กสทช. ร่วมกับตัวแทนผู้ให้บริการเครือข่ายดัง สั่งระงับผู้ถือครองซิมการ์ด 101 ซิมขึ้นไป ที่ยังไม่มายืนยันตัวตน ตามมาตรการกวาดล้างซิมเถื่อน
15 ก.พ. ที่ผ่านมา ตัวแทนคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ร่วมกับตำรวจไซเบอร์ และตัวแทนผู้ให้บริการ ประกอบด้วย AIS true-dtac และ NT ร่วมประชุมเพื่อหารือถึงมาตรการยืนยันตัวตนและข้อมูลเกี่ยวกับการใช้บริการของผู้ใช้บริการที่ถือครองซิมการ์ด หลังพ้นกำหนดระยะเวลายืนยันตัวตน
พร้อมบูรณาการความร่วมมือระหว่าง กสทช. ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขยายผลเอาผิดกับผู้ปลอมแปลงเอกสารในการจดทะเบียนซิม ป้องกันมิจฉาชีพนำไปใช้ในการก่ออาชญากรรมออนไลน์
พล.ต.อ.ดร.ณัฐธร เพราะสุนทร กสทช.ด้านกฎหมาย และประธานอนุกรรมการบูรณาการบังคับใช้กฎหมายความผิดทางเทคโนโลยีฯ
พล.ต.อ.ดร.ณัฐธร เพราะสุนทร กสทช.ด้านกฎหมาย และประธานอนุกรรมการบูรณาการบังคับใช้กฎหมายความผิดทางเทคโนโลยีฯ กล่าวว่า จากแนวคิดในการจัดระเบียบซิมการ์ด โดยเฉพาะหมายเลขในระบบเติมเงิน ที่ไม่มีการลงทะเบียนผู้ใช้งานจริง หรือลงทะเบียนด้วยข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง มีการปลอมแปลงเอกสารในการจดทะเบียนซิม
โดย กสทช. ได้ออกมาตรการยืนยันตัวตนและข้อมูลเกี่ยวกับการใช้บริการของผู้ใช้บริการที่ถือครองซิมการ์ด โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา ตามมาตรการกำหนดกลุ่มเป้าหมายเป็นสองกลุ่ม คือ
• ผู้ถือครองซิมการ์ด ตั้งแต่ 6-100 หมายเลข ให้ยืนยันตัวตนภายใน 180 วัน
• ผู้ที่ถือครองซิมการ์ด 101 หมายเลข ขึ้นไป ให้ยืนยันตัวตนภายใน 30 วัน
ซึ่งขณะนี้ ในส่วนของกลุ่มผู้ที่ถือครองซิมการ์ด 101 หมายเลขขึ้นไป ได้ครบกำหนดยืนยันตัวตนแล้ว เมื่อวันที่ 14 ก.พ. 67 ที่ผ่านมา กสทช. จึงได้ประชุมเร่งรัดให้ผู้ประกอบการทุกค่าย ดำเนินการระงับบริการตามเงื่อนไข ทั้งในส่วนของการโทรออก การส่งข้อความ SMS และการใช้งานอินเตอร์เน็ต จะอนุญาตเพียงการโทรเบอร์ฉุกเฉินเท่านั้น
จากสถิติของผู้ประกอบการที่รายงานมายัง กสทช. มีสถิติผู้ที่ถือครองซิมการ์ด 101 หมายเลขขึ้นไป มายืนยันตัวตน ดังนี้
• AIS ร้อยละ 58.56
• true-dtac ร้อยละ 35
• NT ร้อยละ 23.14
จากการตรวจสอบพบว่า หมายเลขบางส่วนที่ยังไม่ได้มายืนยันตัวตน จะเป็นซิมที่ติดตั้งอยู่ในอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ไม่ได้รับข้อความ SMS แจ้งเตือน และบางส่วนเชื่อได้ว่าเป็นซิมเถื่อนที่อยู่ในมือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และอาชญากรออนไลน์อื่น ซึ่งไม่กล้ามาแสดงตัวเพื่อยืนยันตัวตน และกลุ่มนี้เป็นเป้าหมายของมาตรการดังกล่าว
ที่ประชุมหารือถึงมาตรการยืนยันตัวตนและข้อมูลเกี่ยวกับการใช้บริการของผู้ใช้บริการที่ถือครองซิมการ์ด
ซึ่งในที่ประชุมได้กำชับให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกค่าย เริ่มระงับการโทรออกและการใช้เน็ต ตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ. 67 เป็นต้นไป ก่อนเพิกถอนการใช้ออกจากระบบต่อไป
พล.ต.อ.ณัฐธร เสริมว่า ที่ผ่านมา พบว่ามีบุคคลบางกลุ่ม มีพฤติการณ์ปลอมแปลงเอกสาร หรือปลอมบัตรประชาชนในการจดทะเบียนซิมการ์ดโดยมิชอบ ใช้บัตรประชาชนของผู้อื่น หรือลงทะเบียนด้วยข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ในส่วนนี้ กสทช. ได้ประสานการทำงานกับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกค่ายอย่างใกล้ชิด และส่งข้อมูลให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดต่อไป
การกระทำในลักษณะดังกล่าว ถือเป็นความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม ปลอมบัตร และใช้หรือแสดงบัตรปลอม และอาจเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ด้วย ขบวนการเหล่านี้ถือเป็นต้นตอของปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในปัจจุบัน ต้องถูกดำเนินคดีและกำจัดให้หมดไป
———————————————————————————————————————————————————————————
ที่มา : PPTV Online / วันที่เผยแพร่ 16 ก.พ.67
Link : https://www.pptvhd36.com/news/ไอที/217249