งได้รับความสนใจมากขึ้น ในห้วงยามที่องค์การศึกษาการบินและอวกาศแห่งอเมริกา หรือ NASA พึ่งพาภาคเอกชนอย่างหนักเพื่อลดต้นทุนในการเดินทางไปยังดวงจันทร์ และยังวางวิสัยทัศน์ในระยะยาวในการมีฐานบนดวงจันทร์ ซึ่งจะกระตุ้นการแข่งขันในภาคธุรกิจมากยิ่งขึ้น
นักกฎหมายและผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายอวกาศกังวลว่า หากไร้การกำกับดูแล บริษัทสหรัฐฯ อาจไปขัดแย้งกับประเทศอื่นที่มีปฏิบัติการบนดวงจันทร์ และอาจเกิดข้อพิพาทระหว่างประเทศได้หากมีการตีความว่า การดำเนินการของภาคเอกชนคือการครอบครองดินแดนหรือประกาศพื้นที่อธิปไตย
ไม่เพียงเท่านั้น การไม่มีกฎหมายควบคุมก็เสี่ยงที่จะทำให้รัฐบาลวอชิงตันละเมิดสนธิสัญญาว่าด้วยอวกาศ ค.ศ. 1967 หรือ Outer Space Treaty ซึ่งระบุถึงหลักเกณฑ์การดำเนินกิจการของรัฐในการสำรวจและการใช้อวกาศ รวมทั้งดวงจันทร์และเทหะในท้องฟ้าอื่น ๆ รวมทั้งการกำกับดูแลกิจการเกี่ยวกับอวกาศของหน่วยงานที่ไม่ใช่หน่วยงานรัฐ
ประเด็นนี้เป็นโจทย์ที่สหรัฐฯ พยายามหาแนวทางกำกับดูแลกิจกรรมเชิงพาณิชย์บนอวกาศที่ไม่เข้มงวดไปจนปิดกั้นนวัตกรรมตามที่คนในแวดวงธุรกิจกังวล
ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจากความคลุมเครือเริ่มมีให้เห็นแล้วในประเด็นความเชื่อและวัฒนธรรม
จัสติน ปาร์ค นักธุรกิจในกรุงวอชิงตัน มีแผนจะสร้างไม้กางเขนความสูงประมาณตึกสองชั้นบนดวงจันทร์ โดยใช้มวลดินบนนั้นเป็นวัสดุก่อสร้าง และได้พูดคุยกับสมาชิกฝ่ายนิติบัญญัติของสหรัฐฯ รวมถึงองค์กรคาธอลิคในเรื่องงบประมาณ ซึ่งประเมินเอาไว้ว่าจะใช้เงินราว 1 พันล้านดอลลาร์
ปาร์คระบุว่า ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำอะไรได้หรือไม่ได้บนดวงจันทร์ ไม่ควรเข้มงวดจนเกินไป ไม่เช่นนั้นอุตสาหกรรมที่มุ่งหมายปลายทางที่ดวงจันทร์อาจจะล่มไม่เป็นท่าตั้งแต่ยังไม่เริ่ม และยังระบุด้วยว่า “ไม่มีใครเป็นเจ้าของดวงจันทร์”
ก่อนหน้านี้ บ.เซเลสทิส (Celestis) จากรัฐเท็กซัส ที่นำอัฐิมนุษย์ขึ้นดวงจันทร์ไปกับยานอวกาศของ บ.แอสโทรโบติค สร้างความไม่พอใจจากชนพื้นเมืองเผ่านาวาโฮ ที่มองว่าเป็นการลบหลู่ดวงจันทร์ ซึ่งชนเผ่าถือว่ามีความศักดิ์สิทธิ์
นักกฎหมายระบุว่า มีเพียงไม่กี่ประเทศที่กำหนดมาตรฐานการทำกิจกรรมบนดวงจันทร์ และในแง่กฎหมายระหว่างประเทศก็ยังมีความคลุมเครืออยู่
ที่มา: รอยเตอร์
——————————————————————————————————————————————
ที่มา : VoAThai / วันที่เผยแพร่ 7 ก.พ.67
Link : https://www.voathai.com/a/private-lunar-operations-stir-legal-debate/7476719.html